กรณีเมื่อวันที่ 8 มี.ค. ที่ทำการสำนักงานสายไหมต้องรอด เขตสายไหม กรุงเทพฯ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจฯ ในฐานะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แถลงความคืบหน้าร่วมกับ จ่าสิบเอกนพรัตน์ หรือจ่าเด่น อายุ 37 ปี สังกัดทหารบกในพื้นที่จังหวัดชลบุรี กรณี นางชัด หรือป้าชัด อายุ 55 ปี หายตัวออกจากบ้านไปเมื่อตั้งแต่ 29 ก.พ. ที่ผ่านมา




โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดสุดท้ายพบมีชายปริศนาใส่เสื้อสีขาว มารับขึ้นรถที่ บขส. นครราชสีมา มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ การติดต่อรวมสัปดาห์ ซึ่งติดต่อไม่ได้ทุกช่องทาง และทางครอบครัวได้มีการแจ้งความค้นหา จนกระทั่งนำไปสู่การค้นหารายชื่อชายปริศนาที่พบในภาพกล้องวงจรปิด จนกระทั่งทราบชื่อในเวลาต่อมาคือนายตรีกูล อายุ 49-50 ปี และมีประวัติคดีในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ เกี่ยวข้องกับการหลอกลวงผู้อื่นให้หลงเชื่อว่าสามารถจัดหางานได้ ซึ่งเจ้าตัวเคยถูกจับ ตามที่เสนอข่าวไปแล้ว นั้น




วันนี้ (9 มี.ค.) ทีมข่าวช่อง 8 ลงพื้นที่ซอย ย่านแฮปปี้แลนด์ บางกะปิ กรุงเทพฯ อีกครั้ง เพื่อค้นหาเบาะแสของนางชัด คนหาย และนายตรีกูล หรือโม่ง ผู้ต้องสงสัย ที่มีการพานางชัดหายไปจากพื้นที่ปักธงชัย จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 29 ก.พ.


โดยทีมข่าวลงพื้นที่ไปยังซอยดังกล่าวในวันนี้ ปรากฏว่าได้รับข้อมูลใหม่จากตำรวจชุดสืบสวน ซึ่งก่อนหน้านี้ทราบ เคยมีชาวบ้านให้การกับตำรวจเห็นนายตรีกูลเดินเข้า-ออกซอยเป็นประจำทุกเช้า ในช่วงวันที่ 1-3 มี.ค. แต่หลังจากตำรวจลงพื้นที่มาติดตามความคืบหน้า ปรากฏว่าตัวของนายตรีกูล หายเงียบไปจากซอย เข้าใจว่ากำลังถูกตามจึงได้เก็บตัว


จนกระทั่งเช้าวันนี้ชุดสืบสวนได้รับข้อมูลใหม่ จากชาวบ้านในพื้นที่ พบว่า เวลา 06.00 น. ของเช้าวันนี้ ยังพบเห็นนายตรีกูลเดินเข้าออกซอย ซึ่งใส่เสื้อสีขาว กางเกงสีดำ บางช่วงเดินเปิดหน้าไม่ใส่หน้ากากอนามัย บางช่วงมีการใส่หน้ากากอนามัย ซึ่งชาวบ้านก็ยืนยันชัดเจนว่าคือนายตรีกูล แต่ไม่พบเห็นนางชัดเดินด้วย




ทีมข่าวจึงมีการตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในซอยที่พบเบาะแสนายตรีกูลพบว่า มีภาพจากกล้องวงจรปิดช่วงเวลาประมาณ 06.17 น. เห็นเจ้าตัวใส่เสื้อสีขาวกางเกงสีดำตามที่พยานเห็น เดินผ่านกล้องวงจรปิดในซอย เดินออกไป


