ก๊วนเด็กสถานสงเคราะห์โต้ยับไม่มีทารุณ ช่อง 8 เจออีกเหยื่อถูกทุบพลัดพรากแม่

กรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กคนหนึ่ง เปิดภาพเด็กหญิงคนหนึ่ง นั่งอยู่บนชักโครก มีลักษณะถูกเชือกสีเขียวรัดที่ปาก ที่แขน และที่ขาของน้อง

ส่วนอีกภาพเป็นภาพของเด็กนอนเรียงกัน 3 คน อยู่ใต้อ่างล้างมือภายในห้องน้ำ

โดยระบุว่าเหตุเกิดในสถานสงเคราะห์แห่งหนึ่ง จับเด็กมัดมือมัดเท้า มัดปาก ให้เด็กนอนในห้องน้ำทั้งคืน ขังเด็กในห้องมืด นอกจากนี้ยังจับเด็กเล็กจุ่มลงท่อน้ำทิ้ง เตะเด็กตกบันได โกนหัวเด็ก เอารองเท้าตบหน้า เป็นต้น

โดยเจ้าของโพสต์ระบุว่า ได้รับรู้เรื่องนี้มา ไม่นิ่งนอนใจที่จะหาทางตีแผ่สู่สังคม เด็กกว่า 280 ชีวิตต้องเผชิญกับความโหดร้ายจากสังคมภายนอกมาแล้ว ยังต้องมาเจอความโหดร้ายจากผู้ดูแล ทำไมมาตรการการทำผิดต้องมีห้องมืด ฝากสื่อยินดีให้ข้อมูล ฝากแชร์ เพื่อเป็นสะพานบุญให้เด็กหลายร้อยชีวิต

ทีมข่าวช่อง8 ได้รับข้อมูลข้อมูลจากนางสาวดี อายุ 24 ปี ซึ่งเป็นเด็กที่เคยไปใช้ชีวิตอยู่ที่สถานสงเคราะห์ดังกล่าวเป็นเวลา 10 ปี โดยเล่าว่า เท่าที่จำความได้ในช่วงที่ตนเองมีอายุ 8 - 9 ขวบ พ่อกับแม่ได้แยกทางกัน จากนั้น แม่ก็พาเดินไปขอทานตามถนน กระทั่งเมื่อมีอายุ เข้า 9 ขวบเต็ม ปรากฏว่าแม่ถูกจับ จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้พาตนเองไปส่งที่สถานสงเคราะห์ที่เกิดเรื่อง โดยมีแม่ เป็นคนเซ็นเอกสารยินยอมให้อยู่ในสถานที่แห่งนั้น จนถึงตอนนี้ไม่ได้เจอแม่อีกเลย

โดยยอมรับว่าในช่วงที่อยู่ที่สถานสงเคราะห์แห่งนั้น โดยจิกหัว โดนตบ และโดนกระทืบ ซึ่งอยู่ที่นั่นจนบรรลุนิติภาวะจึงออกมาได้

นอกจากนี้ ยังมีกรณีถูกจ้างให้ไปทำงานข้างนอก โดยจะได้เงินประมาณวันละ 30 บาท

โดยอยากให้ช่อง 8 กับมูลนิธิ วินวิน อยากจะให้ตรวจสอบเรื่องที่ถูกทำร้ายโดยเชื่อว่ามีเด็กโดนทำร้ายด้วย รวมถึงอยากให้ดำเนินคดีกับพี่เลี้ยงคนดังกล่าว

และช่วยตามหาแม่ที่พลัดพรากให้ด้วย นางสาวดี กล่าวย้ำยืนยันทุกสิ่งทุกอย่างที่ให้ข้อมูลกับช่อง 8 คือเรื่องจริงทั้งหมด

ขณะเดียวกัน ทีมข่าวช่อง8 เดินทางไปที่ร้านหมูยอ ในพื้นที่อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา โดยไปเจอเด็กๆด้วย มี 3 คน เจ้าของร้านหมูยอ ยืนยันไม่มีการบีบบังคับเด็ก โดยจ่ายเงินตรงให้กับเด็ก 500-700 บาท ยอมรับว่า เด็กทุกคนที่มาทำงานกับตนเอง เป็นเด็กที่ตนเองทำเรื่องไปขอมาอย่างถูกต้อง บางคนมาอยู่จนได้สามี แล้วก็ออกไปตั้งตัวประกอบกิจการของตัวเองก็มี ซึ่งที่ร้านของตนเอง จะเป็นสถานที่คล้ายๆกับการฝึกงานเพื่อให้เด็กเรียนรู้การทำงานก่อนจะออกไปใช้ชีวิตข้างนอก มีการสลับสับเปลี่ยนกันมารุ่นต่อรุ่น

พร้อมกันนี้ ยืนยันที่ผ่านมา ตนเองไม่เคยทารุณเด็ก เพราะเด็กทุกคนเรียกว่าพ่อ อยู่กันด้วยความรัก ซึ่งทางสถานสงเคราะห์ จะมาเยี่ยมเด็ก 6 เดือนครั้งหรือ 1 ปี ต่อครั้ง ส่วนเรื่องเงิน ก็แล้วแต่เด็กว่าจะเปิดบัญชีเก็บเอง หรือฝากไว้กับตนเองก็ได้ ซึ่งก็จะมีบางคนออกไปโดยไม่มีเงินติดตัวก็มี เพราะเขาเบิกเงินไปใช้จนหมด ในฐานะที่ตนเอง มีความผูกพันกับสถานสงเคราะห์ดังกล่าว มองว่าเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่น่าจะเป็นความจริง

ถูกแยกแม่-ลูกและทุบตี