จากกรณี นายขนบ หรือ เสี่ยหมาส อายุ 56 ปี เจ้าของสนามไก่ชนชื่อดัง ใน อ.สวี จ.ชุมพร ได้หายตัวไปอย่างปริศนาจากบ้านพัก ในพื้นที่ หมู่ 5 ตำบลเขาค่าย อ.สวี จ.ชุมพร ช่วงคืนวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 67 พร้อมรถยนต์ฟอร์จูนเนอร์สีขาว และจนถึงขณะนี้ยังไม่ทราบชะตากรรม โดยเบาะแสล่าสุด มีเพียงรูปชายปริศนาใส่แว่นรายหนึ่ง ได้ขับรถของเสี่ยหมาส มุ่งหน้า เข้ากรุงเทพฯ ก่อนที่อีกวันรถได้ไปโผล่ที่ จ.นครพนม

 

เปิดวงจรปิดใหม่ พบกระบะดำปริศนาโผล่ขับตามรถเสี่ย เส้นทางระหว่างสัญญาณโทรศัพท์หาย

ล่าสุดทีมข่าวได้ภาพจากกล้องวงจรปิดเพิ่มเติมในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่เสี่ยหมาสหาย โดยภาพกล้องวงจรปิด เลยสี่แยกพุทรา และแยกตลาดเขาค่าย ซึ่งเป็นจุดที่อยู่ในช่วงสัญญาณโทรศัพท์มือถือของเสี่ยหมาสหายไป

 

พบว่า เวลาประมาณ 20.54 น. จะเห็นรถกระบะดำปริศนา ได้ขับตามรถยนต์ฟอร์จูนเนอร์สีขาวของเสี่ยหมาสไปตามเส้นทาง โดยลักษณะขับตามอยู่ห่างๆ

 

ก่อนที่กล้องวงจรปิดบริเวณสี่แยกเขาปีบ เวลา 21.08 น. จะไม่เห็นรถกระบะดำขับตามแล้ว เห็นเพียงรถของเสี่ยหมาสมุ่งหน้าจังหวัดสุราษฯแล้ว

 

ซึ่งภาพดังกล่าวสอดคล้องกับข้อสันนิษฐานของลุงราญพี่ชายเสี่ยหมาสที่เชื่อว่า คนร้ายอาจจะมีการนัดเสี่ยออกมาข้างนอกหรือไม่ จากนั้นได้ก่อเหตุทำร้ายเสี่ยนำเสี่ยสลับรถ โดยรถอีกคันแยกไปอีกทาง เพื่อเอาเสี่ยไปทิ้ง ส่วนรถของเสี่ย มีคนขับมุ่งหน้าไปจังหวัดสุราษฯและไปกรุงเทพเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ตำรวจ

 


พบซอยลับ จุดสัญญาณมือถือเสี่ยหาย

ต่อมาทีมข่าวได้เดินทางไปสำรวจบริเวณจุดที่พี่ชายของเสี่ยหมาส ได้ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า ตำรวจพบสัญญาณโทรศัพท์ของน้องชายถูกตัดลงบริเวณพ้นแยกตลาดเขาค่าย ซึ่งก่อนหน้านี้ทีมข่าวได้ภาพจากกล้องวงจรปิดเส้นทางดังกล่าวแล้วพบว่า รถยนต์ฟอร์จูนเนอร์ของเสี่ยหมาส ได้ขับออกจากบ้านไปแบบรวดเร็วผิดปกติ ส่วนจุดที่สัญญาณโทรศัพท์ของเสี่ยหมาสหาย อยู่ห่างจากบ้านเสี่ยไปประมาณ 2 กิโลเมตรกว่าเท่านั้น

 

จากการลงพื้นที่สำรวจ และดูกล้องวงจรปิดพบว่า รถของเสี่ยหมาส แทบไม่ได้หยุดวิ่ง เพราะกล้องวงจรปิดจับภาพได้อย่างต่อเนื่อง และช่วงเวลาสอดคล้องกัน แต่สัญญาณโทรศัพท์ถูกตัดลง

 

