จากกรณีตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติด สภ.หนองปลิง นำโดย พ.ต.อ.วิริยะบัณฑิต สถิตย์สุวชาติ ผกก.สภ.หนองปลิง ล่อซื้อยาบ้า โดยนัดส่งยาบ้าข้างโรงพักหนองปลิง เมื่อถึงเวลาทางสายลับได้นัดรับยาบ้า จำนวน 40 เม็ด บริเวณข้าง สภ.หนองปลิง หลังจากที่รับส่งของกันเรียบร้อย ได้จับกุม ร.ต.ต.สุทธิรัตน์ อายุ 55 ปี รองสารวัตรฝ่ายปราบปราม สภ.หนองปลิง อายุ 55 ปี

แต่หลังการประกันตัว ร.ต.ต.สุทธิรัตน์ ออกมา อ้างว่าไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดของกลาง แต่จู่ๆ ก็มีชายฉกรรจ์เข้ามาจับตัวและหาว่าค้ายา และอ้างว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเหมือนเป็นการกลั่นแกล้งนั้น

ทีมข่าวได้รับคลิปจากตำรวจฝ่ายสืบสวนชุดจับกุม ร.ต.ต.สุทธิรัตน์ หรือ หมวดจอห์น โดยคลิปแรกเป็นคลิปที่สายตำรวจ โทรหาหมวดจอห์น และได้นัดแนะกันให้ไปพบที่ข้างโรงพัก

โดยตำรวจยังถ่ายคลิปตอนล่อซื้อจากในรถ เห็น ร.ต.ต.สุทธิรัตน์ หรือ หมวดจอห์น ใส่ชุดเครื่องแบบตำรวจเดินมาข้างโรงพัก โดยถือถุงพลาสติกใส่กล่องข้าวมาด้วย ก่อนมานั่งที่โต๊ะหินข้างโรงพัก จากนั้นจะเห็นสายตำรวจชายหญิงรวม 2 คนไปนั่งที่โต๊ะม้าหินตัวเดียวกับหมวดจอห์น และได้ล่อซื้อยาบ้าจากหมวดจอห์น ก่อนที่ทั้งหมดแยกย้ายกันออกมา โดยหมวดจอห์นได้เดินขึ้นไปบนโรงพักตามปกติ

หลังจากจับหมวดจอห์นได้ ตำรวจก็พามาสอบสวนบนโรงพัก และเข้าไปตรวจค้นห้องทำงาน โดยตำรวจชุดจับได้พูดคุยกับหมวดจอห์นให้พูดกันตรง ๆ ซึ่งหมวดจอห์นอยู่ในอาการเครียดบอกว่า ผมไม่ได้อะไร แต่มันเร้าหรือผม เลยต้องเอามาให้

จากนั้นตำรวจได้คุมคัวหมวดจอห์น ไปพบผู้บังคับการจังหวัดนครสวรรค์ โดยผู้การฯ ได้สอบปากคำหมวดจอห์นด้วยตัวเอง โดยผู้การถามว่า หมวดจอห์นไม่รักอาชีพตำรวจเหรอ ทำไมไปยุ่งกับยาเสพติดแบบนี้ หมวดจอห์นก็ก้มหน้าตอบว่า รัก เมื่อถามว่าเสพยาทำไม หมวดจอห์นก็รับว่าเสพยา แต่ไม่เคยหลอน

หลังจากจับหมวดจอห์น ก็ได้ขยายผลจับผู้ต้องหาได้เพิ่มอีก 3 คน พร้อมของยาบ้า รวมทั้งหมด 251 เม็ด

ล่าสุดวันนี้ พ.ต.อ.วิริยะบัณฑิต สถิตย์สุวชาติ ผกก.สภ.หนองปลิง เปิดเผยกับทีมข่าวช่อง 8 ว่า ตนได้เข้ามาเป็น ผกก.ที่นี่เมื่อเดือนธันวาคม ที่ผ่านมา แล้วสืบทราบว่า ร.ต.ต.สุทธิรัตน์ หรือ หมวดจอห์น มีพฤติกรรมทั้งเสพและจำหน่ายยาเสพติด โดยจากการสืบสวนผู้ต้องหาเกี่ยวข้องกับคดียาเสพติด พบว่า ผู้ต้องหาได้ซื้อยาเสพติดมาจากหมวดจอห์น

ตนจึงให้ชุดสืบสวนติดตามพฤติการณ์ของหมวดจอห์น และรายงานทางการลับให้ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครสวรรค์ทราบ ผู้บังคับการฯ จึงสั่งให้ชุดปราบปรามยาเสพติดของตำรวจภูธรจังหวัดนครสวรรค์มาร่วมดำเนินการ ซึ่งชุดปราบปรามยาเสพติดของตำรวจภูธรจังหวัดนครสวรรค์ ก็มีข้อมูลตรงกับชุดสืบสวนของ สภ.หนองปลิง เช่นกัน

