เมื่อเวลา 16.50 น. วันที่ 11 มีนาคม 2567 ร.ต.อ.ประวิทย์ อิ่มใจ รอง สว.(สอบสวน) สภ.ห้วยหลวง อ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ สภ.หนองวัวซอ มีเหตุรถกระบะชนท้ายรถเก๋ง ที่สี่แยกบ้านหนองแซง ถนนอุดรธานี-หนองบัวลำภู ต.หนองบัวบาน อ.หนองวัวซอ รถปิกอัพหลบหนี มุ่งหน้าเข้าตัวเมืองอุดรธานี
ต่อมาได้รับแจ้งจากชาวบ้าน ว่ามีรถกระบะขับเลี้ยวเข้ามาจอดที่ถนนในหมู่บ้านนิคม 3 หมู่ 9 ต.โคกสะอาด คนขับรถนำศพผู้ชายลงจากเบาะนั่งข้างคนขับ ลงมานอนริมถนน ก่อนขับรถหลบหนีไป จึงพร้อมด้วย แพทย์เวร รพ.ศูนย์อุดรธานี อาสากู้ภัยมูลนิธิอุดรสว่างเมธาธรรม รุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุพบศพชาย ไม่ทราบชื่อ-นามสกุล และที่อยู่ อายุประมาณ 50-55 ปี นอนอยู่กลางถนน สวมเสื้อยืดสีฟ้า นุ่งกางเกงขาสั้นสีดำคลิบส้ม ไม่สวมรองเท้า มีบาดแผลบริเวณศีรษะ โหนกแก้ม และคิ้วซ้าย จึงนำศพไปนิติเวช โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี เพื่อรอญาติมาติดต่อ และจะได้ผ่าชันสูตรเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง
ขณะเดียวกันจากการตรวจสอบข้อมูลทะเบียนรถกระบะคันดังกล่าว พบว่าเป็นรถกระบะสี่ประตูยี่ห้อ มิตซูมิชิแอล 200 สีน้ำเงิน โดยผู้ที่ครอบครองคือผู้หญิง อายุ 64 ปี อยู่ในพื้นที่อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย โดยลูกชายชื่อว่า นายสุรชาติ อายุ 44 ปี จากนั้นเมื่อทีมข่าวได้ข้อมูล จึงคาดว่าคนก่อเหตุน่าจะหลบหนีไปยังเส้นทางตามหมู่บ้านใกล้กับจุดเกิดเหตุเพื่อข้ามจังหวัดไปยังจังหวัดหนองคาย
ซึ่งจุดแรกที่ทีมข่าวไปไล่ภาพวงจรปิด จะเป็นภาพจากกล้องโรงเรียนที่จะอยู่ห่างจากจุดพบศพประมาณ 1 กิโลเมตร จะเห็นว่า ในเวลา 16.45 น. วันที่ 11 มี.ค. 2567 รถกระบะคันที่ก่อเหตุชนและทิ้งศพเพื่อนไว้ที่ข้างทางขับผ่านหน้าโรงเรียน ซึ่งจุดดังกล่าวจะมีกล้อง 2 มุมที่สามารถจับภาพเอาไว้ได้ และจะเห็นว่าว่ารถกระบะคันดังกล่าวฝากระโปรงรถเปิดอยู่ตลอดในขณะที่รถผ่านหน้ากล้องไป
จากนั้นเมื่อผ่านกล้องของโรงเรียนมาประมาณ 1 กิโลเมตร กล้องที่ร้านซ่อมเครื่องซักผ้า ที่ทางแยก หมู่ 8 บ้านนาสมบูรณ์ ต.โคกสะอาด อ.เมือง จะจับภาพรถกระบะคันดังกล่าวได้ 2 มุมด้วยกัน ซึ่งจุดนี้จะเห็นสภาพรถกระบะคันที่คนก่อเหตุอย่างชัดเจน เนื่องจากสภาพรถที่ด้านฝั่งคนนั่งพังยับเยิน
