ป้าวัย 58 มีสามีแล้ว ถูก ผอ.วัย 82 ค้างเงินค่าจ้างตัดหญ้า ไปๆ มาๆ ผอ.ขอมีสัมพันธ์อยู่กิน 3 คนผัวเมีย เสนอให้เป็นเมียทดลองงาน 6 เดือน สินสอด 3 แสน ทอง 3 บาท สุดท้ายเป็นหนี้ไม่รู้ตัว 5 แสน เพราะอ่านหนังสือไม่ออก ถูกให้เซ็นเอกสาร

วันที่ 10 มิ.ย. 2567 จากกรณีหญิงวัย 58 ปี เข้าร้องขอความช่วยเหลือจากเพจแห่งหนึ่งที่ อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี ถึงกรณีที่ถูกชายอ้างเป็น ผอ.ขอเป็นสามีอีกคน ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน 3 คนผัวเมีย แต่ต่อมาเรื่องกลับกลายเป็นว่า ตกเป็นลูกหนี้ ผอ.กว่า 5 แสนบาท แถมมีหมายศาลเรียกขึ้นศาล

ผู้สื่อข่าว จ.หนองคาย ได้เดินทางไปพบกับ ป้าน้อย อายุ 58 ปี ซึ่งได้มาทำงานรับจ้างตัดต้นไม้ปรับปรุงภูมิทัศน์ กับนายบุญที อายุ 58 ปี สามีชาวลาว ที่วัดอัมพติตถาราม ต.รัตนวาปี อ.รัตนวาปี จ.หนองคาย โดยป้าน้อยได้หอบเอกสารให้ผู้สื่อข่าวดูพร้อมเล่าว่า เมื่อประมาณปี 2564 ตนกับสามีชาวลาว ได้ไปรับจ้างตัดหญ้าให้กับ ผอ.สิง (นามสมมติ) ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าเป็น ผอ.ที่ไหนมาก่อน โดยเรียกตามคนอื่น ค่าจ้าง 3,000 บาท แต่ได้รับค่าจ้างเพียง 2,000 บาท อีก 1,000 บาทค้างจ่าย จึงได้ติดต่อกันเรื่อยมา

จนกระทั่งวันหนึ่ง ผอ.สิง พูดกับตนว่า ขอให้ตนมาเป็นเมีย แต่เพราะตนมีสามีอยู่แล้ว ผอ.สิงก็บอกว่าไม่เป็นไร จะขออยู่กัน 3 คนผัวเมียได้ และเสนอว่าจะช่วยให้ตนทำบุญให้ลูกที่ตายไป 7 ปี ตนจึงตกลงแต่ขอให้มีเงินสินสอด 3 แสนบาท และทอง 3 บาท ผอ.สิง ก็รับปาก จากนั้นก็ได้พาตนทำบุญให้ลูกที่ตายไป โดยเงินค่าใช้จ่ายทั้งหมด ผอ.สิง เป็นคนรับผิดชอบ และมาบอกตนทีหลังว่า ตนติดหนี้ ผอ.อยู่ 2 แสนบาท ตนก็เซ็นรับทราบ แต่หลังจากนั้น ผอ.สิง ให้ตนเซ็นเอกสารอ้างว่าเป็นเอกสารที่บอกว่าจะขอรับตนเข้าบ้านอยู่กัน 3 คน ผัวเมีย แต่เนื่องจากตนอ่านหนังสือไม่ออก จึงเซ็นไป หลังจากนั้นก็จะให้เซ็นอีกแต่ตนเห็นตัวเลขระบุไว้หลายแสนบาทจึงไม่ได้เซ็น ส่วนสามีชาวลาวห้ามไม่ได้เพราะตามใจตน ส่วนการทดลองงานก็คือให้ตนทำหน้าที่เมีย เวลาจะนอนด้วยกันก็เปิดห้องนอนที่โรงแรม นอนกัน 3 คนผัวเมีย เป็นเช่นนี้เรื่อยมานานกว่า 1 ปี ไม่เคยเข้าไปอยู่ในบ้านของ ผอ.เลย หลังจากเสร็จภารกิจ ผอ.ก็จะให้เงินไว้ใช้หลักร้อยหลักพันแล้วแต่โอกาส

จนกระทั่งเมื่อปลายปี 2565 สามีชาวลาวถูกเรียกให้ไปที่สำนักงานแรงงาน ได้มีลูกของ ผอ. มาบอกให้ตนเลิกติดต่อกับ ผอ. และเอาบัตรประชาชนตนไปถ่ายเอกสารไว้โดยไม่รู้สาเหตุ ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้พูดคุยกับ ผอ. หลังจากนั้นก็ติดต่อไม่ได้เลย จนเมื่อต้นปี 67 ตนได้รับหนังสือจึงไปหาผู้ใหญ่บ้าน ผู้ใหญ่บ้านอ่านให้ฟังจึงรู้ว่าเป็นหมายศาล แต่ตนไปขึ้นศาลไม่ทัน หลังจากนั้นได้ไปขึ้นศาลในวันที่ 4 มี.ค. 67 จึงทราบว่าตนเป็นหนี้ จำนวน 5 แสนบาท โดยมี ผอ.สิง เป็นเจ้าหนี้ ทั้งที่ตนไม่เคยได้ใช้เงินหรือไม่เคยยืมเงินจำนวนนี้เลย จึงอยากขอความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายเพราะตนไม่เคยยืมเงินจริงๆ และตนจะต้องขึ้นศาลอีกครั้งในวันที่ 6 ส.ค. 67 ตอนนี้ก็ได้ขายบ้านไปใช้หนี้แล้ว 60,000 บาท ตนกับสามีชาวลาวต้องอาศัยวัดในอำเภอโพนพิสัย เป็นที่ซุกหัวนอน เช้ามาก็ออกไปทำงานรับจ้าง

ด้านนายบุญที สามีชาวลาว บอกว่า ตนกับภรรยาอยู่ด้วยกันมา 15 ปี พอรู้ว่า ผอ.คนนี้มาพัวพันอยากได้ภรรยาของตน ก็รู้สึกไม่ดี แต่พูดไม่ได้ ซ้ำ ผอ.ยังเคยบอกภรรยาให้ทิ้งตนแล้วไปอยู่กับ ผอ.กันสองคน ทำให้ตนช้ำใจมาก แต่เพราะตนรักภรรยามากก็ต้องทนกล้ำกลืนความรู้สึก แต่กลับถูกยัดเยียดให้เป็นหนี้จำนวนมากทั้งที่ไม่เคยไปกู้ยืมมาก่อนตนเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมเลย