เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา วันที่ 6 มี.ค.67 พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบบ้านหลังหนึ่ง ต.กะทูน อ.พิปูน จ.นครศรีธรรมราช หลังมีรายงานผู้ต้องหาตามหมายจับเกี่ยวกับคดียาเสพติดได้แอบซ่อนตัวอยู่ที่บ้านในละแวกดังกล่าว เมื่อไปถึงบริเวณใกล้บ้านที่เกิดเหตุ ผู้ต้องหาไหวตัวทันได้มีการปาระเบิดลูกเกลี้ยงใส่เจ้าหน้าที่ ก่อนที่จะเปิดฉากยิงใส่กลุ่มตำรวจ จึงตอบโต้ด้วยการยิงปืนกันอยู่นาน ท้ายที่สุดผู้ต้องหาได้เสียชีวิตจากการถูกวิสามัญฆาตกรรม จึงเข้าไปตรวจสอบพบผู้เสียชีวิตคือ “อึ่ง เขาพระ” หรือ นายจานันทน์ อายุ 48 ปี

 

ต่อมาทีมข่าวได้กล้องวงจรปิดที่สามารถบันทึกเสียงช่วงเกิดการปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจและนายจานันทน์ (ผู้ต้องหา-เสียชีวิต) โดยในวันที่ 6 มี.ค.67 เวลาประมาณ 06.49.38 น. จะได้ยินเสียงปืนเปิดฉากดังสนั่นจำนวน 5 นัด จากนั้นก็เป็นเสียงของเจ้าหน้าที่ตำรวจตะโกน ซึ่งคาดว่าคงเป็นการตะโกนเรียกให้นายจานันทน์ออกมามอบตัวและหยุดยิง แต่ทันใดนั้นเวลา 06.49.55 น. ก็มีเสียงปืนดังขึ้นอีกราว 8 นัด และหลังจากนั้นชาวบ้านที่ได้ยินเสียงปืนก็เริ่มเดินออกมาดูด้วยความตกใจพร้อมกับพูดคุยถึงบ้านหลังที่เกิดเหตุ และก็ยังคงมีเสียงปืนดังขึ้นอีกเป็นระยะมากกว่า 10 นัด รวมแล้วเท่าที่ลองฟังเสียงปืนในระยะเวลา 1 ชั่วโมงที่กล้องบันทึกไว้ได้ ประมาณเกือบ 30 นัด

 

ต่อมาทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุพบว่าสถานการณ์นั้นเริ่มคลี่คลายลงแล้ว โดนที่นายจานันทน์นั้นถูกยิงเสียชีวิต ซึ่งระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการชันสูตรพลิกศพและเตรียมนำร่างของผู้ตายไปส่งโรงพยาบาล โดยช่วงที่กำลังนำศพออกมา ทางด้านภรรยาของผู้เสียชีวิตก็ได้นั่งดูอยู่ใกล้ ๆ พร้อมกับร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ โดยทีมข่าวก็พยายามเข้าไปพูดคุยสอบถามกับภรรยาของนายจานันทน์แต่ปรากฏว่าเธอนั้นไม่ยอมพูดคุยและเดินหนีเพียงอย่างเดียว ขณะเดียวกันญาติคนอื่น ๆ ก็พากันเดินหนีทุกครั้งที่ผู้สื่อข่าวพยายามเดินเข้าไปคุยด้วย

 

หลังจากที่ได้นำร่างของนายจานันทน์ออกจากที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานก็ได้เข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุเพิ่มเติมและได้นำลูกระเบิดที่ยังไม่ทำงานออกมาจากบ้านหลังดังกล่าวจำนวน 2 ลูก ซึ่งโดยรอบของบริเวณบ้านนั้นพบกับร่องรอยของกระสุนที่ถูกเจาะตามฝาผนังนอกบ้านทุกด้าน นอกจากนี้ภายในห้องนอนของนายจานันทน์ก็พบกับร่องรอยของการระเบิด ทำให้ข้าวของภายในห้องนั้นกระจัดกระจายไปทั่ว ซึ่งร่องรอยดังกล่าวก็เป็นระเบิดของนายจานันทน์เองที่พยายามจะโยนใส่ตำรวจ แต่เผอิญว่าระเบิดดันไปชนประตูเหล็กจึงกระเด็นกลับเข้าหาตัว ส่วนจุดที่พบนายจานันทน์นอนเสียชีวิต ก็เป็นบริเวณลานซักล้างข้างบ้าน โดยบริเวณดังกล่าวนั้นก็พบกับคราบเลือดของนายจานันทน์กองอยู่จำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ภายในบ้านยังมีสุนัขอีกหนึ่งตัว

 

