จากกรณีเมื่อเวลาประมาณ 00.15 น. วันที่ 18 มีนาคม 2567 ได้เกิดเหตุอุกอาจดวลปืนปะทะกันมากกว่า 100 นัด บริเวณพื้นที่บ้านพัทธทอง หมู่ 4 ตำบลจองถนน อำเภอเขาชัยสน จังหวัดพัทลุง โดยเหตุการณ์ก็คือมีชายวัย 23 ปี ทราบชื่อคือ “นายฟลุ๊ค” ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ไม่รู้จักนับ 10 บุกเข้าอุ้มตัวขึ้นรถกระบะหวังก่อเหตุทำร้าย ก่อนได้พลเมืองดีควงปืนมาช่วยสกัดกั้น ทำให้เจ้าตัวอาศัยช่วงชุลมุนหลบหนีออกมาได้ 


ทว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายจับ 3 คน ได้แก่ วายุ ยาสีน รอเฉด และกล่าวหาว่าเป็นกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุอุ้มเด็กเลี้ยงวัว ในพื้นที่อำเภอเขาชัยสน จังหวัดพัทลุง ซึ่งต่อมาทำให้ญาติ ๆ ของทั้งสามคนต้องออกมาร้องเรียนสื่อ ยืนถือป้ายผ้าประท้วงหน้าสถานีตำรวจภูธรเขาชัยสนให้ปล่อยตัว เนื่องจากทั้งสามคนตกเป็นแพะ เพราะในวันเกิดเหตุทั้ง 3 คน ยังอยู่ที่อำเภอสะเดา ไม่ได้เดินทางไปอำเภอเขาชัยสน แต่อย่างใด อีกทั้งยังมีเสียงคัดค้านจากญาติพี่น้องว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับผิดคนและเตรียมแถลงข่าวปิดคดีอีกด้วย




ล่าสุดเวลา 17.00 น. พ.ต.อ.ไพบูลย์ บุญยรัตน์ ผกก.สภ.เขาชัยสน ได้มีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนปล่อยตัวทั้ง 3 คน เนื่องจากทางญาติพี่น้องได้นำหลักฐานพยานบุคคลและหลักฐานกล้องวงจรปิดมายืนยันต่อพนักงานสอบสวนว่าในวันเกิดเหตุทั้ง 3 คน ไม่ได้เดินทางเข้ามาในพื้นที่อำเภอเขาชัยสน


ต่อมาผู้สื่อข่าวได้สอบถาม นายวายุ อายุ 33 ปี นายรอเฉด อายุ 30 ปี และนายยาสีน เอายุ 27 ปี ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยนายวายุ เล่าว่า ช่วงวันเกิดเหตุตนอยู่ในพื้นที่ปาดังเบซาร์ ได้นั่งดื่มน้ำกระท่อมกับนสยรอเฉดที่คอกวัว จากนั้นเวลา 23.00 น. ต่างคนต่างแยกไปนอน ส่วนตนระหว่างทางก็ได้แวะที่ออฟฟิตของเพื่อนซักแป๊บแล้วก็กลับบ้านไปนอน




ต่อมาเช้าวันที่ 20 มีนาคม ช่วงเวลา 10.00 น. ระหว่างที่ตนกำลังยืนให้หญ้าวัวอยู่ และก่อนหน้านี้ตนก็ได้ทราบข่าวว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะจับตน ได้กล่าวหาว่าตนมีส่วนร่วมเหตุยิงกันที่เขาชัยสน ตนจึงคิดว่าต้องไปลงบันทึกประจำวันเพื่อความบริสุทธิ์ใจและไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ปรากฏว่าช่วงระหว่างที่ตนให้หญ้าวัวกินอยู่ ก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจแสดงหมายจับและเข้ามาจับกุมตน ก่อนจะพาตนไปที่เขาชัยสนและฝากขังตนทันที จากนั้นตำรวจได้บอกตนว่าพบรูปและชื่อของตนโทรเข้ามามือถือที่ตกในที่เกิดเหตุ ซึ่งจริง ๆ แล้วตนกับผู้ก่อเหตุเป็นเพื่อนกันเป็นคนบ้านเดียวกัน จึงได้โทรเฟซบุ๊กไปชวนกินน้ำท่อม 2-3 สาย ก็ไม่รับตนจึงไม่โทรต่อและต่อมาทางคนที่โดนอุ้มได้มาชี้ ยืนยันหลังกระจกว่าตนเป็นคนก่อเหตุ จากนั้นพอเรื่องเริ่มเป็นข่าวคนโดนอุ้มมาชี้ครั้งที่ 2 บอกว่าไม่ใช่ ช่วงที่โดนจับและพามาที่โรงพักเขาชัยสนนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีการสอบปากคำหรือตรวจคราบเขม่าดินปืนกับตนเลย จับตนเข้าห้องขังอย่างเดียว ซึ่งตนติดคุกตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคมช่วงบ่าย จนถึงวันที่ 21 มีนาคม นอนอยู่ในคุกประมาณ 1 วันครึ่ง