โดยในวันจับกุม ตนปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่โรงพัก แล้วได้รับการประสานจากชุดปราบปรามยาเสพติดของตำรวจภูธรจังหวัดนครสวรรค์ ว่าได้ล่อซื้อยาเสพติดจากผู้หมวดจอห์น ตนจึงไปร่วมจับและสอบสวนผู้ต้องหาด้วยตัวเอง ซึ่งในชั้นจับกุม ผู้ต้องหาก็ให้การรับสารภาพว่าได้กระทำความผิดจริง ซึ่งวันนั้นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครสวรรค์ ก็ได้สอบปากคำด้วยตัวเอง หมวดจอห์นก็รับสารภาพว่าได้ทำความผิดจริงเช่นกัน

โดยการล่อซื้อและการดำเนินการต่างๆ เราได้ทำ 3 ขั้นตอนตามกฎหมาย และตรวจพบธนบัตรที่ได้จากการล่อซื้อที่กระเป๋าของผู้หมวดจอห์น จำนวน 1 ฉบับ ส่วนอีก 5 ฉบับ ผู้ต้องหายืนยันว่า ได้จ่ายค่าของไปก็เลยได้ของกลางเป็นธนบัตร 1 พันบาทเพียง 1 ฉบับ

ส่วนจำนวนยาบ้าที่ได้จากการล่อซื้อมีทั้งหมด 40 เม็ด หลังจากการจับกุมและส่งผู้ต้องหาที่โรงพักแล้ว สิบเวรใหม่ที่สั่งให้มาปฏิบัติหน้าที่แทน ก็ได้รับการร้องขอจากหมวดจอห์น ให้ไปหยิบกระเป๋าของหมวดจอห์นที่เก็บไว้ในห้อง ทางสิบเวรก็ได้ไปดู ก็พบยาเสพติด อยู่ 1 ถุงในกระเป๋า จึงรีบมารายงาน ตนจึงให้ร้อยเวรที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ตอนนั้น ไปตรวจค้นก็พบยาเสพติดอีก 82 เม็ด รวมจากล่อซื้อได้ 40 เม็ด พบใหม่อีก 82 เม็ด แต่ยาบ้าจำนวน 82 เม็ดที่พบในกระเป๋านั้น หมวดจอห์นไม่รับว่าเป็นของตัวเอง จึงแยกดำเนินคดีไว้อีกส่วนหนึ่ง

หลังเกิดเรื่องก็ส่งหมวดจอห์นไปฝากขังที่ศาล จ.นครสวรรค์ ทางตำรวจได้คัดค้านการประกันตัว แต่หมวดจอห์นได้ใช้สิทธิและขอประกันตัวออกมา โดยตนได้ให้หมวดจอห์น ไปปฏิบัติหน้าที่ที่โรงพักหนองปลิง และมอบหมายให้ผู้บังคับบัญชาดูแลหมวดจอห์นอย่างใกล้ชิด

ยืนยันว่าจากหลักฐานในการดำเนินการจับกุม ก็ทำอย่างถูกต้องทุกอย่าง เบื้องต้นหมวดจอห์น ยังให้การรับสารภาพกับตน และผู้บังคับการฯ เอง โดยไม่ได้โต้แย้งใด ๆ แต่หลังจากได้รับการประกันตัวก็ได้ไปให้ข่าวต่าง ๆ ตนเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมไปให้ข่าวแบบนั้น

ในส่วนของ สภ.หนองปลิง ตนได้กำชับ ไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด มีการตรวจปัสสาวะตำรวจทั้งโรงพัก แบ่งกลุ่มเพื่อตรวจสอบทั้งที่ทำงานและที่บ้านว่ามีพฤติการณ์เพื่อจะทำผิดหรือไม่ ถ้ามีเราก็จะป้องปรามไม่ให้เกิดผลเสียต่อภาพลักษณ์ของตำรวจ

ส่วนลักษณะนิสัยของหมวดจอห์น เป็นคนเงียบๆ ถ้ามาทำงานก็จะหลบ ไม่ค่อยพูดกับใคร ก็น่าจะเป็นพฤติกรรมของคนที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดที่ไม่อยากจะเจอผู้คน แต่จากการสอบถามลึก ๆ แล้วหมวดจอห์นน่าจะยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดมานานแล้ว

