จากกรณี สภ.ร้อยเอ็ด ได้รับแจ้งเหตุทำร้ายร่างกาย โดยใช้มีดเป็นอาวุธ และมีผู้ได้รับบาดเจ็บในที่เกิดเหตุ ตำรวจจึงไปตรวจโดยที่เกิดเหตุ เป็นห้องพักภายในโรงแรมแห่งหนึ่งใน จ.ร้อยเอ็ด พบผู้บาดเจ็บสาหัส จำนวน 2 ราย อยู่ในห้องและถูกนำตัวส่ง รพ.ร้อยเอ็ด ในเวลาต่อมา นอกจากนี้พบนางแอร์ (นามสมมติ) อายุ 26 ปี อยู่บริเวณที่เกิดเหตุและยอมรับว่าเป็นคนก่อเหตุ อีกทั้งยังพบมีดคัตเตอร์ ซึ่งเป็นอาวุธที่ใช้ก่อเหตุตกอยู่ในห้องด้วยนั้น




ต่อผู้สื่อข่าวช่อง 8 ได้เดินทางมาที่ สภ.ร้อยเอ็ด เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดี โดยจากการสอบถามข้อมูลกับพนักงานสอบสวน ทราบว่า นายภัทร (นามสมมติ) สามี คนก่อเหตุ มีอาชีพเป็นพนักงานขับรถของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ก่อนเกิดเหตุ นางแอร์ คนก่อเหตุ ทราบว่า สามีพาชู้สาวมาเปิดห้องพักอยู่ด้วยกัน จึงได้รีบบินกลับมาจากไต้หวัน ตามมาหาสามีที่โรงแรมดังกล่าว




จนมาพบทั้งคู่นอนอยู่ด้วยกันจึงเกิดความหึงหวง และได้ใช้มีดคัตเตอร์ที่พบอยู่ในห้องพักไล่ทำร้ายทั้งคู่ ทำให้นายภัทร สามี ถูกมีดคัตเตอร์บาดที่บริเวณแขน ต้นแขนและต้นคอ ได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วน น.ส.พร อายุ 20 ปี กิ๊กสาว ถูกมีดคัตเตอร์บาดที่บริเวณด้านหลังเป็นแผลลึกถึงปอด บาดเจ็บสาหัส นอกจากนี้พบว่านางแอร์ คนก่อเหตุยังท้องอ่อน ๆ 3 เดือนด้วย เบื้องต้นแจ้งข้อหา ทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้ถูกทำร้ายได้รับอันตรายสาหัส


ล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนได้นำตัวนางแอร์ คนก่อเหตุ มาสอบปากคำเพิ่ม โดยในระหว่างที่ตำรวจคุมตัวนางแอร์ ออกมาจากห้องขัง พบว่า แม่ของนางแอร์เดินตามหลังอยู่ตลอดให้กำลังใจลูกตลอดเวลา




จากนั้นผู้สื่อข่าวจึงได้สอบถามนางแอร์ ถึงปมเหตุที่ลงมือทำร้ายสามีและชู้ ซึ่งนางแอร์ ยอมรับว่า ขณะที่ตนทำงานอยู่ที่ไต้หวัน มีคนส่งข้อมูลมาบอกว่าสามีพาชู้เข้าไปนอนอยู่ในห้องพักที่ตนเองเช่าไว้กับสามี จากนั้นจึงได้บินกลับมาและได้บุกไปที่ห้องพักเห็นสามีและชู้กำลังมีอะไรกัน


ส่วนหญิงชู้คนดังกล่าว ทราบว่า เดินทางมาหาสามีที่ห้องเอง หลังจากที่รู้จักกันได้ไม่นาน ส่วนที่ตนเองกำลังตั้งท้องนั้นยังไม่ได้บอกให้สามีรู้ ตนเองเป็นภรรยาที่มีใบทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมาย และอยากฝากไปบอกหญิงชู้ที่เอากับสามี ว่าอย่าไปทำแบบนี้กับใครอีก


ต่อมาผู้สื่อข่าวถามได้สอบถามนางแอร์คนก่อเหตุว่า หลังจากนี้จะหย่ากับสามีหรือไม่ นางแอร์ ตอบว่า ตอนนี้ยังไม่หย่า ขอจัดการเรื่องภายในครอบครัวก่อน