จากการสอบถาม นายยาสีน เล่าว่า ช่วงก่อนเกิดเหตุตนพึ่งตอนนอนเกือบเวลา 01.00 น. และตนก็รู้สึกหิวจึงได้ชวนเพื่อนของตนไปกินส้มตำ ตนไปถึงร้านส้มตำประมาณเวลา 02.25 นาที จากนั้นช่วงเวลา 03.46 น. ตนจึงปวดฉี่และได้ลุกเดินไปเข้าห้องน้ำพร้อมกับขอเจ้าของร้าน ก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำและเดินไปที่โต๊ะด้านหน้าร้านพร้อมกับจ่ายค่าส้มตำแล้วก็ก็กลับบ้าน ช่วงตนก่อนเข้าบ้านก็ได้แวะที่บ้านเพื่อนแป๊บนึงก่อนขับรถกลับในเวลาต่อมา จากนั้นวันที่ 20 มีนาคม ช่วงเวลาประมาณ 11 โมงกว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาที่หน้าบ้านพร้อมแสดงหมายจับก่อนที่พ่อของตนจะขึ้นไปตามตนบนห้องนอน เมื่อตนเดินลงมาที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ก็ได้อ่านเอกสารสาเหตุที่ออกหมายจับ




จากนั้นตนจึงได้ปฏิเสธทั้งหมดและเจ้าหน้าที่ตำรวจก็พาตนมาที่เซฟเฮาส์พื้นที่สะเดา แล้วก็ที่เซฟเฮาส์ก่อนจะพาตนมาส่งที่ ชป.เขาชัยสน เมื่อมาถึงสถานที่ตำรวจก็ไม่มีการสอบสวนหรือสอบปากคำตน จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ยื่นเอกสารและก็ฝากขังตน ต่อมาคนที่โดนอุ้มยืนชี้ยืนยันตนอยู่หลังกระจกว่าตนมีส่วนร่วมด้วย ตนได้นอนอยู่ในคุกตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม จนถึง 21 มีนาคม ช่วงประมาณบ่ายสามกว่า ๆ พอเป็นข่าวทำตนเสียชื่อเสียงมาก




ส่วนนายรอเฉด เล่าว่า ช่วงวันเกิดเหตุวันที่ 17 มีนาคม เกือบ 5 ทุ่ม ตนได้นั่งกินน้ำท่อมและดูบอลกับนายวายุพอดูบอลเสร็จ ตนก็ได้แยกย้ายกลับบ้านเลย ซึ่งตนมาโดนจับเมื่อวันที่ 20 มีนาคม ตนได้ออกมาหานายวายุและตำรวจกำลังจับนายวายุอยู่พอดี จากนั้นตำรวจก็ได้มาจับตนแต่ตำรวจบอกว่าตนไม่มีหมายจับแต่ให้ตนไปกับตำรวจก่อน พอไปที่เซฟเฮาส์ที่คลองหวะ ตำรวจก็บอกว่า ตนมีหมายจับพอดี ตำรวจก็บอกอีกว่า ให้ตนไปเป็นเพื่อนกับนายวายุที่เขาชัยสน ก่อนและช่วงที่พาตนมาที่เซฟเฮาส์คลองหวะ เจ้าหน้าที่ไม่มีการสองปากคำตนและพอไปถึงเขาชัยสนเจ้าหน้าที่ก็ไม่มีสอบปากคำตนอีกและก็จับตนเข้าห้องขังทันที ซึ่งตนก็ได้อธิบายเจ้าหน้าที่ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่เจ้าหน้าที่ไม่เชื่อและเช้าวันที่ 21 มีนาคม ตนมารู้อีกทีของเช้าวันนี้จะมีการแถลงข่าวปิดคดี ตนรู้เสียความรู้สึกมากเจอเหตุการณ์แบบนี้จึงมาพบทนายชัชเพื่อขอความเป็นธรรม


จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดของแต่ละคนพบว่าทั้ง 3 คน ยังคงอยู่ในพื้นที่อำเภอสะเดาในวันเกิดเหตุ โดยคลิปแรก นายวายุ วันที่ 17 มีนาคม 2567 เวลา 23.15 น. นายวายุได้เดินไปหากลุ่มเพื่อนๆที่นั่งอยู่ในออฟฟิตพื้นที่ตำบลปาดังเบซาร์ อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้านพัก


คลิปที่ 2 นายรอเฉด วันที่ 17 มีนาคม 2567 เวลา 23.25 น. นายรอเฉดได้ขี่รถจักรยานยนต์แยกกับนายวายุหลังไปนั่งกินน้ำชาที่ร้านดูฟุตบอล ก่อนจะขี่รถผ่านกล้องวงจรปิดของเทศบาลกลับบ้านพัก พื้นที่ตำบลปาดังเบซาร์ อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา


คลิปที่ 3 นายยาสีน วันที่ 18 มีนาคม 2567 เวลา 03.46. น. นายยาสีนได้ไปกินส้มตำที่บ้านด่านนอกกับเพื่อน พื้นที่ตำบลสำนักขาม อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำภายในร้านและเดินออกจากห้องน้ำไปหน้าร้านขับรถกระบะกลับบ้าน เวลา 04.11 น. นายยาสีนได้ขับรถกระบะสีขาวแวะบ้านเพื่อนระหว่างทางประมาณ 5 นาที ก่อนขับรถกระบะสีขาวกลับบ้านพักในเวลาต่อมา




วันเกิดเหตุทั้ง 3 คน กำลังอยู่ในเขตพื้นที่ตำบลปาดังเบซาร์และบ้านด่านนอก ตำบลสำนักขาม อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ไม่ได้เดินทางเข้าพื้นที่อำเภอเขาชัยสน จังหวัดพัทลุง ไปก่อเหตุตามที่เด็กเลี้ยงวัวกล่าวหามาทั้งหมดว่าเป็นกลุ่มที่ก่อเหตุอุ้มเด็กเลี้ยงวัว


ล่าสุดวันนี้ 22 มีนาคม 2567 ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปยัง สภ.เขาชัยสน จ.พัทลุง เนื่องจากกลุ่มชายฉกรรจ์ที่ได้ก่อเหตุอุ้มนายฟลุ๊ค (ผู้เสียหาย) ได้ติดต่อเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยข้อมูลเบื้องต้นในวันที่เกิดเหตุกลุ่มชายฉกรรจ์ได้ยกพวกกันมาทั้งหมด 9 คน มีรถทั้งหมด 3 คัน


คันที่ 1 รถเก๋งคัมรี่สีดำ นั่งมาด้วยกัน 2 คน คือ นายกี้ อายุ 31 ปี และ นายบีช อายุ 26 ปี คันที่ 2 รถเก๋งยาริสสีดำ นั่งมาด้วยกัน 2 คน คือ นายยู อายุ 31 ปี และ นายเอ็ม อายุ 20 ปี คันที่ 3 รถกระบะอีซูซูสีบรอนซ์ ไม่ทราบทะเบียน นั่งมาด้วยกัน 5 คน คือ นายซัน อายุ 33 ปี , นายปอ อายุ 30 ปี , นายปาล์ม อายุ 30 ปี , นายปาม อายุ 30 ปี และ นายอาร์ม อายุ 31 ปี


ต่อมาทางด้านนายยู (นามสมมุติ) อายุ 31 ปี ซึ่งเป็นผู้ก่อเหตุบุกอุ้มตัวนายฟลุ๊คในคืนวันที่ 18 มี.ค. 67 ก็ได้ยอมเปิดใจกับทีมข่าวช่อง 8 โดยเล่าว่า ในตอนแรกตนกับพรรคพวกทั้งหมด 9 คน ได้ทำการรวบรวมเงินจำนวน 400,000 บาท ไปร่วมหุ้นสำหรับการแข่งวัวชนกับนายหอย (ซึ่งเป็นพ่อของนายฟลุ๊ค) แต่หลังจากที่พวกตนโอนเงินให้กับนายหอยแล้ว นายหอยกลับปิดโทรศัพท์หนีคล้ายกับจะโกงเงินพวกตน