ทางด้าน พล.ต.ต.นิพนธ์ พานิชเจริญ รอง ผบช.ภ.8 ก็ได้กล่าวว่า สืบเนื่องจากท่านผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและผู้บัญชาการตำรวจภาค 8 ได้มีคำสั่งให้ทำการปราบปรามผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ จากนั้นทางตำรวจภูธรภาค 8 ก็ได้สืบทราบว่า นายจานันทน์ อายุ 48 ปี (ผู้ตาย) ซึ่งเดิมทีมีหมายจับ 3 หมาย ได้แก่ คดีช่วยเหลือผู้ต้องขังหลบหนีและคดีค้ายาเสพติด ได้ทำการหลบหนีมาอาศัยอยู่ที่บ้านเช่าในพื้นที่ ม.5 ต.กระทูน อ.พิปูน จ.นครศรีธรรมราช เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการขอหมายค้นพร้อมการจับกุม และได้เริ่มปฏิบัติการในเวลา 06.30 น. ของวันนี้ 6 มี.ค.67 ซึ่งเมื่อมาถึงก็พบว่าผู้ต้องหาได้หลบซ่อนอยู่ในบ้าน เจ้าหน้าที่จึงทำการเรียกให้ออกมามอบตัว แต่ปรากฏว่าผู้ต้องหาพยายามต่อสู้ขัดขืนโดยการเขวี้ยงปาระเบิดใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งพบว่ามีระเบิดทั้งหมด 3 ลูก โดยลูกแรกนั้นระเบิดด้าน ลูกสองนั้นระเบิดทำงานแต่เผอิญว่าผู้ต้องหาเขวี้ยงไปโดนประตูทำให้ระเบิดกระเด็นกลับเข้าหาตัว ส่วนลูกสามนั้นผู้ต้องหาได้กำไว้ในมือขณะที่เสียชีวิตแล้ว ซึ่งยอมรับว่ามีการปะทะเกิดขึ้นเพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องป้องกันตัว จึงทำให้ยิงกลับไปเป็นเหตุให้นายจานันทน์เสียชีวิต

 

ซึ่งเท่าที่มีการประสานกับเจ้าหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็น สภ.เมืองนครศรีธรรมราช , สภ.พิปูน และนายอำเภอในพื้นที่ ก็พบว่านายจานันทน์นั้นเป็นผู้ค้ายารายใหญ่ที่ถูกขึ้นบัญชีไว้ด้วย ส่วนของกลางที่พบในเบื้องต้น มีระเบิดที่ยังไม่ทำงาน 2 ลูก , อาวุธปืนออโตเมติก 1 กระบอก , ยาบ้า 20,000 เม็ด และมีเงินสดอีกจำนวนหนึ่ง ส่วนผู้ต้องหาตอนนี้มีแค่ 1 ราย ก็คือนายจานันทน์ซึ่งได้เสียชีวิตไปแล้วระหว่างการจับกุมตัว แต่หลังจากนี้ก็ยืนยันว่าจะมีการตรวจสอบขยายผลต่อไปว่าจะมีผู้ร่วมขบวนการรายอื่นเพิ่มเติมอีกหรือไม่

 

ต่อมาทีมข่าวได้พูดคุยกับนายอุเทน (นามสมมุติ) อายุ 56 ปี ซึ่งเป็นชาวบ้านที่ได้เลี้ยงวัวอยู่บริเวณข้างบ้านเช่าของนายจานันทน์ (ผู้ตาย) โดยนายอุเทนเล่าว่า เดิมทีบ้านหลังนี้เป็นของผู้หญิงคนหนึ่ง แต่หลังจากที่ลูกชายเขาเสียชีวิต เขาจึงย้ายออกจากบ้านหลังนี้เพื่อไปอยู่ในตัวเมืองนครศรีธรรมราชและได้ปล่อยเช่าบ้านหลังนี้ ซึ่งเมื่อประมาณ 2 เดือนที่แล้ว ตนก็เห็นว่ามีกลุ่มวัยรุ่นประมาณ 4 คน แบ่งเป็นชาย 2 หญิง 2 มาเช่าอาศัยอยู่ แต่ตนก็ไม่เคยเห็นหน้าชัด ๆ หรือพูดคุยกับกลุ่มผู้เช่าเหล่านั้น เนื่องจากตนจะแวะเข้ามาเติมหญ้าให้วัวในช่วงเที่ยงของทุกวันก็เท่านั้น ซึ่งบ้านหลังนี้นั้นตั้งอยู่กลางป่ายางพารา จึงไม่ค่อยมีคนนอกผ่านเข้ามาสักเท่าไหร่ และในวันนี้ตนก็เพิ่งจะมาทราบว่ามีการประทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจและคนร้าย เนื่องจากตนจะเข้ามาเติมหญ้าให้วัวในช่วงเที่ยง แต่ตอนที่ตนเข้ามาก็เห็นว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานรายล้อมอยู่รอบบริเวณแล้ว จนมาทราบในภายหลังว่ามีการวิสามัญคนร้าย ทราบว่าคือ “นายอึ่ง” โดยนายอึ่งนั้นเป็นวัยรุ่นในพื้นที่แต่ได้หายหน้าหายตาไปนานหลายปีแล้ว ทราบมาว่าเขาได้ไปทำสวนอยู่บนเขา แต่ในส่วนของประวัติการก่อเหตุอะไรนั้นตนก็ไม่เคยทราบ เท่าที่เห็นเขาก็เป็นวัยรุ่นปกติ ไม่ได้มีเรื่องมีราวอะไรกับใครในพื้นที่

นาทีเด็ดหัว "อึ่ง เขาพระ" เจ้าพ่อยานรก แฉแผนโหด ลวงมอบตัวหวังสังหารหมู่ตำรวจ