จากกรณีช่วงเย็นวานนี้ (22 ก.พ. 2567) ผู้เป็นแม่ได้ออกมาขอความช่วยเหลือหลังลูกชาย ด.ช.ปุณณภัทร์ หรือน้องอชิ อายุ 6 ขวบ ได้หายออกจากบ้านในพื้นที่หมู่ 4 บ้านหัวนอน ต.คลองเขม้า อ.เหนือคลอง จ.กระบี่ ซึ่งชาวบ้านในพื้นที่กว่า 200 คน ก็ได้ช่วยระดมกันออกค้นหาตลอดทั้งคืนจนทั่วบริเวณ แต่ยังไม่พบตัว โดยลักษณะจุดที่เกิดเหตุเป็นป่าโกงกางที่มีน้ำทะเลท่วมถึงประมาณหัวเข่า และเป็นเวลากลางคืน ทำให้การค้นยากลำบาก จนเจ้าหน้าที่ได้ยุติการค้นหาในเวลาประมาณ 01.30 น. (23 ก.พ.)


กระทั่งเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาเวลาประมาณ 06.30 น. ชาวบ้านก็ได้พบร่างของน้องอชิ นอนเสียชีวิตอยู่ใต้ถุนบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านของน้องเพียง 50 เมตร ในสภาพนอนหงายไม่สวมเสื้อ นุ่งกางเกงขายาวสีเขียว มีบาดแผลเป็นรอยไหม้ที่บริเวณหน้าอกและใต้สะดือ โดยมือทั้งสองข้างก็มีรอยไหม้พร้อมกับกำสายไฟฟ้าเปลือยไว้แน่น เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าน้องน่าจะถูกไฟชอร์ตเสียชีวิตมาแล้วไม่น้อยกว่า 8 ชั่วโมง





ล่าสุด ตำรวจ สภ.เหนือคลอง สอบถามนายอิบหร้อเหม อายุ 42 ปี ลูกชายเจ้าของบ้านจุดพบศพน้องอชิ ว่าเป็นสายไฟของที่บ้านหรือไม่ และมีการเสียบปลั๊กไว้ในวันเกิดเหตุหรือไม่ จนในที่สุดนายอิบหร้อเหม ซึ่งมีอาชีพหาปูขาย ยอมรับสารภาพว่า ตนเองเดินสายไฟดังกล่าวไว้จริง และเสียบปลั๊กไว้ โดยเดินสายไฟไว้เพื่อดักฝูงลิงป่า ที่ชอบเข้ามาจับปูที่หาไว้ขายกินจนหมด นอกจากนี้ฝูงลิงยังชอบเข้ามารื้อทำลายข้าวของในบ้าน จึงต้องทำสายไฟฟ้าดักไว้ ติดตั้งไว้ประมาณ 1 เดือนแล้ว


นายอิบหร้อเหม ยังยอมรับว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยอมรับว่าเป็นความประมาทของตนเอง แต่ไม่ได้มีเจตนาจะให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ ซึ่งตนเองพอทราบข่าวก็ช็อกจนพูดอะไรไม่ออก ตกใจไปเหมือนกัน ตนเสียใจกับเหตุที่เกิดขึ้น หลังจากนี้ก็ยอมรับผิด หากจะถูกดำเนินคดีก็ยอมรับ และฝากขอโทษพ่อแม่ของน้องด้วย ส่วนที่แม่ตนปฏิเสธไปก่อนนี้ เพราะไม่รู้เรื่องด้วยจริง ๆ ตนเป็นคนเดินสายไฟไว้เองทั้งหมด


ต่อมาในเวลา 15.00 น. ก็ได้มีการนำร่างของน้องอชิกลับมาที่บ้านของผู้เป็นยาย โดยมีบรรดาญาติ ๆ จำนวน 3 คน ขึ้นไปนั่งยืดขาบนแคร่ไม้ ก่อนจะนำร่างของน้องอชิมานอนพาดยาวบนขาของญาติ ๆ โดยการกระทำดังกล่าวนั้นทำเพื่อไม่ให้ร่างของน้องอชิต้องเปื้อนดินเปื้อนทราย จากนั้นทางด้านผู้เป็นแม่ก็ได้เข้าไปอาบน้ำสระผมทำความสะอาดร่างกายให้กับลูกชายเป็นครั้งสุดท้าย โดยผู้เป็นแม่ก็ได้ทำการจูบหน้าผากลูกชายพร้อมน้ำตา ท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจของบรรดาญาติ ๆ ที่เข้ามาดูเหตุการณ์จนหลายคนนั้นกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหวและร้องไห้ไปตาม ๆ กัน




จากนั้นเวลา 17.00 น. ทางด้านครอบครัวก็ได้นำร่างน้องอชิออกจากบ้าน โดยพาขึ้นท้ายรถกระบะเพื่อเตรียมจะนำไปทำพิธีตามศาสนา ซึ่งทางด้านญาติพี่น้องไม่น้อยกว่า 50 คน ก็ได้ขับรถตามไปติด ๆ เพื่อที่เดินทางไปส่งน้องอชิร่วมกันเป็นครั้งสุดท้าย


ต่อมาทีมข่าวช่อง 8 ได้ภาพจากกล้องวงจรปิดในวันที่ 22 ก.พ. โดยในเวลา 20.22 น. จะเห็นว่าชาวบ้านนั้นพากันขี่รถจักรยานยนต์ประมาณ 5-6 คัน เพื่อตระเวนตามหาตัวน้องอชิบริเวณซอยเข้า-ออกของหมู่บ้าน จากนั้นในเวลา 20.48 น. รถของเจ้าหน้าที่กู้ภัยและมูลนิธิกู้ชีพจำนวน 2 คัน ก็ได้ขับเข้าไปภายในซอยหมู่บ้าน เพื่อระดมกำลังเข้าไปช่วยตามหาตัวน้องอชิ