หลังจากนั้นในกลางดึกพวกตนก็ได้รวมตัวกันไปหานายหอยที่คอกวัว และที่พวกตนต้องยกโขยงกันไปหลายคนเป็นเพราะกลัวอิทธิพลของนายหอยเพราะนายหอยเองก็เคยมีประวัติโชกโชนเกี่ยวกับอาวุธปืนสงคราม แต่หลังจากที่ตนบุกไปหาถึงที่คอกวัวก็ไม่พบกับนายหอย ตนจึงได้เข้าไปลากเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งออกมาเพื่อที่จะให้ช่วยนำทางไปบ้านของนายหอย ซึ่งในตอนนั้นตนก็ไม่รู้ว่าเด็กวัยรุ่นคนนั้นเป็นใคร ตนคิดแค่ว่าอยากได้เงิน 400,000 บาทคืนและขอยืนยันว่าระหว่างที่ลากตัวนายฟลุ๊คออกไป ตนไม่ได้ทำร้ายร่างกายอะไรนายฟลุ๊คเลยแม้แต่น้อย


หลังจากที่ตนพานายฟลุ๊คออกมาจากคอกวัวได้ประมาณ 400 เมตร ตนก็เห็นว่านายหอย (พ่อของนายฟลุ๊ค) ได้จอดรถเก๋งสีขาวขวางทางเอาไว้แล้ว โดยที่นายหอยกับเพื่อนอีก 1 คน ได้ยืนหลบอยู่หลังรถเก๋งพร้อมกับนำอาวุธปืนตั้งพาดไว้บนหลังคารถเก๋งคล้ายกับแท่นประทับยิง และไม่พูดพร่ำทำเพลง นายหอยก็สาดกระสุนปืนใส่มายังพวกตนทันทีในลักษณะที่ว่าจะเอาให้ถึงตาย โดยเท่าที่ตนเห็นคือนายหอยมีอาวุธปืนสั้นและอาวุธปืนสงคราม ซึ่งช่วงที่นายหอยได้กระหน่ำยิงมาใส่พวกตน พวกตนก็ได้เปิดประตูรถปล่อยให้นายฟลุ๊คได้ออกจากรถและบอกให้นายฟลุ๊คลงไปหมอบกับพื้นเพื่อหลบกระสุนปืน


จากนั้นนายยูก็ได้ขับรถเก๋งยาริสสีดำฝ่ากระสุนออกมาจากที่เกิดเหตุ เพราะตนคิดว่าหากอยู่ตรงนั้นโดยไม่ทำอะไรก็คงจะตายแน่นอน เพราะตนก็ไม่มีอาวุธอะไรในรถเลย ตนไม่มีปืนสักกระบอกเพราะตนไม่ได้เจตนาที่จะไปทำร้ายใคร แค่ต้องการไปเอาเงินคืนก็เท่านั้น แต่ยอมรับว่าในรถกระบะของเพื่อนนั้นมีอาวุธปืนอยู่ 1 กระบอก แต่พวกตนก็ไม่ได้ใช้อาวุธปืนนั้นทำร้ายใคร เพียงแค่ใช้ยิงเพื่อเปิดทางให้หลบหนีออกจากจุดดังกล่าวก็เท่านั้น


และหลังจากเกิดเหตุ นายหอยยังมีการโทรศัพท์มาข่มขู่พวกตน โดยมีการขู่ว่าจะบุกเข้าไปฆ่าพ่อแม่ของพวกตนถึงบ้าน ในวันนี้ตนจึงเดินทางเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อขอความเป็นธรรมเช่นเดียวกัน เนื่องจากในวันนั้นตนไม่ได้ทำร้ายนายฟลุ๊คเลย ตนเพียงแค่จะให้นายฟลุ๊คพาไปเอาเงินจากนายหอย แต่นายหอยกลับสาดกระสุนใส่พวกตนแบบเอาเป็นเอาตาย ตนจึงขอแจ้งความดำเนินคดีกับนายหอยในข้อหาพยายามฆ่า ซึ่งหลักฐานมันก็อยู่บนรถเก๋งของพวกตนหมดแล้ว เพราะรอยกระสุนที่ยิงมาใส่รถของตน เอาเฉพาะรถของตนนั้นในตำแหน่งทางด้านคนขับก็มากกว่า 6 รู แล้วอย่างนี้จะเรียกว่าพยายามฆ่าได้หรือยัง