ส่วนวงจรปิดถัดมา บนถนนทางเข้าเขื่อนห้วยหลวง เส้นทางเข้าอำเภอกุดจับ จะมีภาพวงจรปิด 4 มุมตามเส้นทาง สามารถจับภาพรถกระบะคันดังกล่าวเอาไว้ได้ ซึ่งเส้นทางไปอำเภอกุดจับ เป็นเส้นทางข้ามจังหวัดไปยังจังหวัดหนองคายได้
จากนั้นเมื่อผ่านวงจรปิด 4 มุมก่อนหน้านี้มาแล้ว จะมีภาพวงจรปิด 2 มุมตรงเส้นทางเลาะคลองชลประทาน ในอำเภอกุดจับ ที่จะเห็นภาพรถกระบะใกล้ ๆ ซึ่งจะเห็นคนขับลาง ๆ ที่คล้ายกับผู้หญิงเป็นคนขับ
ส่วนกล้องถัดมาอีก 3 มุม จะเป็นกล้องทางแยกเส้นทางเข้าอำเภอบ้านผือ ซึ่งจะเห็นว่า เมื่อถึงทางแยก นายสุชาติ คนก่อเหตุได้พยายามขับรถไปยังเส้นทางบ้านผือ เพื่อจะไปยังอำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย
ขณะเดียวกันหลังจากทีมข่าวไล่วงจรปิดไปถึงอำเภอกุดจับ ซึ่งเห็นว่าเวลาล่วงเลยไปถึงเย็นแล้ว จึงตัดสินใจเดินทางไปในพื้นที่อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย ซึ่งเป็นพื้นที่บ้านของนายสุรชาติ คนขับรถกระบะ โดยระยะทางห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 67 กิโลเมตร
ซึ่งเมื่อทีมข่าวไปถึงในพื้นที่ จึงได้เข้าไปพูดคุยกับกำนันตำบลบ้านเดื่อ ว่านายสุรชาติ ขับรถกลับมาที่บ้านหรือไม่ และมีใครเข้าไปบอกเจ้าของรถหรือยังว่านายสุรชาติ นำรถกระบะของแม่ไปก่อเหตุ แต่ปรากฏว่าทางกำนันแจ้งกับทีมข่าวว่า ก่อนที่ทีมข่าวจะมาถึงได้มีดาบตำรวจอิทธิศักดิ์ ซึ่งเป็นตำรวจชุดสืบสวนของ สภ.ท่าบ่อ เข้ามาสอบถาม และวนไปดูที่บ้านแม่ของนายสุรชาติแล้วแต่ก็ไม่พบ และกำนันยังขอให้ทีมข่าวอย่าเพิ่งเข้าไปที่บ้านของนายสุรชาติ เนื่องจากเกรงว่าถ้าแม่ของนายสุรชาติ รู้เรื่องก่อนจะตกใจ จากนั้นทีมข่าวก็ถามกับกำนันว่า ถ้านายสุรชาติไม่ขับรถกลับมาที่บ้าน เจ้าตัวจะไปอยู่ไหน กระทั่งทางกำนัน ก็ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า ถ้าไม่กลับบ้านนายสุรชัยน่าจะไปอยู่ไร่อ้อยของพ่อแม่ ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านประมาณ 3 กิโลเมตร