และเวลา 06.25 น. เจ้าตัวเดินกลับเข้ามาภายในซอยพร้อมกับถุงข้าว ซึ่งคาดว่าไปซื้ออาหารเช้ากลับมามาทานที่ห้องภายในซอย หรืออาจมีการซื้อข้าวไปให้นางชัดหรือไม่ แต่โดยเบื้องต้นยังไม่ไม่ทราบว่าเจ้าตัวเดินเข้าซอยแล้วไปที่ตึก หรือห้องเช่า หรือบ้านหลังใด เพราะเนื่องจากกล้องวงจรปิดจับภาพเห็นเพียงแค่เดินผ่านกลางซอย


จากนั้นกล้องวงจรปิดจับภาพต่อเวลาประมาณ 06.52 น. นายตรีกูล เดินออกจากซอยอีกครั้ง ซึ่งตอนออกมีการสวมหน้ากากอนามัย มีถุงผ้าสีเขียวสะพายที่บ่าฝั่งซ้าย และเดินก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ ซึ่งมีบางช่วงมาหยุดอยู่ที่กลางกล้อง ลักษณะกดโทรศัพท์เล่นก่อนที่จะเดินต่อออกจากซอยไป


ภายหลังทีมข่าวช่อง 8 ทราบพิกัดซึ่งเป็นที่พักของนายตรีกูลที่ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาว่ามีการลักพาตัวนางชัด มาจากพื้นที่อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา ทีมข่าวจึงได้เฝ้ารออยู่ภายในซอย เพราะเข้าใจว่าช่วงเช้าเวลาประมาณ 06.52 น. ตัวของนายตรีกูล ได้มีการเดินออกจากซอยไปแต่ยังไม่ได้ย้อนกลับ ทีมข่าวจึงได้เฝ้า




จนกระทั่งเมื่อเวลา 18.18 น. ที่ผ่านมา เจ้าตัวเดินกลับเข้ามาภายในซอย ด้วยท่าทีที่เร่งรีบ เดินย่ำเท้าเพื่อรีบกลับที่ห้อง แต่เจอทีมข่าวดักรอบริเวณกลางซอย ซึ่งตอนแรกทีมข่าวพยามสอบถาม เกี่ยวกับความปลอดภัยของนางชัด คนหาย และรวมถึงอยากให้เจ้าตัวชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่ามีการลักพาตัวตัวจริงหรือไม่ หรืออยากจะให้พูดอะไรบางอย่างเพื่อที่จะให้ครอบครัวทราบว่าตัวของคนหายอย่างปลอดภัยดี แต่เจ้าตัวไม่ได้มีการตอบอะไร เป็นลักษณะทำมือเป็นเชิงสัญลักษณ์ ชี้ขึ้นลง และพยายามบอกให้เขาเงียบ


จากนั้นเวลา 18.30 น. ที่ผ่านมา ตัวของนายตรีกูล หรือ โม่ง ลงจากที่พักมาคุยกับทีมข่าว โดยเจ้าตัวปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ แต่ยืนพูดคุยเพื่อชี้แจง โดยนายตรีกูล ชี้แจงว่า ส่วนตัวยืนยันว่าไม่ได้มีพฤติกรรมหรือเจตนาลักพาตัวนางชัดออกมาจากพื้นที่ แต่ได้มีการพูดคุยและรู้จักกันผ่านโซเชียล ก่อนที่จะเจอกันราว 7 เดือน หลังจากที่มีการพูดคุยกันแล้ว ก็รับฟังปัญหาเกี่ยวกับความในใจ รวมถึงเรื่องราวที่คาใจในหลายอย่าง ซึ่งชีวิตของตนเองอดีตผู้ต้องขังพ้นโทษ และชีวิตความรักครอบครัวที่ไม่สมหวัง ไปตรงกับชีวิตในหลายด้านของนางชัด จึงทำให้ตนเองต้องเปิดใจรับฟังในสิ่งที่เขาเป็น และเป็นที่มาของการได้ไปเจอกันก่อนพากันออกมาพักใจ


