ครอบครัว "กานต์" สั่งปิดข่าว หวั่นย่าติดเตียงช็อก


วันนี้ทีมข่าวติดตามบรรยากาศช่วงเช้า ของครอบครัวนายกานต์ ก่อนที่จะเดินทางไปศาล ในการยื่นคำร้องเพื่อขอประกันตัวหลังจากถูกฝากขังที่เรือนจำ โดยทันทีที่ทีมข่าวเดินทางไปที่บ้านของนายกานต์ มีพ่อและแม่ซึ่งอาศัยอยู่ในบ้าน พร้อมกับแฟนสาวของนายกานต์ แต่ทางครอบครัวยังอยู่ในอาการเสียใจ ที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มและติดคุก โดยสังเกตว่าแม่ยังคงอยู่ในอาการเสียใจ พร้อมกับร้องไห้เป็นบางช่วงที่เจอกับทีมข่าว

และโดยปกติแล้วแม่ของนายกานต์ จะออกไปขายหมูปิ้งทุกเช้า แล้วจะกลับเข้าบ้านก่อนเที่ยง เพื่อหารายได้เลี้ยงครอบครัว หลังจากหักค่าค่าใช้จ่ายแล้ว จะมีรายได้เฉลี่ยวันละ 200-300 บาท แต่ในวันนี้ไม่สามารถออกไปค้าขายได้ เพราะเนื่องจากต้องไปทำธุระเกี่ยวกับการยื่นขอประกันตัวที่ศาล ประกอบกับก่อนหน้านี้ทางครอบครัวของนายกานต์ โดยเฉพาะแม่ก็ขาดรายได้มาแล้วหลายวัน เพราะไม่สามารถที่จะไปค้าขายได้เหมือนเดิม เนื่องจากต้องติดต่อธุระและเดินทางไปให้ปากคำเพิ่มเติมกับตำรวจตลอด

ซึ่งทีมข่าวสังเกตว่าช่วงหนึ่ง ตัวของแม่นายกานต์นั่งเหม่อลอยอยู่ที่หน้าต่างของบ้าน แล้วมองไปที่รถเข็นซึ่งเป็นลักษณะรถซาเล้ง ที่เจ้าตัวมักจะนำไปขายของทุกวัน แต่วันนี้เจ้าตัวได้แต่มองรถและเตาปิ้งหมู ไม่สามารถออกไปค้าขายได้

แม่นายกานต์ และพ่อนายกานต์ เปิดใจกับทีมข่าวช่อง 8 ก่อนเดินทางไปศาลว่า ก่อนหน้านี้ตนเองทราบว่า ตัวของลูกชายไปเกี่ยวข้องกับคดีของช่างกิต ที่มีการอุ้มฆ่าหนุ่มโรงงาน แต่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาเพียงแค่ชิงทรัพย์ แต่หลังจากที่นางสาวพร ภรรยาของคนตาย เข้าไปแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มและเอาผิดเรื่องของข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยว ประกอบกับคำให้การของช่างกิต ที่มีการโยนความผิดให้กับเด็ก ๆ ทั้ง 4 คน จึงทำให้พนักงานสอบสวนมีการอายัดตัว




พร้อมกับมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่ม ซึ่งเป็นข้อหาที่รุนแรงมาก คือ ปล้นทรัพย์เป็นเหตุทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โดยการใช้พาหนะและปืน, กักขังหน่วงเหนี่ยวผู้อื่นจนเป็นเหตุทำให้ถึงแก่ความตาย, ข่มขืนใจผู้อื่น บังคับให้กระทำสิ่งหนึ่งสิ่งใด โดยตนเองมองว่าข้อกล่าวหาเหล่านั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมของลูก เพราะเนื่องจากเป็นสิ่งที่ภรรยาของคนตายไปแจ้งเพิ่ม และยังเป็นไปตามคำให้การของช่างกิต จึงทำให้เด็กต้องถูกฝากขังและเข้าเรือนจำทั้งหมด

โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนเองยังเชื่อคำให้การของลูกชายที่อ้างว่า ถูกหลอกว่าให้ไปช่วยทำธุระ แต่หลังจากที่รู้ว่ามีการไปอุ้มคนขึ้นรถจึงขอลงระหว่างทาง และไม่ร่วมในการกระทำผิด และที่สำคัญก็เชื่อตามคำให้การของลูกชาย ที่อ้างว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำร้ายหรือช่วยกันฆ่าและอำพรางศพ ฉะนั้นจึงเป็นเพียงแค่การรับฟังคำซัดทอดจากช่างกิตเพียงคนเดียว แต่ที่ผ่านมาทางครอบครัวก็ได้มีการหาหลักฐานเพื่อที่จะสู้และพิสูจน์ว่า ตัวของลูกชายไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่มีการนำศพไปทิ้งอำพรางหรือหรือการฆ่า เนื่องจากมีหลักฐานชัดเจน แต่ตนเองก็แปลกใจว่าทำไมสุดท้ายแล้วกลุ่มของลูกชายถึงโดนไปด้วย

