โฆษกกองทัพไทย ยันกัมพูชาลงนามร่วมเอกสารรับรองหลักเขต 41, 42, 43 และ 44 ชายแดนสระแก้วแล้ว เมื่อ 14 มิ.ย. 68 ยืนยันอยู่ในเขตอธิปไตยไทย ส่วนรั้วลวดหนามไม่ใช่เส้นเขตแดน ขึงไว้ป้องกันชาวกัมพูชาเข้ามาก่อความเดือดร้อน

วันที่ 23 ก.ย. 2568 ที่วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยถึงกรณีหลักเขตแดนที่ 42 ตั้งอยู่ที่บ้านหนองหญ้าแก้ว ตำบลโคกสูง อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว และหลักเขตแดนที่ 43 ตั้งอยู่ที่บ้านโนนหมากมุ่น ตำบลโคกสูง อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ว่า จริงๆ เอกสารที่เปิดไปเมื่อวานนี้ (22 ก.ย. ) ได้รับมาจากกรมแผนที่ทหาร ซึ่งเอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารที่ลงนามร่วมกันระหว่างหัวหน้าชุดตรวจหลักเขตไทย-กัมพูชา โดยมี พล.ท.ชาคร บุญภักดี เจ้ากรมแผนที่ทหารในปัจจุบัน ขณะนั้นยศพันเอกในฐานะผู้อำนวยการกองแผนและโครงการกรมแผนที่ทหาร(ฝ่ายไทย) และนายลาย เซียงลี ปลัดกระทรวงกิจการชายแดนกัมพูชา

เอกสารดังกล่าวลงนามร่วมเมื่อปี 2559 และมีการสำรวจร่วมกันในปี 2549 และเสร็จจริง 74 หลัก ในปี 2550 ซึ่งเอกสารฉบับดังกล่าวถูกนำเสนอในการประชุม JBC แต่ก็ไม่เคยถูกนำเข้าไปอยู่ในวาระ และเมื่อวันที่ 14 มิ.ย. 68 ที่ผ่านมา ฝ่ายไทยได้แนบเอกสารนี้เข้าไป และทั้งสองฝ่ายมีการลงนามรับรองเอกสาร

เมื่อถามว่า หากฝั่งกัมพูชาไม่ยอมรับจะส่งผลอะไรหรือไม่ พล.ต.วิทัย กล่าวว่า ไม่มีผล เอกสารก็คือ เอกสาร ในเมื่อเอกสารเข้าที่ประชุมแล้ว เขายอมรับแล้ว แต่ก็ต้องเรียนให้ทราบว่าเป็นการรับรองหลักเขตตามที่ MOU 2543 ได้กำหนดชัดเจนแล้วว่าจากหลักเขตที่ 41, 42, 43 และ 44 จะใช้เส้นตรงจากกึ่งกลางของหลักเขต

พล.ต.วิทัย กล่าวอีกว่า ในส่วนของหลักเขตที่ยังตกลงกันไม่ได้อย่างเช่น หลักเขตที่ 42 ที่บ้านหนองหญ้าแก้ว จะมีความแตกต่างที่ 80 เมตร ระหว่างหลักเขตที่ไทยยืนยันกับหลักเขตที่กัมพูชาอ้างว่าเป็นหลักเขตของเขา แต่ส่วนหลักเขต 43 จากการสำรวจล่าสุดปี 2549 พบว่า หลักเขตล้มอยู่ ตอนแรกหาไม่เจอ แต่พอมาเจอพบว่าถูกดินกลบอยู่ ซึ่งทั้งไทยและกัมพูชามีการปักเสาชั่วคราว มาร์กจุดเอาไว้ ซึ่งถือว่าเป็นการรับรู้ว่าตรงนั้นคือหลักเขต 43 การที่กัมพูชาระบุว่าไม่ได้ยอมรับเรื่องเส้นหลักเขตในการประชุม JBC แต่ก็มีการยอมรับเรื่องหลักเขต และใน MOU 43 ระบุว่าจะลากเส้นหลักเขตเป็นเส้นตรงเท่านั้น นอกจากนี้หลักเขต 42 และ 43 ก็มีภาพถ่ายทางอากาศที่ชัดเจนอยู่แล้ว ยืนยันชัดเจนว่าบ้านหนองหญ้าแก้วอยู่ในดินแดนอธิปไตยของประเทศไทย

ส่วนเรื่องรั้วลวดหนาม ยืนยันว่า รั้วลวดหนามไม่ใช่เส้นเขตแดน แต่เป็นการสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชน เพื่อไม่ให้ชาวกัมพูชาเดินทางข้ามมาได้ เนื่องจากพื้นที่ชายแดนจะมีชาวกัมพูชาข้ามเข้ามาก่อเหตุต่างๆ และสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวไทย จึงต้องสร้างรั้วเพื่อกั้นคนไม่ให้ชาวกัมพูชาเข้ามาก่อความเดือดร้อนได้