หากย้อนกลับไปยอมรับว่าชีวิตของนางชัด ที่ได้มีโอกาสนั่งพูดคุยกันครั้งก่อนและหลังเจอกัน เป็นเสมือนชีวิตที่ผ่านมาเกือบครึ่งชีวิต ที่ไม่มีทางด้านของชีวิตครอบครัวและการดูแลลูก หรือแม้แต่การออกไปทำงานทุกอย่างคือการดิ้นรนทั้งชีวิตมาด้วยตนเอง ประกอบกับความรักในสมัยนั้นก็เสมือนเป็นการถูกคุมฝูงชน และเมื่อวันนี้พ่อแม่คนที่คุมถุงชนก็ตายไปแล้ว ชีวิตจึงได้กลายเป็นอิสระ และหลังจากที่เกษียณจึงตัดสินใจที่จะหางานทำและออกมาใช้ชีวิตอยู่ข้างนอกเอง และประสานให้ตนเองเข้าไปรับออกมาโดยไม่มีการบังคับจิตใจ หรือพามากักขัง




ส่วนตัวยอมรับว่าในห้องที่มีโอกาสได้คุยกันแล้วมีความรู้สึกในหัวใจที่คล้ายกัน จึงได้มีการเปิดโอกาสและดูใจกัน จนกระทั่งได้มีโอกาสได้เรียนรู้กันและกัน ซึ่งส่วนตัวก็ยอมรับว่าตัวของฝ่ายหญิงมีทะเบียนสมรส แต่ด้วยความรู้สึกที่มันไม่เหมือนเดิมแล้ว ทะเบียนสมรสจึงเพียงแค่กระดาษใบเดียว


อย่างไรก็ตาม สำหรับในประเด็นที่ตัวของนางชัดมีเงินติดตัวหรือมีเงินในบัญชีมากถึง 4,000,000 บาทนั้น เรื่องนี้ตนเองไม่เคยถามและไม่เคยรู้ เพราะไม่เคยดูบัญชีหรือถามเรื่องนี้เลย ก็เพิ่งมาทราบตอนที่เป็นข่าวว่านางชัดผู้หญิงที่ตนเองพามาอยู่ด้วยมีเงินมากขนาดนั้น และยืนยันว่าไม่มีเจตนาที่จะหลอกลวงหรือจะหลอกเอาเงินเขา ที่พามาก็เพราะตั้งใจดูแลดูแลเขา ที่สำคัญสำหรับประวัติคดีในอดีตก็เป็นเพียงแค่อดีตที่เคยเลว แต่วันนี้ตนเองเป็นคนใหม่แล้ว ก็อยากจะเริ่มต้นและใช้ชีวิตเป็นคนใหม่เหมือนกัน


หลังจากทีมข่าวได้เจอกับนายตรีกูล หรือ ลุงโม่ง ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นชายที่พานางชัด หนีออกมาจากพื้นที่นครราชสีมา โดยทีมข่าวได้ขอให้เจ้าตัวไปตามนางชัด เพื่อให้ลงมาพูดคุยกับทีมข่าว และมาปรากฏตัวอย่างน้อยสังคมและรวมถึงครอบครัวก็จะได้สบายใจ ว่าเจ้าตัวปลอดภัยดีไม่ได้ถูกกักขังหรือเป็นอันตราย ผ่านไปราวประมาณ 15 นาที ปรากฏว่าตัวของนายตรีกูลได้เดินลงมาพร้อมกับนางชัด โดยเจ้าตัวสวมใส่เสื้อผ้าปกติ และไม่มีร่องรอยของการพกช้ำดำเขียว




นางชัด เผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนเองยอมรับว่า ได้สมัครใจและเป็นคนติดต่อให้นายตรีกูลไปรับ มาจากอำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา เพราะเนื่องจากตนเองรู้จักกับฝ่ายชายผ่านโซเชียล จากนั้นก็มีการส่งเบอร์ติดต่อให้กันในนั้น จึงเป็นที่มาของการแลกเปลี่ยนพูดคุยกัน ในช่วงระหว่างที่เกษียณงานออกมา จึงนั่งว่างอยู่ที่บ้านแล้วได้มีโอกาสพูดคุยกับฝ่ายชาย และมีการปรับทุกข์ในหลายเรื่อง