พร้อมกับตั้งข้อสังเกตว่า การกระทำของนางสาวพร ซึ่งไม่ได้มีสามีซึ่งเป็นคนตายเพียงคนเดียว แต่ยังมีเบอร์ 1,2,3 ที่มีหลักฐานชัดเจนว่ามีการขับเข้าออกหมู่บ้าน และยังไปโผล่ที่หน้าบ้านในคืนวันเกิดเหตุและหลังเกิดเหตุ ฉะนั้นตนเองจึงเชื่อว่าการที่นางสาวพร อาจมีนัยยะอะไรบางอย่าง เพื่อปกป้อง หรือดำเนินการเอาผิดกับกลุ่มของลูกชายตนเอง เพื่อเข้าข้างช่างกิตหรือไม่


ทั้งนี้ หลังจากเมื่อวานที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาและมีการฝากขังกลุ่มของลูกชาย ส่วนตัวก็ค่อนข้างกังวลใจเกี่ยวกับเรื่องประกันตัว เนื่องจากมีการคัดค้านการประกันตัวในชั้นของพนักงานสอบสวน แต่ก็มีการมาเปลี่ยนแปลงภายหลังเมื่อคืนนี้ โดยมีพนักงานสอบสวนโทรมาแจ้งว่าจะยกเลิกการคัดค้านการประกันตัว โดยให้จัดเตรียมหลักทรัพย์เพื่อที่จะไปยื่นขอประกันได้ในเช้าวันนี้ และการไปยื่นขอประกันก็ถือว่าเป็นเรื่องที่เป็นภาระสำหรับครอบครัวอย่างมาก เนื่องจากสภาพบ้านก็ไม่ได้ร่ำรวยหรือมีเงินทอง จึงต้องไปหยิบยืมเงินจากญาติพี่น้อง ซึ่งตอนนี้ได้เงินสดมาจำนวน 20,000 บาท เพื่อที่จะไปซื้อหลักทรัพย์ คาดว่าน่าจะได้วงเงินประมาณ 200,000 บาท ซึ่งถ้าหากเพียงพอก็จะใช้เงื่อนไขนี้ในการยื่นขอประกันตัว แต่หากไม่ได้ก็ต้องรีบโทรไปขอหยิบยืมจากญาติเพิ่ม

อย่างไรก็ตาม สำหรับตัวของนายกานต์ ลูกชายของตน หลังจากที่ถูกจับและต้องไปอยู่ในเรือนจำ แม้จะเป็นเพียงแค่ 1 คืน ซึ่งไม่รู้ว่าวันนี้จะประกันตัวได้หรือไม่ แต่คนที่ได้รับผลกระทบโดยตรงคือย่านอนติดเตียง โดยย่ายังไม่รู้ว่าหลานชายถูกจับและไปก่อเหตุอะไรมา โดยครอบครัวก็ต้องปิดเป็นความลับ แล้วเลือกที่จะไม่เปิดทีวีหรือข่าวดู แต่ดูเฉพาะลิเกเพื่อที่จะไม่ให้ทราบข่าวของหลานชาย ไม่เช่นนั้นอาจเกิดอาการช็อกถึงขั้นเสียชีวิต เพราะเนื่องจากย่าที่ป่วยติดเตียง รักนายกานต์มาก และที่สำคัญก็มีเพียงลูกชายของตนเพียงคนเดียว ที่เป็นคนคอยปฏิบัติดูแลย่าที่ป่วยติดเตียง แต่วันนี้หลังจากที่เจ้าตัวหายไป และย่าตื่นขึ้นมาถามหา ทุกคนก็ได้แต่ตอบโกหกว่า “ไปทำงานต่างจังหวัดต่างจังหวัดยังไม่กลับมา” แต่ในระยะยาวหากยังไม่ได้รับการประกันตัวหรือต้องติดคุก ซึ่งครอบครัวก็ยังไม่รู้ว่าจะต้องตอบย่าที่ป่วยติดเตียงอย่างไร



ตำรวจยึดชุด 4 ก๊วนอุ้ม "ใหม่" หาหลักฐานร่วมสังหาร

ทีมข่าวได้สอบถามประเด็นเกี่ยวกับเสื้อผ้าและวัตถุพยานหลักฐาน ที่สวมใส่และใช้ในวันเกิดเหตุของตัวนายกานต์ ที่นั่งอยู่ในรถเก๋งสีแดงไปร่วมก่อเหตุอุ้มนายใหม่ ทางด้านพี่สาว เผยว่า หลังจากที่น้องชายกลับมาถึงบ้าน ก็ได้ส่งเสื้อผ้าชุดดังกล่าวทั้งเสื้อ และกางเกง ให้แฟนสาวเป็นคนซัก และหลังจากที่ซักเสร็จแล้วเสื้อไม่ได้นำมาใส่ มีเพียงกางเกงที่นำมาใส่และซักถึง 2 ครั้ง ก่อนที่จะพาตัวน้องชายไปมอบตัว แล้วมีการรวบรวมเอาเสื้อผ้าและกางเกงที่สวมใส่ในวันดังกล่าวไปมอบให้กับตำรวจด้วย


ยาย "แท็ป" หวั่นลูกตายในคุก ขาดฟอกไต

วันเดียวกันนี้ ทีมข่าวยังได้ไปคุยกับนางองุ่น (นามสมมติ) แม่ใหญ่ ซึ่งเป็นยายของนายแท็ป โดยเป็นคนที่เลี้ยงมาตั้งแต่เล็กจนโต ซึ่งเจ้าตัวยังคงอยู่ในอาการเสียใจ และมีบางช่วงถึงขั้นร้องไห้ เพราะทำใจไม่ได้ที่หลานถูกแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่ม พร้อมกับตอนนี้ติดคุกอยู่ในเรือนจำ ประกอบกับเจ้าตัวมีภาวะอาการป่วยโรคไต ซึ่งจะต้องรับการฟอกไตเป็นประจำ สัปดาห์ละ 2 ครั้ง และเจ้าตัวมีไตเพียงข้างเดียวตั้งแต่เด็ก โดยตอนนี้ก็เข้าสู่สภาวะไตฝ่อ ฉะนั้นจึงต้องฟอกไตและไปโรงพยาบาลรับยาเป็นประจำ

นางองุ่น เผยว่า ตอนนี้ตนเองยังทำใจไม่ได้ที่หลานชายถูกจับติดคุก เพราะพรุ่งนี้จะต้องถึงกำหนดไปฟอกไต หากไม่ไปตามกำหนด เจ้าตัวก็จะเกิดอาการช็อกถึงขั้นเสียชีวิตได้ เนื่องจากตอนนี้สภาพไตไม่เหมือนปกติ มีสภาวะไตฝ่อและอยู่ระหว่างของการรอผ่าตัดเปลี่ยนไต นอกจากตนเองจะกังวลใจแล้วยังเป็นห่วงแทนหลานชาย เพราะไม่รู้ว่าไปอยู่ข้างในแล้วสภาพจะเป็นอย่างไร และการที่พ่อแม่ของหลานไปยื่นขอประกันวันนี้ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะได้รับการประกันตัวหรือไม่ ส่วนตัวก็ได้แต่นั่งลุ้นและภาวนาอยู่ที่บ้าน




แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนเองยังคงติดใจต่อการกระทำของช่างกิตที่ในบรรดากลุ่มเด็ก ๆ นับถือเป็นพี่ชายหรือเป็นรุ่นพี่ ที่มีอะไรก็คอยช่วยซัพพอร์ตและช่วยเหลือกันมาตลอด แต่ก็ไม่คิดว่าพอเกิดเหตุการณ์เรื่องที่ตนเองก่อ แล้วมีการหลอกเด็กไปช่วย แต่เมื่อเด็กพวกนี้หนีออกมาทัน กลับมีการการกล่าวหาคนอื่นว่าไปช่วยอุ้มฆ่าและอำพราง ส่วนตัวจึงรับไม่ได้ต่อการกระทำของช่างกิต ที่มาทำแบบนี้ เพราะทำให้ในบรรดาหลานชายเดือดร้อนต้องติดคุกประกันตัวไม่ได้

ส่วนตัวในฐานะแม่ใหญ่ ยังคงยืนยันตามคำให้การและเชื่อว่าคำพูดของหลานชายคือความเป็นจริง เพราะหลังจากที่หลานชายถูกกล่าวหาก็ได้มีการหาหลักฐาน ไม่ว่าจะเป็นกล้องที่บันทึกเหตุการณ์เข้า-ออก และไทม์ไลน์ทั้งหมด เพื่อยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องหลังจากที่ตัวของช่างกิตพามาส่งที่อู่ภายในซอยแล้ว ทุกคนก็กลับถึงบ้านไม่มีใครไปช่วยฆ่าอำพรางใคร ฉะนั้นจึงเชื่อมั่นว่ากลุ่มของหลานชายมีไทม์ไลน์ที่ชัดเจนและเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่ถูกจับเพราะเพียงคำพูดของช่างกิต และการไปแจ้งความเพิ่มของภรรยาคนตาย