จากนั้นทีมข่าวจึงขอให้กำนันนำทางไปที่ไร่อ้อยดังกล่าว และปรากฏว่าเมื่อไปถึงก็พบว่านายสุรชาตินั่งอยู่ในเถียงนา ทีมข่าวก็เลยบอกว่า "สวัสดีครับพี่ รถกระบะพี่อยู่ไหน" ซึ่งทันทีที่นายสุรชาติเห็นทีมข่าวช่อง 8 ก็รู้สึกตกใจ แต่ก็ยอมเปิดใจกับทีมข่าวว่า รถกระบะจอดทิ้งไว้ข้างทาง มันขับมาไม่ได้ก็เลยจอดทิ้งเอาไว้ และที่ต้องหนีมาที่หนองคาย เปิดเพราะว่าตกใจ ซึ่งตนเองไม่มีใบขับขี่ ยอมรับกินเหล้ามาด้วยแต่ไม่ถึงขั้นเมาจนขับรถไม่ไหว
ส่วนเหตุการณ์ที่ต้องทิ้งเพื่อนที่นั่งรถมาด้วยข้างทาง เป็นเพราะว่าตอนที่กำลังจะขับรถหนี ป๋ารงค์ คือผู้ตาย มีอาการจุกที่ท้องจึงขอลงที่ข้างทาง ซึ่งพอตนเองจอดรถก็ลงไปเปิดประตูให้ป๋ารงค์ ซึ่งบาดเจ็บอยู่ตอนนั้นลงจากรถ และพอลงมาจากรถป๋ารงค์ก็ลงไปนอนดิ้นอยู่ตรงถนน จากนั้นตอนที่ชาวบ้านมาเจอ ตนเองจึงตัดสินใจโทรศัพท์ติดต่อไปหาเพื่อนร่วมงาน แต่ก็ไม่มีใครรับสาย ด้วยความกลัวความผิดที่ขับรถชนเขามา จึงตัดสินใจขับรถหนีมุ่งหน้าไปที่อำเภอท่าบ่อ
แต่ปรากฏว่าเมื่อถึงอำเภอกุดจับ รถกระบะที่ขับมาดันดับสตาร์ทไม่ติด จึงจอดรถทิ้งไว้ข้างทางภายในหมู่บ้านห้วยเซียง และพอจอดรถแล้วก็จ้างรถจักรยานยนต์ให้ไปส่งที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งในอำเภอบ้านผือ จากนั้นก็นอนไม่หลับ พอตื่นมาประมาณ 11 โมงของวันนี้ ก็จ้างรถจักรยานยนต์ให้มาส่งที่ไร่อ้อยของแม่ และพอมาถึงไร่อ้อย แม่ก็ต้มน้ำบัวบกให้กินเนื่องจากตนเองมีอาการเจ็บที่หน้าอก
จากนั้นทีมข่าวก็ถามว่าคนตายเป็นใคร แต่ปรากฏว่านายสุรชาติ มีอาการตกใจและถามกับทีมข่าวว่า "มีคนตายด้วยเหรอ อ้าวเขาตายเหรอ" ซึ่งทีมข่าวก็บอกย้ำไปว่า "เขาตายครับ คนตายเป็นใครมาจากไหนรู้ไหม" ซึ่งนายสุรชาติ ก็บอกทีมข่าวว่า คนตายคือป๋ารงค์ ซึ่งเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างที่ตนเองทำงานอยู่ และก่อนเกิดเหตุ จริง ๆ แล้วตั้งใจจะขับรถพาป๋ารงค์ คนตาย มาเอาป้ายที่บ้านและพาไปหาสาวที่อำเภอท่าบ่อ แต่มาประสบอุบัติเหตุเสียก่อน ยืนยันตนเองไม่ได้มีปัญหาอะไรกับคนตาย เสียใจที่ขับรถพาผู้รับเหมาก่อสร้างไปตาย
