จากกรณีการหายตัวไปของ นางสาวชลลดา หรือ นุ่น อายุ 27 ปี ซึ่งเพื่อนได้มีการประกาศโพสต์ตามหาภายหลังเมื่อวันที่ 18 ก.พ. 2567 ได้พากันไปกินข้าวฉลองวันเกิดของนายศิริชัย หรือ ทอย ฝ่ายชายซึ่งเป็นสามีของนุ่นที่หายตัวไป แต่หลังจากที่ทานข้าวเสร็จ ระหว่างทางที่เดินทางกลับบ้าน ปรากฏว่าน้องนุ่นทะเลาะกับสามีในรถบีเอ็มสีขาว ซึ่งขับรถมาถึงบริเวณเลียบคลองประปา พื้นที่ปากเกร็ด ปรากฏว่าฝ่ายหญิงตัดสินใจเปิดลงจากรถและโบกรถแท็กซี่หายตัวไป เวลาประมาณ 03.00 น. แต่ทางครอบครัวของน้องนุ่นไม่เชื่อยังสงสัยในตัวของสามี ที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไป นั้น

ตำรวจล็อกตัวผัวน้องนุ่นเค้นสอบ รอดูหลักฐานช่อง 8

วันนี้ (20 ก.พ.) ตลอดช่วงบ่ายที่ผ่านมา มีรายงานว่า ชุดสืบสวนจาก สภ.ปากเกร็ด เดินทางเข้าไปเพื่อสอบปากคำและหาเบาะแสเพิ่มเติมเกี่ยวกับการหายตัวไปของน้องนุ่น โดยมีการเดินเข้าไปบริเวณหลังบ้าน และใช้เวลาในการสอบสวนนายศิริชัย หรือ ทอย นานหลายชั่วโมง

และเมื่อช่วงเวลา 18.08 น. ที่ผ่านมา ภายหลังชุดสืบสวน สภ.ปากเกร็ด ได้เข้าไปเพื่อพูดคุยกับนายศิริชัย นับตั้งแต่ที่เดินทางเข้าไปสอบสวนเพิ่มเติมตั้งแต่เวลา 14.30 น. โดยมีบางช่วงเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้เดินมาดูรถบีเอ็มสีขาวที่จอดอยู่ในโรงรถ พร้อมกับมีการนำภาพจากกล้องวงจรปิดบางช่วงมาเปรียบเทียบและยืนคุยกัน แต่ไม่ได้พบว่ามีการนำตัวนายศิริชัยมาชี้ที่รถ หรือมาดูที่รถแต่อย่างใด

กระทั่งช่วงเวลา 19.00 น. ที่ผ่านมา ชุดสืบสวน สภ.ปากเกร็ด ได้มีการขอตรวจค้นรถบีเอ็มสีขาว เบื้องต้นอยู่ระหว่างการตรวจค้นโดยเฉพาะที่พักเท้าและเบาะรถรวมถึงทรัพย์สินในรถ

ขณะที่ ณัฐวุฒิ ปงลังกา นักข่าวช่อง 8 รายงานสดถึงสถานการณ์ล่าสุด หลังจากที่ชุดสืบสวน สภ.ปากเกร็ด เข้าควบคุมตัวนายศิริชัย เมื่อเวลา 20.01 น. ที่ผ่านมา เพื่อนำตัวไปสอบสวนเพิ่มเติมที่ สภ.ปากเกร็ด ซึ่งก่อนที่นายศิริชัยจะขึ้นรถของเจ้าหน้าที่ ทางผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามถึงประเด็นมีการทำร้ายน้องนุ่นจริงหรือไม่ ทำร้ายอย่างไร และน้องนุ่นอยู่ที่ไหน ซึ่งเจ้าตัวไม่มีการตอบคำถามสื่อแต่อย่างใด และมีท่าทางเคร่งเครียด

ทั้งนี้ ทีมข่าวได้ขับรถติดตามรถของชุดสืบฯ ซึ่งกำลังมุ่งหน้าไป สภ.ปากเกร็ด และคาดว่าตำรวจจะเค้นสอบถึงไทม์ไลน์ต่าง ๆ รวมถึงพยานหลักฐานที่มีการให้ปากคำเพิ่มเติม และตอนนี้ทีมข่าวได้มาถึงโรงพักพร้อมรถของชุดสืบฯ ที่ควบคุมตัวนายศิริชัยมาด้วย โดยเจ้าตัวนั่งเงียบ ไม่ได้มีท่าทีใด ๆ เนื่องจากมีการสวมแมสก์ แว่นตาสีดำ และสวมเสื้อคลุมสีดำ

และจนถึงขณะนี้ทีมข่าวยังไม่ได้รับการยืนยันว่าตัวของนายศิริชัยเอง มีการรับสารภาพหรือมีการให้การอย่างไร เพราะว่าก่อนหน้านี้มีการเข้าไปทำการตรวจสอบรถบีเอ็มสีขาว ซึ่งเป็นรถคันเดียวกันที่ปรากฏเป็นข่าว ว่ามีการขับพาน้องนุ่นไปกินข้าว จากนั้นก็มีการขับกลับมาที่บ้าน ย่านเมืองทองธานี

และล่าสุดทีมข่าวได้ติดตามรถของชุดสืบฯ คาดว่าน่าจะพาตัวนายศิริชัยไปที่ห้องชุดสืบสวนด้านหลังของ สภ.ปากเกร็ด ท่ามกลางผู้สื่อข่าวหลายสำนักที่ทยอยเข้ามาทำข่าวการควบคุมตัวนายศิริชัยครั้งนี้ โดยก่อนหน้านี้เจ้าตัวปฏิเสธมาตลอดว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของน้องนุ่น

ทั้งนี้ นาทีที่นายศิริชัยลงจากรถชุดสืบฯ เพื่อนเดินเข้าห้องสืบสวน นักข่าวก็เข้ามาสอบถามถึงประเด็นต่าง ๆ ว่าเรื่องราวมันเกิดอะไรขึ้น แต่ทางนายศิริชัยก็ไม่ได้ตอบคำถามสื่อแต่อย่างใด และเจ้าหน้าที่ก็กันไม่ให้สื่อเข้าไปทำข่าวระหว่างสอบปากคำด้วย