ทีมข่าวจึงได้ลงพื้นที่สำรวจเส้นทางในจุดที่สัญญาณโทรศัพท์หาย เพื่อตรวจสอบตามสมมุติฐานของพี่ชายของเสี่ยหมาส ว่าเป็นไปได้หรือไม่ว่า ที่คนร้ายอาจจะใช้รถมากกว่า 1 คันในการก่อเหตุ จากนั้น คนร้ายได้ใช้รถของเสี่ย ขับไปตามเส้นทางเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่โดยไม่ถอดทะเบียนรถ และอาจจะมีรถอีกคันที่คนร้ายได้นำตัวเสี่ยสลับรถระหว่างทาง พร้อมปิดโทรศัพท์ และขับแยกไปอีกเส้นทางหนึ่ง

 

ซึ่งจากการสำรวจเส้นทางพบว่า หากคนร้ายมีการสลับรถตามที่พี่ชายสันนิษฐานจะมีเส้นทางทั้งหมด 2 เส้นทางด้วยกันที่สามารถขับแยกออกจากถนนเส้นทางหลักที่กล้องเห็นรถเสี่ยหมาส

 

เส้นทางที่ 1 อยู่ห่างจากตลาดเข้าค่ายประมาณ 1.2 กิโลเมตร โดยทีมข่าวได้ลงพื้นที่สำรวจเส้นทางที่ 1 พบว่า เส้นทางเป็นทางเปลี่ยว สองข้างทางเต็มไปด้วยป่ายางและสวนปาล์มของชาวบ้าน

 

ทีมข่าวสอบถามชาวบ้านภายในเส้นทางที่ 1 ว่าช่วงกลางคืนเห็นรถแปลกเข้ามาภายในซอยบ้างหรือไม่ ชาวบ้านให้ข้อมูลว่า ตนเองไม่เห็นรถแปลกเข้ามาภายในซอย ยอมรับว่าช่วงกลางคืนค่อนข้างที่จะเปลี่ยว ไม่มีแสงไฟ แต่ที่ผ่านมาก็ไม่เคยเห็นรถกระบะดำหรือรถฟอร์จูนเนอร์ขับเข้ามา

 

ต่อมาทีมข่าวได้ไปสำรวจเส้นทางที่ 2 อยู่ห่างจากตลาดเขาค่าย 1.7 กิโลเมตร ห่างจากซอยแรก 500 เมตร เราได้พูดคุยกับ ป้ากบ (นามสมมุติ) ชาวบ้านภายในซอยเส้นทางที่ 2 ก็ยืนยันเช่นเดียวกันว่า ปกติซอยนี้จะไม่ค่อยมีรถนอกพื้นที่ขับเข้ามาอยู่แล้ว เพราะเป็นซอยเปลี่ยว เต็มไปด้วยป่ายางและสวนปาล์มของชาวบ้าน ทั้งสองฝั่งอยู่ติดกับเขา แต่ยอมรับว่า ทั้งซอยที่ 1 และ 2 รถสามารถขับทะลุกันและลัดไปยังบ้านของเสี่ยหมาสได้เช่นกัน แต่ตนเองก็ไม่เคยเห็นรถแปลกๆ เข้ามาภายในซอยเช่นกัน

 

สาวขับรถเสี่ยหมาสรับจำนำรถถูกโจรกรรม

วันนี้ทีมข่าวยังลงพื้นที่ไปที่โรงเรียนในอำเภอโพนสวรรค์จังหวัดนครพนม ที่นางสาวอุ๋มคนที่ปรากฏในวงจรปิดขับรถเสี่ยมาส เป็นครูอยู่ที่นี่ ซึ่งพบว่านางสาวอุ๋มยังคงลาหยุด ต่อเนื่อง มาเป็นวันที่สามแล้ว

 

นางสาวอรนุช ผอ.โรงเรียน เล่าให้กับทีมข่าวฟังว่า นางสาวอุ๋มมาขอลาหยุดตั้งแต่วันพุธที่ผ่านมา โดยเมื่อวานนี้โทรศัพท์มาแจ้งกับผอ.ว่าขอลาเพิ่มวันศุกร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ คือวันนี้อีกหนึ่งวัน โดยให้เหตุผลกับผอ. ว่า ตอนนี้ค่อนข้างเครียดมาก จากเหตุการณ์ที่เจ้าของสนามชนไก่หายตัวออกจากบ้านที่จังหวัดชุมพร