ยืนยันตอนที่ขับรถไปชนรถเก๋ง ไม่ได้ขับมาเร็วแต่มันเบรกไม่ทัน เนื่องจากรถเก๋งคันนั้นจอดกะทันหัน ยืนยันไม่ได้ตั้งใจทิ้งให้ผู้รับเหมานอนตายข้างถนน เห็นชาวบ้านเข้ามาเยอะแล้ว กลัวความผิดก็เลยขับรถหนีมาตั้งหลังก่อน จากนั้นนักข่าวก็บอกกับนายสุรชาติ ว่า "งั้นผมขอประสานตำรวจให้มาเอาตัวพี่นะ พี่ไม่ต้องหนีแล้วนะ" ซึ่งนายสุรชาติ ก็บอกว่า "ผมไม่หนี ผมยอมรับผิด เรียกตำรวจมาเอาตัวผมได้เลย"
จากนั้นเมื่อทีมข่าวคุยกับนายสุรชาติ เสร็จแล้วจึงมีการโทรศัพท์ไปประสานกับ ดาบตำรวจอิทธิศักดิ์ ซึ่งเป็นตำรวจชุดสืบสวนของ สภ.ท่าบ่อ ที่ไปเฝ้าอยู่ที่หน้าบ้านของแม่นายสุรชาติว่า "พี่ครับเจอตัวแล้ว มารับตัวได้เลยครับ เจ้าตัวรออยู่กับช่อง 8 ในไร่อ้อย" ซึ่งดาบตำรวจอิทธิศักดิ์ ก็บอกว่า "โอเค ขอบใจมากน้อง มาไวจังเลยช่อง 8 เดี๋ยวพี่เข้าไปรอก่อนนะ"
ซึ่งในระหว่างรอ ทีมข่าวก็บอกนายสุรชาติอีกว่า "พี่อย่าโกรธผมนะ พี่หนีมาผมก็เลยมาช่วยตำรวจตามตัวพี่" โดยนายสุรชาติ ก็ยืนยันว่า "ผมไม่โกรธ" จากนั้นก็เดินไปกินน้ำใบบัวบกที่แม่ต้มเอาไว้ให้ โดยบอกว่าเจ็บหน้าอก จากนั้นก็มายกมือไหว้สาบานต่อหน้านักข่าวว่า ตัวเขาเองไม่ได้ทำร้ายคนตาย ไม่รู้จริง ๆ ด้วยว่าเขาตาย
จากนั้นเมื่อดาบตำรวจอิทธิศักดิ์ มาถึงก็ได้นำกุญแจมือไปใส่ที่ข้อมือของนายสุรชาติ โดยบอกว่า "พี่เป็นตำรวจนะ เดี๋ยวไปกับพี่ที่ สภ.บางบ่อ" ซึ่งนายสุรชาติ ก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร และยอมเดินไปขึ้นรถกับดาบตำรวจอิทธิศักดิ์ โดยมีทีมข่าวเป็นพยานให้ว่าตำรวจไม่มีใครทำอะไรรุนแรงกับนายสุรศักดิ์
ต่อมาเมื่อตำรวจหนองวัวซอมาถึง ทางนายสุชาติ ผู้ก่อเหตุ ก็ได้ยกมือไหว้ขอโทษแม่ โดยบอกว่าตัวเขาเองขอโทษที่ทำเรื่องเดือดร้อนมาให้ ยืนยันไม่ได้ตั้งใจทิ้งป๋ารงค์ ให้ตายข้างทาง ยืนยันไม่เคยทะเลาะกับป๋ารงค์ ไม่ได้ทำร้ายป๋ารงค์ ก่อนรถจะไปชน ยืนยันตอนที่ป๋ารงค์ นอนอยู่ที่พื้นตอนที่ยังไม่ตายชาวบ้านก็เห็น ซึ่งพอชาวบ้านรับปากว่าจะพาไปที่โรงพยาบาล ผมก็เลยขึ้นรถแล้วก็ขับรถกลับมาตั้งหลัก มันตกใจทำอะไรไม่ถูก
จากนั้นเมื่อทำบันทึกจับกุมเสร็จเรียบร้อย ทางตำรวจชุดสืบสวน สภ.หนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี จึงคุมตัวนายสุรชาติ ผู้ก่อเหตุไปขึ้นรถ และแจ้งกับทีมข่าวเพียงว่าให้ตามไปที่ สภ.หนองวัวซอ โดยทางผู้กำกับ จะสอบปากคำด้วยตัวเอง และจะนำตัวนายสุรชาติ ไปชี้จุดทำแผนในวันพรุ่งนี้