"นายกฯ" ยืนยัน ใส่ใจ-ใส่เงิน จัดงบประมาณไม่แบ่งแยกคนใต้ ย้ำ ทุ่มหลายโครงการยกระดับคุณภาพชีวิตชาวปักษ์ใต้ ลั่น! 4 ปีนี้ ชาวใต้จะมั่งคั่ง

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ลุกขึ้นชี้แจงในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 วาระแรกของที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ภายหลังนางสาวสุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ สส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวหารัฐบาลจัดสรรงบประมาณให้กับแต่ละภาคของประเทศแตกต่างกันไปตามความนิยมพรรคการเมืองในพื้นที่ โดยยืนยันว่า รัฐบาล ได้ดูแลประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ และจังหวัดชายแดนใต้ ทั้งใส่เงิน และให้ความใส่ใจ ซึ่งการพิจารณางบประมาณ หรือการใส่เงินนั้น รัฐบาลให้ความสำคัญกับประชาชน ไม่ได้แบ่งแยกกีดกัน ซึ่งเป็นปรัชญาสำคัญในการจัดทำงบประมาณฉบับนี้ และรัฐบาลยังใส่ใจต่อด้วย เพราะตั้งแต่ตนเองเป็นนายกรัฐมนตรี ได้ลงพื้นที่ภาคใต้หลายครั้ง และมีโครงการขนาดใหญ่ในภาคใต้หลายโครงการทั้งแลนด์บริดจ์ การขยายสนามบินภูเก็ต เพื่อสร้างความเจริญให้กับจังหวัดใกล้เคียง ซึ่งถือเป็นเรื่องที่รัฐบาลใส่ใจและให้ความสำคัญกับประชาชนภาคใต้

นอกจากนั้น รัฐบาล ยังมีการแก้ไขปัญหาการจราจรในจังหวัดภูเก็ต เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว และแก้ปัญหาการเดินทางจากตัวเมืองภูเก็ต ไปสนามบินฯ รวมถึงยังลงพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ที่มีการหารือกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เพื่อยกระดับ และดึงเศรษฐกิจ สร้างการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ ทำให้ประชาชนมีเงินมากขึ้น ซึ่งเมื่อประชาชนมีเงินมากขึ้น ก็จะมีความมั่นคง และความรุนแรงก็จะลดน้อยลงไป และในสิ้นเดือนหน้า ตนเองก็จะลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อยกระดับการท่องเที่ยวผ่านศิลปวัฒนธรรม และอาหาร ที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มีของดีอยู่มาก เช่น ปลานิลสายน้ำไหล ซึ่งหากรัฐบาลใส่ใจ ก็จะเกิดประโยชน์ต่อประชาชนมาก และเม็ดเงินก็จะเข้าประเทศอีกด้วย

ส่วนปัญหาสนามบินเบตง-ยะลาที่ขณะนี้ สายการบินหยุดการบินไปแล้วนั้น นายกรัฐมนตรี ก็คาดหวังว่า จะมีสายการบินไปเปิดการบินในต่ออนาคต และจะไปเจรจากับนายกรัฐมนตรีประเทศมาเลเซีย อนุญาตให้ประเทศไทย สามารถใช้เครื่องบินแอร์บัส ทำการบินในสนามบินดังกล่าวได้ เนื่องจาก เครื่องบินจะต้องล้ำเข้าไปในดินแดนมาเลเซียเล็กน้อยด้วย

นายกรัฐมนตรี มั่นใจว่า ภายใน 4 ปีที่ตนเองเป็นนายกรัฐมนตรี จะนำความมั่งคั่งสู่ประชาชน ทำให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่มั่นคง รวมถึงชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในภาคใต้จะดีขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนแน่นอน