วันที่ 19 เม.ย. 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ เข้าตรวจค้นที่บริเวณคอนโด ย่านถนนอนุวิถี ตำบลท่าศาลา อำเภอเมืองเชียงใหม่ พร้อมกับจับกุมตัว นายภูดิศ อายุ 39 ปี และนายอดิศักดิ์ อายุ 45 ปี ได้ที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง หมู่ 13 ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วยของกลางธนบัตรฉบับละ 1,000 บาท จำนวน 36 กว่าล้านบาท และยังพบตลับใส่เครื่องประดับตุ้มหูเพชร และทรัพย์สินมีค่าอีกจำนวนหนึ่ง




พันตำรวจเอกปรัชญา ทิศลา ผู้กำกับ สภ.เมืองเชียงใหม่ เผยว่า เมื่อวันที่ 10 ต่อเนื่องวันที่ 11 เมษายน ผู้ต้องหาได้เข้าไปงัดบ้านหลังหนึ่ง ในหมู่บ้านจัดสรร ตำบลแม่เหียะ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นบ้านของครูส้ม เทรนเนอร์สอนซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ทางสื่อโซเชียล ได้เงินที่ทางผู้เสียหายนำเก็บไว้ในกระเป๋าเดินทางไปร่วม 40 ล้านบาท หลบหนีไป หลังจากเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยสืบสวนจึงได้ลงพื้นที่ออกหาข่าว ทราบว่าผู้ต้องหาทั้งสองเคยเข้า-ออกหมู่บ้านดังกล่าว และเป็นคนก่อเหตุในครั้งนี้


ทางตำรวจจึงขยายผลติดตามจับกุมได้ขณะไปเช่าห้องพัก ย่านหนองป่าครั่ง ตำบลหนองป่าครั่ง อำเภอเชียงใหม่ และบ้านพักหมู่ที่ 13 ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองจังหวัดเชียงใหม่ นำตัวมาดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ในเคหะสถานในเวลากลางคืนโดยทำรายต่อสิ่งกีดกั้น เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้งสองให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา หลังจากที่โจรกรรมเงินมาแล้วได้แบ่งทรัพย์สินกัน จนเหลือ จำนวน 37,083,000 บาท ที่ตำรวจติดตามยึดมาได้พร้อมกับทรัพย์สินอีกจำนวนหนึ่ง




นายภูดิศ ผู้ต้องหาคนแรก ให้การว่า ตนมีอาชีพเป็นช่างรับทำกุญแจอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อ ย่านถนนเจริญเมือง และเคยรู้จักกับผู้เสียหายมาก่อน เนื่องจากเคยไปรับจ้างทำงานรีโนเวทบ้านมือสองให้กับผู้เสียหาย แต่ถูกผู้เสียหายเอาเปรียบจึงเก็บความแค้นไว้ รอจังหวะที่ช่วงสงกรานต์ผู้เสียหายไม่อยู่บ้านจึงเข้าไปงัดเอาเงินสดของผู้เสียหาย


โดยคืนวันเกิดเหตุได้ขับรถเก๋งส่วนตัวมาจอดไว้อยู่ที่ริมถนนคันคลองชลประทาน จากนั้นได้โบกรถ แกร็บไปเอารถจักรยานยนต์ ที่สถานีขนส่งในตัวเมืองเชียงใหม่ และขี่เข้าไปในหมู่บ้านก่อนที่จะเข้าไปงัดประตูหน้าบ้านของผู้เสียหาย เข้าไปโจรกรรมเอาทรัพย์สินประกอบไปด้วยเงินสด และทรัพย์สินมีค่าอื่น ๆ แล้วขนมาใส่รถเก๋งที่จอดรอไว้ถึง 2 รอบ


จากนั้นได้โทรศัพท์เรียกให้ผู้ต้องหาที่ 2 มารับรถจักรยานยนต์เพื่อนำไปคืนที่สถานีขนส่งช้างเผือก และแบ่งเงินให้นายอดิศักดิ์ ผู้ต้องหาคนที่ 2 จำนวน 1 ล้านบาท และตนได้นำถุงดำ ซึ่งมีทองรูปพรรณและเครื่องเพชรไปทิ้งไว้ริมตลิ่งแม่น้ำปิง ข้าง สะพานเหล็ก ใกล้ ๆ กับถนนเชียงใหม่-ลำพูน ตำบลวัดเกต ในตัวเมืองเชียงใหม่ แล้วก็ขนเงินไปซ่อนไว้ที่ห้องพักจนมาถูกตำรวจจับได้ในที่สุด