จากนั้นนายยู (นามสมมติ) ก็ได้พาเดินไปดูที่รถเก๋งยาริสสีดำ โดยพบว่ารอบรถนั้นเต็มไปด้วยร่องรอยของกระสุนปืนมากกว่า 10 นัด โดยกระสุนบางนัดก็ได้ทะลุเข้าไปภายในรถ โดยเฉพาะประตูฝั่งคนขับ ซึ่งก็คือนายยูที่เป็นคนขับในเวลาดังกล่าวแต่นายยูก็ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรจากเหตุการณ์นี้ ส่วนรถเก๋งคัมรี่สีดำ ก็มีร่องรอยของการเฉี่ยวชนขนกันชนด้านหน้าพังเสียหายและยังมีร่องรอยของการชนท้ายอีกด้วย


โดยนายยูก็ได้สาธิตวิธีการและตำแหน่งการวางอาวุธปืนของนายหอย ลักษณะคือนายหอยได้จอดรถเก๋งสีขาวขวางไว้กลางถนน และมีการยืนหลบอยู่ทางด้านประตูข้างคนขับ ส่วนเพื่อนของนายหอยอีกคนก็จะยืนอยู่ทางด้านขวาของนายหอย และมีการใช้หลังคารถเปรียบเป็นแท่นวางอาวุธปืน ก่อนจะทำการสาดกระสุนใส่พวกตนอย่างไม่ยั้งมือ


และในส่วนของนายหอย ซึ่งเป็นพ่อของนายฟลุ๊คและยังเป็นคนก่อเหตุยิงผู้อื่นด้วยอาวุธปืนสงครามก็ได้มามอบตัวที่ สภ.เขาชัยสน ซึ่งเดิมทีนายหอยเองก็มีคดีติดตัว ตามหมายจับศาลพัทลุง ลงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2567 ในข้อหาร่วมกันมีกระสุนปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาติให้ได้ไว้ในครอบครอง และร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต


โดยตอนที่ทีมข่าวช่อง 8 ลงพื้นที่ไปนั้น ปรากฏว่านายหอยยังคงอยู่ระหว่างการสอบปากคำในห้องของพนักงานสอบสวน ซึ่งเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจเผยว่ายังคงต้องสอบปากคำนายหอยอีกหลายประเด็นและคงจะใช้เวลาอีกหลายชั่วโมง




นายอธิโรจน์ หรือแอร์ เปิดใจทางวีดีโอคอล ว่า กรณีที่มีสื่อนำรูปตัวเองไปลง ว่าตัวเองเกี่ยวข้องกับแก๊งค์ที่อุ้มหนุ่มวัวชนนั้น ตัวเองขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ตัวเองไม่เคยมีเรื่องกับผู้เสียหาย และที่เกิดเหตุ 18 มีนาคม 2567 ช่วงเวลาเกิดเหตุตัวเองก็รับงานร้องเพลงอยู่ที่ร้านอาหารในจังหวัดภูเก็ต และตัวเองก็มีพยานยืนยัน มีกล้องวงจรปิดยืนยัน มีคลิปวิดีโอยืนยัน

แต่ยอมรับว่าตัวเองรู้จักกับคนที่โทร. ไปหาหนุ่มวัวชน (หัวหน้าแก๊งค์อุ้ม) โดยรู้จักกันต่างหาก แต่ก็ไม่รู้สาเหตุที่เขาไปอุ้มผู้เสียหายคนดังกล่าวแต่อย่างใด และตัวเองก็กังวลว่า ตัวเองอาจจะถูกตำรวจเรียกไปสอบปากคำนับจากนี้หรือไม่ วันนี้ตัวเองจึงออกมาแก้ข่าว ว่าตัวเองไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าว ส่วนบุคคลที่ถูกตำรวจจับกุม ไปผิดตัวก่อนหน้านี้ ตัวเองก็อยากให้เจ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการทำงานที่รัดกุม สืบสวนสอบสวนดี ๆ


นอกจากนี้ผู้เสียหายก็ได้ส่งคลิปวงจรปิด ช่วงวันที่ 18 มีนาคม 2567 ที่ตัวทำงานร้องเพลงอยู่ในร้านร้านอาหารแห่งหนึ่ง ของจังหวัดภูเก็ต รวมถึงมีคลิปวิดีโอมาประกอบเป็นหลักฐานให้กับผู้สื่อข่าวอีกด้วย

 

เหลือเชื่อ! จับ 3 แพะเซ่นคดีอุ้มเจอภาพลับตีแสกหน้า ตร. เงิบอีก แก๊งอุ้มคือคนหวิดถูกฆ่า