ป.ป.ช.ตรัง บินโดรนลุยตรวจพื้นที่ หลังชาวบ้านร้องเรียนผู้มีอิทธิพลลักลอบดูดทราย พบตลิ่งพัง ทางน้ำเปลี่ยนแปลงขั้นวิกฤต ทรัพยากรเสียหายยับ แต่ไม่พบความผิดซึ่งหน้า

วันนี้ 15 มี.ค. 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายบัณฑิต คณะสุวรรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำ จ.ตรัง นายยุทธนา วิมลเมือง เจ้าพนักงานป้องกันการทุจริตชำนาญการพิเศษ นายพงศกร ชูเลื่อน ปลัดอำเภอปะเหลียน นายศุภชัย อินทร์สังข์ ผอ.กองช่างเทศบาลตำบลท่าพญา นายชัยวุฒิ สวัสดิรักษ์ ประธานชมรมตรังต้านโกง ได้เดินทางลงตรวจสอบการลักลอบดูดทรายในที่ดินกรรมสิทธิ์ และการลักลอบดูดทรายในแม่น้ำ จำนวน 2 แห่ง ในพื้นที่ของหมู่ที่ 3 และ หมู่ที่ 4 ต.ท่าพญา อ.ปะเหลียน จ.ตรัง ภายหลังจากได้รับข้อมูลและเบาะแสว่ามีการลักลอบดูดทราย ก่อนจะประสานนายเทอด อักษรทอง วิศวกรชำนาญการ น.ส.จุฑาพร ปราบปรี วิศวกรปฏิบัติการ สำนักงานอุตสาหกรรม จ.ตรัง เข้าร่วมตรวจสอบด้วย

ผลจากการลงตรวจสอบบ่อแปลงที่ 1 ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ หมู่ 4 ต.ท่าพญา ไม่พบการดำเนินการดูดทรายในขณะลงตรวจสอบ แต่พบว่ามีร่องรอยการดูดทราย และการร่อนทรายในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งไม่พบผู้ใดเป็นผู้ครอบครอง ซึ่งพื้นที่แห่งนี้ เมื่อวันที่ 22 และ 26 เม.ย. 65 ที่ผ่านมา ได้มีการลงตรวจสอบพบการกระทำความผิดแอบลักลอบล้าง คัดแยกขนาดทรายในที่ดินกรรมสิทธิ์ ทางพนักงานเจ้าหน้าที่ได้แจ้งความดำเนินคดีตามมาตรา 12 แห่ง พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ.2535 โดยผู้ต้องหายอมรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา และยินยอมให้เปรียบเทียบปรับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

จนกระทั่งคำสั่งทางปกครองสำนักงานอุตสาหกรรมตรัง ได้สั่งให้ระงับการกระทำที่ฝ่าฝืนและให้แก้ไขปรับปรุงโรงงานให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน แต่ปรากฏว่าระยะเวลาล่วงเลยมาจนถึงวันนี้ (15 มี.ค. 66) เกือบจะครบ 1 ปี แต่ปรากฏว่าทางผู้ประกอบการยังคงไม่มีการดำเนินการแก้ไขแต่อย่างใด และพ้นระยะเวลามานานแล้ว โดยผลจากการดูดทรายพบว่า ตลิ่งทางน้ำเปลี่ยนและทรัพยากรธรรมเสียหายเป็นจำนวนมาก และยังไม่ได้แจ้งความดำเนินคดีในส่วนนี้

ต่อมาจากการตรวจสอบบ่อแปลงที่ 2 ไม่พบว่ามีการดูดทรายเช่นเดียวกัน แต่ทางผู้ให้ข้อมูล ระบุว่า ได้เลิกดูดไปแล้วประมาณ 4-5 ปี ซึ่งบริเวณพื้นที่ใกล้กันได้พบเรือดูดทราย พร้อมอุปกรณ์ส่วนควบแต่ไม่พบผู้ครอบครอง ซึ่งจากการบินโดรนและภาพถ่ายจาก กูเกิล เอิร์ธ (Google Earth) พบว่าตลิ่งพังเป็นวงกว้าง ทรัพยากรธรรมชาติเสียหายอย่างหนัก และพบว่าเส้นทางน้ำได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ซึ่งเกิดความเสียหายต่อประเทศเป็นอย่างมาก ซึ่งก็ยังคงไม่มีการดำเนินคดีแต่อย่างใดเช่นเดียวกัน

นายบัณฑิต คณะสุวรรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำ จ.ตรัง กล่าวว่า หลังจากนี้ก็จะมีการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่งว่าที่มาที่ไปเป็นอย่างไร เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานว่าจะเข้าเงื่อนไขตามกฏหมายหรือไม่ อย่างไร วันนี้ก็ได้สั่งการและกำชับไปยังสำนักงานอุตสาหกรรม จ.ตรัง ว่าให้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ในส่วนไหนที่เข้าข่ายผิดกฎหมายก็ให้ไปดำเนินการแจ้งความดำเนินคดี ขณะเดียวกันในฐานะผู้รับผิดชอบดูแลก็ให้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่อย่างเคร่งครัด อย่าให้เกิดปัญหาในพื้นที่เกี่ยวกับการดูดทราย เพราะมีผลกระทบทรัพยากรธรรมเป็นอย่างมาก

นายชัยวุฒิ สวัสดิรักษ์ ประธานชมรมตรังต้านโกง กล่าวว่า วันนี้จากการลงพื้นที่ก็ไม่พบว่ามีการดูดทราย แต่พบร่องรอยล้อรถแบ็กโฮที่ค่อนข้างจะชัดเจนอยู่ ว่าเหมือนจะเพิ่งเคลื่อนย้ายออกไปไม่นาน และยังพบเรือดูดทรายที่มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงหลังคาใหม่ ซึ่งอาจจะมีการกระทำลักลอบ แต่เนื่องจากการลงพื้นที่ไม่พบการกระทำความผิดซึ่งหน้า ก็ยังไม่แน่ชัดว่ามีการลักลอบดูดกันมากน้อยแค่ไหน แต่สภาพค่อนข้างจะมีนัยยะว่ามีการลักลอบดูดทรายในพื้นที่อยู่พอสมควร ซึ่งทาง ป.ป.ช. และชมรมฯ คงจะต้องดำเนินการกดดันสำหรับผู้กระทำความผิดต่อไป และทั้งนี้ลักษณะของผู้ที่กระทำการดูดทรายส่วนใหญ่มักจะเป็นผู้ที่มีอิทธิพลในพื้นที่ หรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับภาครัฐ สิ่งเหล่านี้ทาง ป.ป.ช. และชมรมฯ มีการติดตามและไม่กังวลพร้อมเดินหน้าในการปกป้องทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของประเทศอย่างเต็มที่

อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นหลังจากมีการตรวจสอบ ทางเจ้าหน้าที่สำนักงานอุตสาหกรรม จ.ตรัง ได้ดำเนินการเพียงแค่แจ้งลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน กับ ร.ต.อ.วิสวัส ไพบูลย์ รองสารวัตรสอบสวน สภ.ปะเหลียน แต่ยังไม่ได้มีการแจ้งความดำเนินคดีหรือดำเนินการตรวจยึดแต่อย่างใด