 

ซึ่งนางสาวอุ๋มยอมรับผอ. ว่าตัวเองเป็นคนขับรถคันดังกล่าว โดยบอกกับผอ. ว่า ” เป็นรถที่ถูกโจรกรรมมา แล้วเพื่อนตัวเองคือนางสาวมุกเป็นคนรับจำนำมาอีกทอด“ โดยยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนรู้เห็นหรือรู้จักกับเสี่ยหมาส ที่จังหวัดชุมพร พอทราบข่าวที่เกิดขึ้นก็รู้สึกเครียดและตกใจมาก แต่เบื้องต้นได้ให้ปากคำกับตำรวจไว้หมดแล้ว

 

ทีมข่าวพยามสอบถามว่าแล้วนางสาวอุ๋มได้แจ้งกับผอ. ว่าตัวเองเป็นคนขับรถไปจอดทิ้งเอาไว้ เรื่องนี้ผอ. แจ้งกับทีมข่าวของเราว่านางสาวอุ๋มไม่ได้ชี้แจงอย่างชัดเจน

 

สาวขับรถเสี่ยหมาสปิดบ้านเงียบหนีนักข่าว 

หลังทีมข่าวหาหลักฐานจนพบว่าคนขับรถเสี่ยหมาส ในจังหวัดนครพนม คือนางสาวมุกและนางสาวอุ๋ม (นามสมมุติ) ชาวอำเภอโพนสวรรค์ ซึ่งทีมข่าวพยามเฝ้าติดตามไปที่บ้านเพื่อสอบถามข้อเท็จจริงมาตลอดหลายวัน

 

วันนี้ทีมข่าวยังคงลงพื้นที่ไปที่บ้านของนางสาวมุกและนางสาวอุ๋มซึ่งอยู่ใกล้กัน พบว่าบ้านของนางสาวมุกซึ่งเป็นคนที่ครอบครองรถฟอร์จูนเนอร์สีขาว ของเสี่ยหมาส ยังคงปิดบ้านเงียบไม่มีคนอยู่ที่บ้าน

 

แต่วันนี้สิ่งที่เปลี่ยนไปคือสาวมุกนำป้ายที่ติดเอาไว้ทางเข้าบ้านซึ่งเป็นป้ายรับทำเล็บเจลที่มีชื่อพร้อมเบอร์โทรศัพท์อยู่ออกจากบริเวณหน้าบ้านแล้วหลังจากเมื่อวานนี้ที่ทีมขาดลงพื้นที่ยังคงเห็นป้ายดังกล่าวอยู่

 

นอกจากนั้นทีมขาวยังพบซากรถที่อยู่บริเวณรอบบ้านนางสาวมุกอีกจำนวนมาก มีทั้งซากกระจกหน้ารถ อะไหล่รถบิ๊กไบค์ คล้ายเป็นสถานที่ในการหรือซ่อมรถ

 

ซึ่งบ้านของนางสาวมุกอยู่ติดกับบ้านของพ่อและแม่ของนางสาวมุกทั้งสองหลังปิดบ้านเงียบ

 

ทีมข่าวพยามสอบถามเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้กับบ้านนางสาวมุก ยืนยันกับทีมข่าวว่าไม่เห็นนางสาวมุกกลับบ้านมาได้ประมาณสองถึงสามวันแล้ว

 

ส่วนบ้านของนางสาวอุ๋ม ที่รับราชการเป็นคุณครูอยู่ในอำเภอโพนสวรรค์ และอยู่ใกล้กับบ้านของนางสาวมุกปกติจะมีคุณแม่และทวดของนางสาวอุ๋มอาศัยอยู่ วันนี้บ้านปิดเงียบเช่นกันไม่เห็นแม้กระทั่งแม่ของนางสาวอุ๋ม

พิรุธกระบะดำตามรถเสี่ย มือถือดับซอยลับส่อถูกอุ้ม 2 สาวเผ่นช็อกผัวเปิดอู่ชำแหละ