จนกระทั่งเข้าใจกันดี ตนเองจึงนัดวันเวลาให้ฝ่ายชายมารับออกไปจากพื้นที่ และที่สำคัญตนเองก็ได้มีการเขียนจดหมาย ซึ่งลงรายละเอียดเอาไว้ค่อนข้างเยอะ เขียนเอาไว้ถึง 3 ฉบับ แต่ทางลูกได้นำมาเปิดเผยเพียงแค่ 1 ฉบับ ซึ่งก็เข้าใจว่าอาจจะเป็นเรื่องในครอบครัว แต่วันนี้ในเมื่อเกิดเรื่องตนเองก็ต้องชี้แจง การที่ออกมาเป็นเพราะความรู้สึกในใจที่มันไม่เหมือนเดิม จึงทำให้ตัวเองตัดสินใจออกมาจากบ้าน และตั้งใจที่จะหางานทำในกรุงเทพฯ


โดยหลังจากนี้ ภายหลังตนเองได้เดินทางกลับไปถึงบ้านแล้ว ตนเองจะไปคุยกับคนในครอบครัว โดยเฉพาะสามี ซึ่งไม่เคยเข้าใจอะไรกันเลย แต่เป็นสามีที่ยังมีทะเบียนสมรส และไปคุยกับลูก ๆ เพื่อที่จะเคลียร์ปัญหาในสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด และหากตนเองเคลียร์ทุกอย่างจบแล้วก็อาจจะกลับมาหางานทำที่กรุงเทพฯ เหมือนเดิม เพราะทุกวันนี้ตนเองก็โตและมีชีวิตเป็นของตัวเองแล้ว ไม่ได้เหมือนเมื่อก่อนในอดีตที่อาจมีพ่อแม่ควบคุมให้ลูกต้องทำตามอย่างนั้นอย่างนี้




ขณะเดียวกันส่วนตัวรู้สึกไม่สบายใจ ทั้งที่พยายามจะบอกลูกและคนในครอบครัวรับรู้แล้วว่าการที่ตนเองออกมาจากบ้านเป็นเพราะเรื่องอะไร แต่กลับไปทำให้เป็นข่าวดังอาจจะทำให้คนที่เดือดร้อนมากที่สุดตอนนี้ก็คือสังคมมองตนเองและครอบครัวไม่ดี รวมทั้งตัวของนายตรีกูลก็อาจได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ครั้งนี้เหมือนกัน


อย่างไรก็ตาม กรณีเรื่องของเงินเก็บในบัญชี 4 ล้าน ตนเองไม่ได้มีการบอกให้ฝ่ายชายรับรู้ว่าตนเองมีเงินเท่าไร และสมุดบัญชีดังกล่าวตนเองก็ไม่ได้หยิบมา เก็บซ่อนเอาไว้ภายในบ้าน เพราะไม่รู้ว่าจะเอาเงินมาทำไม อีกอย่างเงินในบัญชีก็ไม่มีใครเบิกได้เนื่องจากเป็นชื่อตนเอง และที่สำคัญตนเองเคยรู้ว่าฝ่ายชายเคยมีอดีต และเคยตกเป็นผู้ต้องขังมาก่อนแต่ก็เข้าใจว่าทุกอย่างมันคืออดีตจึงไม่ได้มองถึงเรื่องนี้


ภายหลังการให้สัมภาษณ์ทั้งคู่ได้มีการเปิดเผยนอกรอบ พร้อมกับมีการเอามือของทั้งคู่มาให้ทีมข่าวดู โดยบอกว่าอดีตอาจเป็นเนื้อคู่กันแต่เพียงแค่เจอกันช้าไป เพราะเนื่องจากมีรอยกากบาทอยู่ที่กลางเหมือนกัน และเกิดปี พ.ศ. เดียวกัน

ช่อง 8 ที่แรก! พบตัวเศรษฐินีหายลึกลับ รู้แล้ว 4 ล้านอยู่ไหน อึ้งมือดลใจเจอหนุ่มในฝัน