ทีมข่าวช่อง 8 ได้ภาพกล้องวงจรปิดบริเวณหอพักแห่งหนึ่ง ในตัวเมืองเชียงใหม่ ที่นายภูดิศนำเงินมาซ่อนไว้หลังก่อเหตุ โดยกล้องตัวที่ 1 จับภาพ นายภูดิศได้เดินทางมาถึงหอพัก จากภาพจะเห็น นายภูดิศได้ถือกระเป๋าสีดำ 2 ใบ ภายในบรรจุเงินที่ขโมยมาเอาไว้ จากนั้นมีการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่หอพักประมาณ 2 นาที หลังจากนั้นจึงเดินขึ้นบันไดไปยังห้องเช่าที่ชั้น 4 เพื่อซุกซ่อนเงินที่ขโมยมา


จากนั้นกล้องตัวที่ 2 จะเห็นว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองเชียงใหม่ ได้นำตัวนายภูดิศลงมาจากห้องพักชั้น 4 ซึ่งเป็นที่ซุกซ่อนเงินที่ไปขโมยมา นำตัวออกไปจากหอพัก โดยทางตำรวจได้ขนกระเป๋าสีดำจำนวน 4 ใบ ที่นายภูดิสใส่เงินกว่า 37 ล้านบาท เพื่อนำกลับไปเป็นของกลางและส่งมอบคืนให้กับผู้เสียหายที่ สภ.เมืองเชียงใหม่




ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปยัง สภ.เมืองเชียงใหม่ โดยทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้นำตัวคนก่อเหตุ นายภูดิศและนายอดิศักดิ์เข้ามาสอบสวนเพิ่มเติม โดยทีมข่าวได้พยามสอบถามข้อมูลนายภูดิศได้บอกกับทีมข่าวว่า ผู้เสียหายได้โกงตน ทีมข่าวได้พยายามสอบถามถึงการฉีดสเปรย์กล้องวงจรปิดในบ้านที่เกิดเหตุ โดยนายภูดิศได้บอกกับทีมข่าว ว่าตนได้พ่นสเปรย์กล้องวงจรปิดจริง ผู้เสียหายเป็นคนไม่ดี โดยโกงเงินจากตนไปเยอะ จากนั้นผู้ต้องหาทั้ง 2 ได้พบพนักงานสอบสวน


ต่อมาทีมข่าวช่อง 8 ได้พบกับญาติของนายภูดิศ โดยบอกกับทีมข่าวเพียงสั้น ๆ ทั้งน้ำตาว่า พ่อของตนป่วยเป็นโรคมะเร็ง และยังไม่รู้เรื่องของเหตุการณ์ทั้งหมดกลัวแกจะตกใจ ตนเพิ่งทราบข้อมูลว่าพี่ชายถูกจับกับทีมข่าว โดยตอนนี้ยังไม่ได้คุยกับนายภูดิศ เพราะต้องดูแลพ่อที่เป็นมะเร็ง ส่วนตัวมองว่าทำไมนายภูดิศจึงตัดสินใจทำแบบนี้ ส่วนผู้ต้องหาอีกคนก็เป็นญาติเหมือนกัน ส่วนตัวพอทราบข้อมูลมาว่านายภูดิศก็เคยโดนโกงมาเมื่อ 5-6 ปีก่อน เนื่องจากนายภูดิศเป็นคนรับรีโนเวท โดยช่วงเวลานั้นนายภูดิศทุ่มเทอย่างมาก




