เปิดใจ "รอง ผกก.จราจร" ถูก "ผู้บริหารหญิง" ถีบหน้า หลังถูกจับเมาแล้วขับ อึ้ง!เคยถูกจับเมาแล้วขับมาก่อน และยังไม่พ้นโทษจำคุก 2 ปี รอลงอาญา

จากกรณีที่ ผู้บริหารหญิง ถูกจับกุมเมาแล้วขับ ต่อสู้ขัดขวางถึงขั้นถีบหน้า พันตำรวจโทดาราธร ขจรศิลป์ รองผู้กำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจจราจร ระหว่างนำตัวขึ้นรถส่งดำเนินคดีที่ สน. ประเวศ เหตุเกิดเวลา 00.30 น. วันที่ 23 เมษายนที่ผ่านมา ที่ด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์ซึ่งตั้งอยู่บริเวณฝั่งตรงข้ามมัสยิด ถนนเลียบมอเตอร์เวย์ แขวงและเขตสวนหลวง กรุงเทพมหานคร

พันตำรวจโท ดาราธร เปิดใจสื่อครั้งแรกว่า ในวันเกิดเหตุนั้นตำรวจได้ขอความร่วมมือให้ผู้ก่อเหตุเป่าเครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์ ซึ่งก็พบว่ามีปริมาณเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด คือ 104 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ จากนั้นได้เชิญมาแจ้งสิทธิ์ และแจ้งข้อกล่าวหา ซึ่งผู้ก่อเหตุก็ยังคงด่าทอใช้คำพูดที่ไม่ดี และขัดขืนไม่ยอมให้ตำรวจดำเนินการตามขั้นตอน

ชมคลิป : นาทีเดือด "ผู้บริหารหญิง" ขอเคลียร์ หลังถูกจับเมาแล้วขับ ด่ากราด-ถีบหน้าตำรวจ ขณะคุมส่งตัว สน.ประเวศ

ซึ่งระหว่างที่จะนำตัวไปส่งพนักงานสอบสวน สน. ประเวศ ก็ให้ขึ้นรถกระบะตำรวจโดยให้ผู้ก่อเหตุเข้าไปที่ด้านหลังแคปรถกระบะ โดยให้ผู้ก่อเหตุเข้าไปในลักษณะนอนตามแนวเบาะ ระหว่างที่ตนเองเอื้อมมือไปปิดประตูนั้น หันหน้ากลับมา ก็ถูกหญิงคนดังกล่าวใช้เท้าถีบเข้าที่ใบหน้า ทำเอาตนเองหน้าชามึนไปพอสมควร จึงรวบขาไม่ให้ดิ้นรนขัดขืนอีก

จนมาถึงที่ สน. ประเวศ สิ่งที่ทำให้ลูกน้องของตนเองคาใจก็คือ คำพูดของผู้ก่อเหตุที่ต่อว่าตำรวจ "อีชั้นต่ำ" และยังมีทีท่าไม่ยอมรับผิดกับสิ่งที่ทำ ซึ่งตนเองยืนยันว่าจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง

อีกทั้งยังฝากเตือนประชาชนว่า เมาอย่าขับ เพราะสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุอันดับหนึ่งมาจากเมาแล้วขับ หลายคนมักอ้างว่าเมาแล้วขับไม่ได้ไปฆ่าใครตายซะหน่อย อย่าให้เปลี่ยนความเชื่อแบบนี้ เพราะจากสถิติการเมาแล้วขับได้ส่งผลทำให้เกิดการเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บของคู่กรณี จึงอยากให้ประชาชนหันมาให้ความสำคัญ เรื่องเมาไม่ขับ ให้มากขึ้น เพราะถ้าไม่เกิดกับตนเองและครอบครัวคงไม่เข้าใจไม่รู้สึก

ส่วนเกรียนคีย์บอร์ดที่เข้าไปคอมเม้นต์ในโลกโซเชียลว่า ผู้ก่อเหตุเป็นตัวแทนหมู่บ้าน ที่ถีบหน้าตำรวจแทนให้นั้น อยากให้ใช้สติคิดก่อนว่า ผู้ก่อเหตุทำผิดกฎหมายคือเมาแล้วขับ ซึ่งมันอาจจะส่งผลกระทบต่อผู้อื่นได้

ด้าน พันตำรวจเอกจิรกฤต จารุนภัทร์ รองผู้บังคับการตำรวจจราจร เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาเจอคนเมาแล้วขับขณะปฏิบัติหน้าที่อยู่บ่อยครั้งจนชิน เจอมาทุกรูปแบบ ทั้งยอมจำนนโดยดี ทั้งขัดขืนไม่ยอมเป่าเครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์ ทั้งพูดจาไม่รู้เรื่อง หรือแม้แต่แกล้งหลับ แกล้งตายไปเลยก็มี โดยยืนยันว่า กรณีตำรวจทำตามขั้นตอนการจับกุมทุกอย่าง ไม่ได้มีการใช้กำลังรุนแรงเกินกว่าเหตุแต่อย่างใด และที่ไม่ได้ใช้กุญแจมือพันธนาการกับผู้ก่อเหตุก็เพราะว่าเห็นว่าเป็นผู้หญิง ชุดจับกุมประเมินแล้วว่าน่าจะเอาอยู่ แต่ก็ถูกจะทำดังกล่าวจนได้

สำหรับเหตุการณ์เกิดขณะที่ตำรวจ บก.จร.กำลังตั้งจุดตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์และกวดขันวินัยจราจร ได้มีรถยนต์ยี่ห้อเบนซ์ สีดำ โดยมีหญิงคนดังกล่าว ซึ่งเป็นผู้บริหารบริษัทแห่งหนึ่ง เป็นผู้ขับขี่ เข้ามายังจุดตรวจ จากนั้นเมื่อเจ้าหน้าที่ทำการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ ผลปรากฏว่าวัดได้ 104 มิลลิกรัมเปอเซนต์ เกินกว่ากฎหมายกำหนด

จากการตรวจสอบประวัติยังพบว่า หญิงคนดังกล่าว เคยถูกดำเนินคดีข้อหาเมาแล้วขับ เมื่อปี 2565 มาแล้ว ซึ่งก็เป็นการถูกจับกุมในจุดเดิม ซึ่งระหว่างที่ตำรวจดำเนินคดีนั้น ก็ยังป่วนนำแอลกอฮอล์มาฉีดใส่ตำรวจ แต่ว่าไม่ได้ลงมือทำร้ายตำรวจแต่อย่างใด จึงดำเนินคดีในข้อหาเมาแล้วขับเพียงข้อหาเดียว ซึ่งครั้งนั้นศาลได้พิพากษาลงโทษ โดยให้รอลงอาญา 2 ปี จนกระทั่งมาก่อเหตุในครั้งนี้อีก ซึ่งยังอยู่ในห้วงเวลาที่ศาลให้รอลงอาญาด้วย

เปิดใจ "รอง ผกก.จราจร" ถูก "ผู้บริหารหญิง" ถีบหน้า หลังถูกจับเมาแล้วขับ