ทีมข่าวได้พบกับ ร.ต.ต. สุทธิรัตน์ หรือ หมวดจอห์น รองสารวัตรฝ่ายปราบปราม สภ.หนองปลิง อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ผู้ต้องหาในคดีนี้ โดยหลังได้รับการประกันตัว วันนี้ยังคงมาทำงานที่ สภ.หนองปลิง ตามปกติ แต่อยู่ในการควบคุมดูแล 

ร.ต.ต.สุทธิรัตน์ เปิดเผยกับทีมข่าวช่อง 8 ว่าเรื่องที่ตนถูกกล่าวหามันไม่ใช่ ซึ่งตนจะต้องหาหลักฐานและพยานมาอ้างอิง แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะสู้เขาได้หรือเปล่า แต่ทุกอย่างก็ต้องสู้กันด้วยเหตุผล และต้องร้องขอความเป็นธรรมให้กับตัวเอง เพราะทุกสิ่งทุกอย่างมันไม่ได้เป็นอย่างที่เค้านำเสนอ ทุกอย่างมันต้องมีที่มาที่ไป ไม่มีจะมาเมคว่ามันอยู่ที่ตนเลย โดยที่ตนไม่รู้ว่าเขาใช้กระบวนการอะไร

ซึ่งในวันที่ตนถูกจับยืนยันว่า ไม่มียาเสพติดอยู่ที่ตัวเองเลยสักเม็ด พูดตรงๆ ว่า ชุดจับเขาเป็นคนเอามา แล้วบอกว่าเป็นการล่อซื้อ ตอนนี้ก็อยากถามเค้าว่า เค้าเป็นคนนำมา ยาเสพติดจะเป็นของตนได้ยังไง  ถ้าตามกระบวนการเมื่อตนตกเป็นผู้ต้องหา แล้วเขาใช้ให้ตนไปซื้อสิ่งของ ของนั้นก็ต้องเป็นของคนที่สั่งให้ตนไปซื้อหรือไม่ แต่ยาเสพติดที่เขาเอามาส่งกลับมาเป็นของตน เพราะเขาสั่งให้ตนซื้อ

หมวดจอห์น ยืนยันว่า ตนไม่ยอมรับว่ายาเสพติดเป็นของตัวเอง เพราะกระบวนการมันไม่ใช่ วันเกิดเหตุ ตนกำลังนั่งกินข้าวอยู่ในห้อง โดยใส่ชุดนอกเครื่องแบบ จู่ๆ หัวหน้าชุดจับกุม ก็มาประชิดตัวสั่งให้ปลดปืน แล้วก็ค้นตัว ตอนนั้นก็เจอเพียงบุหรี่กับไฟแช็ก ในตัวตนไม่มีอะไร ถ้ามีก็คงต้องระบุว่าเจอของกลางจากที่ไหนในตัว

โดยก่อนที่ตนจะถูกจับ มีนายบอย ที่เคยยืมเงินของตนไปโทรมาหาตน และวันนั้นนายบอยก็เอาเงินมาใช้หนี้ 1 พันบาท โดยตนได้เก็บเงินนั้นไว้ในรถ

ส่วนตัวรู้จักกับนายบอยมานานแล้ว แต่ไม่รู้ว่านายบอยเกี่ยวข้องกับยาเสพติดหรือไม่ รู้เพียงว่าเขารับจ้างกรอกถ่านเท่านั้น

ร.ต.ต. สุทธิรัตน์ บอกด้วยว่า ตอนนี้ภาพลักษณ์ของ ตร.ตอนนี้มันเสียหมดแล้ว เค้าสร้างภาพเพื่อทำลายลูกน้อง ทำเหมือนตัวเองบริสุทธิ์ แต่ตนไม่ได้ว่าใครไม่บริสุทธิ์ ไม่ได้กล่าวหาใคร แต่ผมเป็นตำรวจ มันมีวินัยครอบอยู่ ตนก็พูดอะไรเยอะไม่ได้ เพราะมันผิดวินัย ตนเองก็อยากจะพูดความจริงทั้งเหตุและผล แต่ถ้าตนพูดไปก็คงจะตาย พูดตรงๆ คือ ตนโดนกลั่นแกล้งทางหน้าที่การงาน

ยอมรับว่าเมื่อก่อนตนเคยมีประวัติด้านยาเสพติดเมื่อปี 2540 แต่ตอนนี้ตนไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวอะไรแล้ว ตอนนี้ตนหดหู่ เหมือนไม่มีที่ยืนในสังคม ถูกตราหน้าว่าค้ายา ลูกเมียตนจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน แต่ตอนนี้ตนไม่ก้มหน้ารับชะตากรรมที่เค้าให้มา จะเชิดหน้าต่อสู้ต่อไป