ต่อมาทีมข่าวได้พบกับ น.ส.อุ้ม (นามสมมติ) อายุ 20 ปี เพื่อนสนิทของ น.ส.พร หญิงชู้ เปิดเผยว่า ตนเป็นเพื่อนกับ น.ส.พร มาตั้งแต่เด็ก เพราะเป็นคนบ้านเดียวกัน แต่ในช่วงหลัง ๆ ยอมรับว่า หลังจากที่เพื่อนแต่งงานไปมีครอบครัวและมีลูก 2 คน โดยคนโต อายุ 4 ขวบ ส่วนคนเล็กยังไม่ถึง 1 ขวบ ก็ไม่ค่อยได้คุยกันหรือปรึกษากัน อีกทั้งช่วงหลัง ๆ เพื่อนไปทำงานในตัวเมือง และจะกลับบ้านช่วงค่ำ ๆ ส่วนตนก็เลิกงานก่อนจึงไม่ค่อยได้เจอกัน


น.ส.อุ้ม ยังบอกอีกว่า ตนเองไม่รู้ว่าเพื่อนกับสามีเลิกรากันหรือยัง แต่ตนเองสังเกตว่าทั้งคู่จะแยกกันนอนคนละบ้าน ส่วนลูกก็แยกกันเลี้ยง ส่วนเรื่องที่เพื่อนไปแอบคบกับคนที่มีเมียแล้ว ยอมรับว่าตนเองไม่รู้ เพิ่งจะทราบข่าว ซึ่งตนเชื่อว่าเพื่อนน่าจะถูกผู้ชายหลอกว่าไม่มีภรรยา เพราะเพื่อนจะเป็นคนซื่อ ๆ ไม่ทันคน




ต่อมาทีมข่าวได้พูดคุยกับนางน้อย ย่าของสาวชู้ เปิดเผยว่า หลานแต่งงานตั้งแต่ 16 ปี ซึ่งเมื่อก่อนหลานสาวไปอยู่ที่บ้านของสามี จนเมื่อสองเดือนที่แล้วหลานสาวได้ย้ายกลับมาอยู่ที่บ้านพร้อมกับลูกคนเล็ก โดยที่ไม่ได้บอกสาเหตุ แต่ตนเองก็พอจะรู้สาเหตุได้ ที่หลานสาวต้องเลิกกันกับหลานเขยเพราะหลานสาวตนไม่ดีเอง ภายหลังหลานเขยก็เพิ่งจะมารับเหลนคนเล็กไปเลี้ยงดู


โดยนางน้อย ยอมรับว่า เมื่อก่อนหลานสาวตนเองไม่ได้มีนิสัยแบบนี้ แต่หลังจากที่หลานสาวไปทำงานอยู่ในเมือง ตนเองมาสังเกตเห็นว่าพฤติกรรมหลานสาวเปลี่ยนไปชอบแต่งเนื้อแต่งตัว และเมื่อก่อนก็จะไปทำงานและกลับบ้าน แต่ในระยะหลังอ้างว่าเลิกงานดึกและขอพักอยู่กับเพื่อนชั่วคราว


นางน้อย ยังบอกอีกว่า ก่อนที่หลานสาวจะไปทำงานอยู่ในเมือง ก็ได้ตักเตือนหลานสาวห้ามทำผิดศีลธรรม ไปแอบคบกับคนมีเจ้าของหรือผิดลูกผิดเมียใคร ซึ่งตนก็สันนิษฐานว่าทั้งคู่อาจจะไปเจอกันในที่ทำงาน พูดคุยถูกคอกันจึงได้แอบคบหากัน โดยตนก็เชื่อว่าหลานสาวก็น่าจะรู้ว่าผู้ชายมีเมียอยู่แล้ว


ส่วนเรื่องของหลานสาว ตนเพิ่งจะมารู้ความจริงว่าถูกภรรยาของผู้ชายบุกมาทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ แต่ก่อนหน้าหน้านั้นหลานได้โกหกตนเองว่าถูกคนบุกเข้ามาทำร้ายร่างกายในหอพัก ยอมรับว่ารู้สึกผิดหวังกับหลานสาว เนื่องจากเคยตักเตือนแล้วแต่ก็ไม่ฟัง ส่วนอาการของหลานสาวตอนนี้ได้รับบาดเจ็บที่บริเวณหลังเย็บ 76 แผล

 

เมียหลวงบินข้ามโลกจับผัวกกเมียน้อย สุดทน! คว้าคัตเตอร์กรีดร่างเลือดสาด