เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 21 มีนาคม 67 ศูนย์กู้ชีพปราการได้รับแจ้งจากสายด่วน 1669 ว่ามีชายถูกมีดแทงที่หลังได้รับบาดเจ็บ จึงประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัยป่อเต็กตึ้งไปตรวจสอบ เหตุเกิดในชุมชนริมคลองจรเข้ใหญ่ หมู่ที่ 1 ตำบลศีรษะจรเข้ใหญ่ อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ

พอเจ้าหน้าที่กู้ภัยเดินทางไปถึงก็พบกับ อายุ 37 ปี นั่งรอเจ้าหน้าที่มาปฐมพยาบาล โดยมีบาดแผลจากการถูกมีดปลายแหลมแทงเข้าที่กลางหลัง 1 แผล และต้นแขนข้างขวาอีก 1 แผล ในสภาพเลือดจุกที่บาดแผลและคราบเลือดแห้งกัง จึงสอบถามผู้บาดเจ็บบอกว่าตนเองถูกแทงเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้ และเพิ่งมาแจ้งกู้ภัยให้มาช่วยเหลือทำแผลและพาส่งโรงพยาบาล

จากการสอบถามทั้งตัวผู้บาดเจ็บและเพื่อนร่วมวงเหล้า ตอนแรกก็ให้การอ้ำอึ้งบอกว่า ผู้บาดเจ็บและเพื่อนรวมกันสามถึงสี่คนพากันนั่งดื่มสุราจนเมาได้ที่แล้วเกิดมีปากเสียงกันในวงเหล้าจึงถูกคนงานพม่าที่นั่งดื่มด้วยกันใช้กรรไกรแทงหลังก่อเหตุวิ่งหลบหนี เช่นเดียวกับหญิงเสื้อแดง วัย48 ปี ซึ่งอยู่ในวงสุราด้วย บอกกับนักข่าวตอนแรกว่า คนก่อเหตุเป็นคนงานพม่าและหลบหนีไปแล้ว สาเหตุเพราะคุยเบ่งใหญ่เบ่งโตใส่กัน แต่นักข่าวเราไปสังเกตเห็นบาดแผลจากรอยบาดที่กลางหน้าผากของหญิงคนดังกล่าวจึงสอบถาม แต่ก็ยังให้การอ้างว่าถูกลูกหลวงจากการเข้าไปห้าม

สุดท้ายชาวบ้านในละแวกนั้นแอบมากระซิบกับทีมข่าวว่า คนก่อเหตุไม่ใช่คนพม่าหรือใครที่ไหนตามที่หญิงเสื้อแดงกล่าวอ้าง คนทำก็คือหญิงเสื้อแดงเองนั้นแหล่ะ ส่วนคนเจ็บก็คือสามีของเขาเอง ประมาณว่าเมาแล้วมีปากเสียงกันเองตีกันเอง ซึ่งคู่นี้ตีกันเป็นประจำ พอเมาสุรา ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกันเมียต้องเป็นใหญ่กว่าผัวส่วนผัวก็ไม่ยอมบอกว่าต้องเป็นใหญ่กว่าเมีย สุดท้ายเกิดเรื่องดังกล่าวขึ้น

พอนักข่าวเราทราบเรื่องแบบนี้จึงกลับไปถามความจริงจากหญิงเสื้อแดง เจ้าตัวยอมรับหน้าซีดว่าคนก่อเหตุคือตนเอง ไม่ใช่พม่าที่อ้างในตอนแรก แต่ที่ทำไปเพราะตนเองป้องกันตัวและไม่คิดแจ้งความหรืออยากให้เป็นเรื่องเป็นราวแต่อย่างใด กระทั่งมีคนแจ้งกู้ภัยและมีนักข่าวมาทำข่าว

เบื้องต้นฝ่ายของผู้บาดเจ็บกู้ภัยช่วยเหลือน้ำส่งโรงพยาบาล และเจ้าตัวยังไม่ประสงค์แจ้งความเอาผิดกับภรรยาแต่อย่างใด