ทีมข่าวช่อง 8 ได้พูดคุยกับผู้เสียหาย โดยบอกกับทีมข่าวว่า ส่วนตัวตนไม่ได้ทำธุรกิจกับคนก่อเหตุโดยรู้จักเพียงผ่าน ๆ เมื่อประมาณ 5 ปีที่เเล้ว เป็นการจ้างคนก่อเหตุมารีโนเวทเพียง 2-3 ครั้ง คนก่อเหตุเคยมาบ้านตนแต่อยู่เพียงชั้นหนึ่ง ส่วนตัวไม่ทราบว่ารู้จุดของการซ่อนเงินครั้งนี้ได้อย่างไร ซึ่งหลังคนก่อเหตุขโมยเงินตนไปก็ได้ซื้อกระเป๋า 4 ใบและใส่เงินไป จากนั้นได้เช่าห้องพักแล้วเอาเงินไปซุกซ่อนที่หอพักดังกล่าว


ยืนยันว่าตนไม่ได้นำเงินสดใส่กระเป๋าตามในข่าว ตนได้นำจำนวนเงินทั้งหมดมาเก็บไว้ในตู้เอกสารทึบไม่สามารถมองเห็น หลังจากที่เบิกเงินจำนวน 40 กว่าล้านบาท เพื่อมาจัดการเรื่องธุรกิจส่วนตัวของตน หากซื้อเงินสดจะได้ส่วนลด จึงเก็บเงินจำนวนดังกล่าวไว้ที่บ้าน


เท่าที่ตนทราบข้อมูลจากทางตำรวจ จะพบลักษณะของคนก่อเหตุมีการปลอมตัวและขับวนไปวนมาบ้านตน โดยมีการปีนเข้ามาจากหลังบ้าน จากนั้นฉีดสเปย์ที่กล้องวงจรปิดบ้านตนแล้วนำเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดไปโยนทิ้งบริเวณสะพานเหล็กใกล้แม่น้ำปิง ทำให้ไม่สามารถตามตัวคนก่อเหตุได้




ส่วนตัวยอมรับว่าไม่ทราบว่าคนก่อเหตุเป็นใคร เนื่องจากไม่มีใครรู้ที่บ้านว่าตนเอาเงินเก็บไว้ที่ไหน ทรัพย์สินเงินสดที่ถูกขโมยไปมูลค่าทั้งหมดคือ 46.3 ล้านบาท ส่วนพระเลี่ยม 15 องค์ และพระเครื่องอีกประมาณประมาณ 200-300 องค์ อันนี้ไม่สามารถประเมินค่าได้ ซึ่งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมและได้เงินของกลางคืนมาคือ 37 ล้านบาทเศษ ตนมองว่าคนก่อเหตุคิดสั้นไปนิดหนึ่ง สุดท้ายคนก่อเหตุยังไงก็ต้องโดนจับ และอนาคตของคุณจะต้องเข้าไปอยู่ในคุก โดยส่วนตัวไม่คิดว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นกับตน ไม่คิดว่าคนก่อเหตุจะกล้าทำขนาดนี้


ผู้เสียหายได้บอกกับทีมข่าวช่อง 8 ว่ามีเหตุการณ์เหลือเชื่อโดยช่วง 7 วันแรกตนไม่สามารถรู้ข้อมูลเกี่ยวกับคนก่อเหตุได้เลย เพราะคนร้ายเอาเซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดไป ส่วนตัวรู้สึกมืดแปดด้านเพราะ ยังจับคนร้ายไม่ได้ตนจึงขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์เก่าแก่ของทางครอบครัว โดยขอพรว่าให้เปิดทางหลังจากนั้นไม่นานเพียง 1 วัน ได้มีทางเจ้าหน้าที่ตำรวจส่งข้อมูลเกี่ยวกับคนร้ายจนทำให้จับคนร้ายได้ในที่สุด


สุดท้ายนี้อยากจะฝากขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เร่งรัดคดีให้จบเร็วและสามารถนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษตามกฎหมายได้ โดยก่อนหน้านี้ตนได้ไปเที่ยวญี่ปุ่นกับทางครอบครัว แต่เที่ยวแบบไม่มีความสุขเพราะเพิ่งเกิดเหตุกับตน และหาทางออกไม่ได้ แต่สุดท้ายทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองเชียงใหม่ ได้ควบคุมตัวคนก่อเหตุได้สำเร็จ ส่วนตัวรู้สึกอยากขอบคุณและโล่งใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น