และในวันที่ 23 ก.พ. เวลา 06.34 น. รถของศูนย์กู้ชีพมูลนิธิมิราเคิล อ.เหนือคลอง ก็ได้ขับเข้าไปยังซอยของหมู่บ้าน ซึ่งคาดว่าเป็นเวลาที่ชาวบ้านได้พบศพของน้องอชิแล้ว และจากนั้นในเวลา 07.05 น. รถของมูลนิธิฯ ก็ได้ขับออกมาโดยที่มีร่างของน้องอชิอยู่ภายในเพื่อนำส่งโรงพยาบาลคลองเหนือ




จนในเวลา 14.34 น. รถกระบะของครอบครัวน้องอชิก็ได้ขับเข้าไปในหมู่บ้าน โดยที่ผู้เป็นพี่ชายนั้นได้อุ้มร่างของน้องอชินั่งอยู่บริเวณเบาะที่นั่งด้านหน้าข้างคนขับ จากนั้นในเวลา 16.50 น. รถกระบะคันเดิมก็ได้ขับออกจากหมู่บ้าน โดยที่ด้านหลังกระบะนั้นมีญาติ ๆ ที่กำลังกางร่มบังแสงแดดให้กับร่างของน้องอชิซึ่งนอนอยู่อย่างสงบ จากนั้นบรรดาญาติ ๆ ก็ได้ขับรถตามไปติด ๆ เพื่อร่วมส่งน้องอชิเป็นครั้งสุดท้าย


ทางด้านของ น.ส.สุภาวดี ซึ่งเป็นแม่ของน้องอชิ ได้เปิดใจกับทีมข่าวช่อง 8 ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดย เล่าว่า เมื่อช่วงเย็นวานนี้น้องอชิได้เข้ามาเปลี่ยนกางเกงที่บ้าน จากนั้นน้องก็ได้ออกไปเล่นนอกบ้าน จนเวลาเริ่มเย็นตนก็พยายามเรียกหาลูกชายให้กลับบ้านแต่หาเท่าไรก็ไม่เจอ ซึ่งเพื่อนบ้านก็ได้แจ้งว่าเห็นน้องอาชิเล่นอยู่ใต้ถุนบ้านร้าง ซึ่งตนก็พยายามตามหาอยู่นานสองนานก็ไม่เจอ จนต้องให้เจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยตามหา ซึ่งก็ยังไร้วี่แววที่จะเจอลูกชาย ตนจึงไปคุยกับผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้าน เขาก็บอกว่าเดี๋ยวตอนเช้าก็เจอ ในตอนนั้นตนก็คิดว่าลูกชายจะกลับบ้านมาในสภาพปกติ แต่เรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเพราะลูกชายตนได้นอนเสียชีวิต ทันทีที่เห็นภาพดังกล่าวตนก็เป็นลมล้มลงไปในทันที





ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ลูกชายของตนเสียชีวิตคงจะเป็นลวดสายไฟฟ้าเส้นดังกล่าว ส่วนคนที่ต่อสายไฟก็ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นเพื่อนบ้านที่รู้จักกันมานาน ตนคิดว่าเหตุการณ์นี้ไม่ควรเกิดขึ้นเลย เขาไม่ควรจะต่อสายไฟห้อยระโยงระยางแบบนั้น เนื่องจากในหมู่บ้านนั้นมีเด็กเล็กมากมาย ลูกชายของตนก็มักจะวิ่งเล่นกับลูกชายของเขาอยู่บ่อยครั้ง ทำไมเขาถึงไม่คิดและระวังเรื่องนี้ให้ดี หากบอกว่าอยากทำเพื่อไล่ลิงมารบกวน ทำไมเขาถึงไม่บอกชาวบ้านคนอื่นเอาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้เกิด

เหตุการณ์แบบนี้ อยากให้เขาฉุกคิดให้ได้ว่าระหว่างชีวิตคนกับลิงอะไรมันสำคัญกว่า หากเขาไม่ต่อสายไฟแบบนี้วันนี้ลูกตนก็คงจะยังอยู่ กว่าตนจะเลี้ยงดูลูกให้เติบโตมาได้ขนาดนี้มันต้องใช้เวลาแค่ไหน แต่วันนี้ลูกก็จากไปอย่างไม่ทันตั้งตัว ถ้าน้องอชิฟังอยู่ก็อยากให้ลูกไปให้สบาย ไม่ต้องห่วงอะไรทางนี้ หากชาติหน้ามีจริงก็ขอให้เกิดมาเป็นลูกแม่อีก


นางสาวสุภาวดี ยังกล่าวพร้อมน้ำตาอีกว่า อยากให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ อยากให้ระมัดระวังในเรื่องของกระแสไฟฟ้า เพราะคนที่เขาพลาดไปโดนเขาจะรู้สึกเจ็บปวดขนาดไหน ลูกชายของตนนั้นมีแผลเต็มมือจนเป็นแผลลึกและใหญ่มาก รู้แหละว่าไม่มีใครตั้งใจให้เกิดขึ้น แต่หากวันหนึ่งมันเกิดขึ้นกับลูกหลานคุณ คุณจะรู้สึกยังไง มันอันตรายมากนะ

เฝ้าวันรอเจอลูก ผงะความจริงใจสลาย! จากเด็กหายกลายเป็นศพ