4 ก๊วนร่วมอุ้ม "ใหม่" กุมขมับ ศาลไม่ให้ประกันตัว

ด้านนางสาวอัญชัญ (นามสมมติ) พี่สาวของนายกานต์ เผยว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยอมรับว่าครอบครัวรู้สึกแย่ และยังทำใจไม่ได้ที่น้องชายถูกแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่ม เพราะตัวของภรรยาคนตายรวมถึงคำให้การของช่างกิต มีการพาดพิงและต้องการที่จะพูดถึงเด็ก ๆ จนเป็นเหตุทำให้ถูกแจ้งข้อกล่าวหาและถูกจับติดคุก โดยเมื่อวานนี้ครอบครัวพยายามที่จะยื่นขอประกันตัวและพยามขอเหตุผล เกี่ยวกับการแจ้งข้อกล่าวหา แต่ไม่ได้รับคำตอบ

จนกระทั่งน้องชายมีการส่งข้อความมาหาครั้งสุดท้ายทำนองว่า “ประกันตัวไม่ได้ครับ” จากนั้นก็ถูกยึดโทรศัพท์พร้อมกับทรัพย์สินของมีค่า ก่อนที่จะมีการฝากขัง ตนเองก็ติดต่อน้องชายไม่ได้อีก จนกระทั่งเมื่อคืนนี้มีสื่อหลายสำนักมีการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับเกี่ยวกับครอบครัวของเด็ก ๆ ที่ถูกจับ โดยคนในครอบครัวได้มีการให้สัมภาษณ์ทำนองเดียวกันว่า ทุกคนมีไทม์ไลน์ที่ชัดเจนและพยานหลักฐานที่ชัดเจน ดังนั้นพร้อมที่จะสู้หัวชนฝา และพร้อมที่จะร้องเรียนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆ่าหรือทำอำพรางศพ




หลังจากที่ครอบครัวได้มีการให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อเมื่อคืนนี้หลายสำนัก ปรากฏว่ามีโทรศัพท์สายปริศนา โดยโทรจากพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีแจ้งกับทางครอบครัวว่า จะมีการเปลี่ยนเงื่อนไขจากคัดค้านการประกันตัวไปเป็นไม่คัดค้านการประกันตัว เพื่อที่จะให้ครอบครัวสามารถยื่นขอประกันได้ในเช้าวันนี้ ส่วนตัวก็ยังแปลกใจและสับสนเกี่ยวกับกระบวนการทำงานพอสมควรว่ามันเกิดอะไรขึ้น หรือเป็นเพราะ สภ.บางบ่อ เป็นคนรวบรวมพยานหลักฐาน เกี่ยวกับการไล่ไทม์ไลน์ความบริสุทธิ์ใจของเด็ก สภ.บางปะกง เป็นคนแจ้งข้อกล่าวหา จึงทำให้ข้อมูลไม่มีการอัปเดตหรือส่งถึงกันหรือไม่ จึงเป็นที่มาของการเปลี่ยนไปจากคัดค้านกลายเป็นไม่คัดค้าน

และเมื่อวานนี้หลังจากที่น้องชายและพวกถูกจับและแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่ม จนกระทั่งเป็นเหตุถูกกักขังที่เรือนจำ โดยก่อนที่จะมีการคุมตัว น้องชายและพวกไปฝากขังที่เรือนจำ ได้มีการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ศาลและรวมถึงเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ที่กำลังมารับตัว โดยให้คำยืนยันว่าหลังจากที่มีการรับตัวกลุ่มของน้องชายไป จะมีการไปคุมขังแยกซึ่งเป็นห้องสำหรับกักกันเชื้อ เพื่อที่จะตรวจสอบเรื่องของเชื้อติดต่อและ โควิด-19 แต่แม้ว่าจะเป็นเรือนจำเดียวกันกับช่างกิต แต่ก็จะไม่มีการนำไปขังรวมหรือให้ไปพบเจอกัน เนื่องจากตัวของช่างกิต มีการซัดทอดและให้การในหลายประเด็นที่ กล่าวถึงกลุ่มเด็ก ๆ จึงกลัวว่าอาจจะเกิดการปะทะหรือการไปเจอกันในเรือนจำ ต้องมีมาตรการในการแยก เพื่อลดปัญหาการเผชิญหน้าหรือการพบเจอกัน เพราะกลัวว่ากลุ่มเด็กจะรุมทำร้ายช่างกิต

ก๊วนอุ้มผัวน้องพรปล่อยโฮ ฉะไอ้กิตหักหลัง หวั่นบางคนตายคาคุก