เขมรทยอยเข้าพื้นที่ตามนัดอีกแล้ว ทั้งชายหญิง ผู้สูงอายุ เด็ก และคนพิการ รวมกว่า 100 คน บริเวณชายแดนตรงข้ามบ้านหนองจาน–หนองหญ้าแก้ว

วันที่ 23 กันยายน 2568 เวลา 10.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน พื้นที่บ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ว่าเริ่มมีความเคลื่อนไหวจากฝั่งกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง หลังได้รับสัญญาณนัดหมายล่วงหน้าจากผู้นำท้องถิ่นกัมพูชาให้ประชาชนเข้ามาปักหลักรวมตัวบริเวณใกล้แนวรั้วลวดหนามชายแดน โดยพบว่า มีพระสงฆ์ชาวกัมพูชาจำนวนหนึ่งนำหน้าเข้ามา พร้อมด้วยชาวบ้านทั้งชายหญิง ผู้สูงอายุ เด็ก และผู้พิการ รวมแล้วกว่า 100 คน ทยอยเดินทางเข้าพื้นที่อย่างเป็นระเบียบ โดยใช้เส้นทางจากหมู่บ้านเปรยจันและหมู่บ้านใกล้เคียง เพื่อเข้ามาปักหลักอาศัยในเพิงพักชั่วคราวบริเวณชายแดนฝั่งกัมพูชา ตรงข้ามบ้านหนองจาน-หนองหญ้าแก้ว

แหล่งข่าวฝ่ายความมั่นคงไทย ระบุว่า การรวมตัวครั้งนี้เป็นไปตามรายงานที่แจ้งมาก่อนหน้า ว่าจะมีการนัดหมายกลุ่มชาวบ้านจากฝั่งกัมพูชาเข้ามาเพื่อกดดันทางการไทยต่อเนื่อง หลังจากตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีกลุ่มมวลชนทยอยเดินทางเข้ามาปักหลักพักค้างคืนในพื้นที่ชายแดน และเคลื่อนไหวเป็นระยะ

ด้านการรักษาความปลอดภัย กองกำลังบูรพา ได้จัดกำลังลาดตระเวนอย่างเข้มงวด พร้อมนำโดรนบินตรวจสอบความเคลื่อนไหวตลอดแนวชายแดน เพื่อป้องกันสถานการณ์ไม่ให้บานปลาย เบื้องต้นยังไม่พบการกระทำที่เป็นการยั่วยุหรือใช้ความรุนแรงจากฝั่งกัมพูชา แต่บรรยากาศโดยรวมเริ่มตึงเครียดมากขึ้น เนื่องจากจำนวนผู้ชุมนุมเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

รายงานเพิ่มเติมจากพื้นที่ฝั่งกัมพูชาระบุว่า การเคลื่อนไหวครั้งนี้มีการสนับสนุนโดยตรงจากนายอุม เรีย ตรัย ผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตียเมียนเจย ซึ่งได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานในจังหวัด รวมถึงจังหวัดใกล้เคียง จัดเตรียมอาหาร น้ำดื่ม และสิ่งของจำเป็นแจกจ่ายแก่กลุ่มผู้ชุมนุมอย่างไม่จำกัด เพื่อสร้างความมั่นใจว่าประชาชนที่เข้ามาปักหลักจะสามารถอยู่ในพื้นที่ได้ต่อเนื่อง

ขณะเดียวกัน ฝ่ายไทยยังคงยึดหลักการปฏิบัติที่ระมัดระวังและอยู่ในกรอบสากล โดยมีการประสานฝ่ายปกครองท้องถิ่นและผู้นำชุมชนใน อ.โคกสูง ให้ร่วมเฝ้าระวังความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด และเตรียมแผนรองรับหากสถานการณ์มีความเปลี่ยนแปลง

สำหรับความเคลื่อนไหวตลอดแนวชายแดนบ้านหนองจาน–หนองหญ้าแก้วในช่วงเช้าวันนี้ พบว่า มีกลุ่มพระและชาวบ้านกัมพูชาทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ประชาชนในฝั่งไทยต่างจับตาสถานการณ์ด้วยความกังวล เนื่องจากการชุมนุมที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นอาจส่งผลต่อบรรยากาศชายแดนในระยะยาว