ทีมข่าวได้ภาพจากกล้องวงจรปิด ริมถนนคันคลองชลประทานทางเข้าหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่ง ท้องที่ตำบลแม่เหียะ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ขณะที่นายภูดิศขี่รถจักรยานยนต์เข้าไปในหมู่บ้านดังกล่าวเพื่อไปงัดบ้านและขโมยเอาเงินสด รวมถึงทรัพย์สินของผู้เสียหาย จำนวน 2 ครั้ง ก่อนที่จะนำเงินที่โจรกรรมได้มาซ่อนไว้ในรถเก๋งที่จอดไว้ริมถนนใกล้ ๆ กับหมู่บ้าน จากนั้นผู้ต้องหาได้เรียกนายอดิศักดิ์ ผู้ต้องหาอีกคนมาขี่รถจักรยานยนต์กลับไป โดยผู้ต้องหาได้ขึ้นไปขับรถเก๋งที่โจรกรรมเงินมาพร้อมกับทรัพย์สินแล้วหลบหนีไป จนมาถูกตำรวจจับ


ส่วนอีกคลิปเป็นภาพขณะที่ตำรวจชุดสืบสวนนำในภูดิศเข้าตรวจค้น บริเวณห้องพักชั้น 4 ย่านถนนหน้าวัดหนองป่าครั่ง ต.หนองป่าครั่ง อ.เมืองเชียงใหม่ พร้อมกับยึดเงินสดของกลางที่โจรกรรมไปมาซ่อนไว้ในห้อง ก่อนที่จะขยายผลไปจับกุมตัวนายอดิศักดิ์ได้ที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง หมู่ 13 ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นคนร้ายได้ช่วยนำรถจักรยานยนต์ ของผู้ต้องหาคนแรกหลบหนี




จากนั้นทีมข่าวช่อง 8 ได้ลงพื้นที่ไปยังห้องพักที่นายภูดิศ นำเงินที่ขโมยมามาซุกซ่อนไว้ที่หอพักดังกล่าว แถวตัวเมืองเชียงใหม่ ทีมข่าวได้พบกับเจ้าหน้าที่หอพัก บอกกับทีมข่าวว่า คนก่อเหตุได้เดินทางมาขอติดต่อห้องพัก ในวันที่ 11 เม.ย. โดยจะจ่ายล่วงหน้าก่อน 3 เดือน และบอกกับตนว่าในวันที่ 14 เม.ย. จะขนของเข้า จากนั้นตนเจอคนก่อเหตุเพียงแค่ 2 ครั้ง ตนสังเกตลักษณะของคนก่อเหตุที่ผิดปกตินำกระเป๋าสีดำ จำนวน 2 ใบ เลยถามคนก่อเหตุว่าอยู่คนเดียวแต่ทำไมนำกระเป๋ามาสองใบ ทำไมไม่ซื้อกระเป๋าใบใหญ่ใบเดียว




คนก่อเหตุบอกกับตน ว่าที่ไม่ซื้อกระเป๋าใบเดียวเพราะขนขึ้นยาก ส่วนตัวไม่รู้ว่ากระเป๋าสองใบนั้นมีจำนวนเงินถึง 37 ล้านบาท ลักษณะของคนก่อเหตุที่ถือกระเป๋ามาสองใบ มีลักษณะนิ่งเฉยไม่มีผิดปกติ คนกว่าเหตุเพิ่งจะเข้ามาพักที่หอพักนี้ไม่นาน เท่าที่ตนสัมผัสกับคนก่อเหตุมีนิสัยใจร้อน ก่อนหน้านี้คนก่อเหตุเคยบอกกับตน ว่าพูดไม่รู้เรื่องเรื่องสัญญาเช่า ตนจึงบอกหากไม่ทำตามกฎก็ไม่ต้องมาอยู่ จากนั้นคนก่อเหตุก็หายไป 1 ชั่วโมง และนำเงินจำนวน 5,900 บาท มาให้ตนและทำสัญญา 6 เดือน

 

2 โจรแสบอ้างถูกโกง บุกบ้านหรูก่อนขนเงิน 40 ล้าน ก่อนหลบหนี