จากกรณีเมื่อวานนี้ 20 มี.ค.67 พบศพผู้เสียชีวิตเป็นเพศชายวัยกลางคน นอนเสียชีวิตบริเวณกระต็อบหลังหนึ่ง พื้นที่ตำบลวิชิต อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต ในสภาพมีบาดแผลฉกรรจ์ถูกแทงด้วยของมีคมบริเวณต้นคอด้านซ้ายทะลุไหปลาร้า จำนวน 1 แผล ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการเร่งติดตามตัวผู้ก่อเหตุ

 

ล่าสุดวันนี้ 21 มี.ค.67 ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปยังบริเวณที่เกิดเหตุและทราบว่าผู้เสียชีวิตชื่อ “นายพัน” อายุ 48 ปี / ส่วนผู้ก่อเหตุชื่อ “นายชัย” อายุ 55 ปี โดยจุดที่พบศพนั้นจะอยู่บริเวณหน้าบ้านพักของนายชัย (ผู้ก่อเหตุ) ลักษณะคือเป็นบ้านปูนผสมสังกะสีชั้นเดียว ซึ่งหน้าบ้านยังคงมีคราบเลือดและร่องรอยการแตกของขวดแก้วกระจัดกระจายอยู่เต็มบริเวณ อีกทั้งมีมีดหลายเล่มที่วางอยู่รอบบ้าน นอกจากนี้ยังมีรถจักรยานยนต์คันเก่า จอดทิ้งไว้อยู่หน้าบ้าน ซึ่งเป็นรถจักรยานยนต์ของนายชัยผู้ก่อเหตุ เนื่องจากกุญแจของรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวหายไป ทำให้นายชัย (ผู้ก่อเหตุ) ได้ขโมยรถจักรยานของนายพัน (ผู้ตาย) ปั่นหลบหนีออกไปจากที่เกิดเหตุ / ส่วนบ้านของนายพัน (ผู้ตาย) นั้นจะอยู่ห่างออกไปประมาณ 100 เมตร ซึ่งลักษณะบ้านก็เป็นบ้านปูนผสมสังกะสีเช่นเดียวกัน โดยที่บ้านพักของทั้งคู่นั้นจะเป็นบ้านพักของคนงานที่นายจ้างได้ปล่อยให้อาศัยอยู่ภายในสวนต้นไม้ เพื่อให้ได้คอยสอดส่องดูแลและเฝ้าอุปกรณ์ทำสวนในตอนกลางดึก

 

ต่อมาทีมข่าวช่อง 8 ได้ภาพจากกล้องวงจรปิด โดยในเวลา 18.54 น. วันที่ 20 มี.ค.67 นายอิสรา (ชัย) ผู้ก่อเหตุได้ปั่นจักรยานออกมาจากซอย 4 (ซอยที่เกิดเหตุ) โดยเป็นรถจักรยานคันดังกล่าวเป็นของผู้เสียชีวิต ซึ่งในภาพจะเห็นว่านายอิสราได้ขนข้าวของมาด้วยเต็มรถ โดยขับมุ่งหน้าไปยังเส้นทางป่าตอง

 

จากนั้นทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายศักดิ์ดา อายุ 35 ปี ซึ่งเป็นชาวบ้านละแวกใกล้เคียงและเป็นคนที่เข้าไปพบศพของนายพัน โดยนายศักดิ์ดาเล่าว่า นายชัย (ผู้ก่อเหตุ) นั้นได้เข้ามาทำงานรับตัดสวนต้นไม้ได้ประมาณ 1 ปีแล้ว ส่วนทางด้านนายพัน (ผู้ตาย) ก็เพิ่งจะย้ายเข้ามาทำงานได้ประมาณ 3 เดือน ซึ่งทั้งคู่นั้นจะอาศัยอยู่บ้านพักคนงานคนละหลัง เนื่องจากก่อนหน้านี้ประมาณ 1 เดือน ทั้งคู่เคยชกต่อยกันเพราะนายชัย (ผู้ก่อเหตุ) ได้ไปติดผู้หญิงคนหนึ่งที่ป่าตอง ซึ่งนายพัน (ผู้ตาย) ก็เกิดเป็นห่วงเพื่อนกลัวว่าจะถูกผู้หญิงหลอกเอาเงิน นายพันจึงได้ไปต่อว่าและด่าทอผู้หญิงของนายชัยประมาณว่า “มึงอย่ามาหลอกเงินพี่กูนะ มึงอย่ามายุ่งกับพี่กูอีกนะ” เมื่อนายชัยรู้เข้าก็เกิดไม่พอใจคิดว่านายพันนั้นเข้ามาก้าวก่ายเรื่องส่วนตัว จนเป็นเหตุให้ชกต่อยกันในคราวนั้น จนกระทั่งเมื่อวานนี้เวลาประมาณ 17.00 น. ตนเห็นว่านายพันและนายชัยได้นั่งดื่มเหล้าด้วยกัน ตนก็คิดว่าทั้งคู่น่าจะปรับความเข้าใจและคืนดีกันแล้วจึงไม่ได้สนใจอะไร จนเวลาประมาณ 20.00 น. นายศักดิ์ดาก็ได้เดินผ่านหน้าบ้านของนายชัย (ผู้ก่อเหตุ) และเห็นว่าไฟที่บ้านนั้นปิดอยู่ ซึ่งมันผิดปกติเพราะทุกครั้งนายชัยมักจะเปิดไฟเวลานอน ตนจึงนำไฟฉายไปส่องและก็ได้พบกับร่างของนายพันนอนเสียชีวิตอยู่แล้ว ซึ่งตนคิดว่านายชัยคงจะใช้ขวดเหล้าฟาดหัวนายพันก่อน แล้วจึงใช้อาวุธมีดแทงซ้ำที่คอ เพราะตอนที่ตนเข้าไปดูก็พบกับคราบเลือดสาดกระเซ็นทั่วบริเวณ อีกทั้งยังมีร่องรอยของขวดเบียร์ที่แตกกระจาย แต่ช่วงที่ตนเข้าไปเจอศพก็ไม่พบกับนายชัยแล้ว คาดว่านายชัยน่าจะเก็บเสื้อผ้าและข้าวของทั้งหมดหลบหนีไปแล้ว หลังเกิดเรื่องแบบนี้ตนก็รู้สึกตกใจ ไม่คิดว่านายชัยจะกล้าก่อเหตุร้ายขนาดนี้ ที่ผ่านมาก็พอจะรู้อยู่บ้างว่าเวลานายชัยเมาแล้วจะอาละวาด แต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นหนักถึงขนาดนี้