มติคณะกรรมการค่าจ้าง สรุปผลปรับค่าจ้างขั้นต่ำปี 2567 ขึ้นสูงสุด 370 บาท ที่ ภูเก็ต ต่ำสุดอยู่ที่ 330 บาท จ. นราธิวาส ปัตตานี ยะลา ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล อยู่ที่ 363 บาท

 

วันที่ 8 ธันวาคม 2566 เวลา 15.30 น. นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการค่าจ้างชุดที่ 22 ว่า คณะกรรมการค่าจ้างได้ประชุมพิจารณากำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ปี 2567 เรียบร้อยแล้ว โดยในที่ประชุมมีมติสรุปร่วมกันในการปรับขึ้น จำนวน 77 จังหวัด ได้แก่

1) จังหวัดภูเก็ต อัตราค่าจ้าง 370 บาท

2) กลุ่มจังหวัดภาคกลางและปริมณฑล (รวมกรุงเทพมหานคร) มี 6 จังหวัด อัตราค่าจ้าง 363 บาท ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ และสมุทรสาคร

3) จังหวัดชลบุรี และระยอง อัตราค่าจ้าง 361 บาท

4) จังหวัดนครราชสีมา อัตราค่าจ้าง 352 บาท

5) จังหวัดสมุทรสงคราม อัตราค่าจ้าง 351 บาท

6) จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สระบุรี ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี ขอนแก่น และเชียงใหม่ อัตราค่าจ้าง 350 บาท

7) จังหวัดลพบุรี อัตราค่าจ้าง 349 บาท

8) จังหวัดสุพรรณบุรี นครนายก และหนองคาย อัตราค่าจ้าง 348 บาท

9) จังหวัดกระบี่ และตราด อัตราค่าจ้าง 347 บาท

10) จังหวัดกาญจนบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สุราษฎร์ธานี สงขลา พังงา จันทบุรี สระแก้ว นครพนม มุกดาหาร สกลนคร บุรีรัมย์ อุบลราชธานี เชียงราย ตาก พิษณุโลก อัตราค่าจ้าง 345 บาท

11) จังหวัดเพชรบุรี ชุมพร สุรินทร์ อัตราค่าจ้าง 344 บาท

12) จังหวัดยโสธร ลำพูน นครสวรรค์ อัตราค่าจ้าง 343 บาท

13) จังหวัดนครศรีธรรมราช บึงกาฬ กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด และเพชรบูรณ์ อัตราค่าจ้าง 342 บาท

14) จังหวัดชัยนาท สิงห์บุรี พัทลุง ชัยภูมิ และอ่างทอง อัตราค่าจ้าง 341 บาท

15) จังหวัดระนอง สตูล เลย หนองบัวลำภู อุดรธานี มหาสารคาม ศรีสะเกษ อำนาจเจริญ แม่ฮ่องสอน ลำปาง สุโขทัย อุตรดิตถ์ กำแพงเพชร พิจิตร อุทัยธานี และราชบุรี อัตราค่าจ้าง 340 บาท

16) จังหวัดตรัง น่าน พะเยา แพร่ อัตราค่าจ้าง 338 บาท

17) จังหวัดนราธิวาส ปัตตานี และยะลา อัตราค่าจ้าง 330 บาท

นายไพโรจน์ กล่าวต่อว่า การพิจารณาค่าจ้างขั้นต่ำในปี 2567 มีอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเฉลี่ยอยู่ที่ 345 บาท/วัน โดยที่ประชุมได้พิจารณากำหนดบนพื้นฐานของความเสมอภาคและการหารือของแต่ละจังหวัด และการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำในครั้งนี้เป็นการปรับเพื่อให้แรงงานทั่วไปแรกเข้าทำงาน สามารถดำรงชีพอยู่ได้ตามสมควรแก่มาตรฐานการครองชีพ สภาพเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน รวมทั้งเหมาะสมตามความสามารถของธุรกิจในท้องถิ่นนั้น โดยพิจารณาบนพื้นฐานของความเสมอภาค และรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่าย เพื่อให้นายจ้าง/ลูกจ้าง สามารถประกอบธุรกิจและดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างเป็นสุข


ทั้งนี้ กระทรวงแรงงาน จะนำผลสรุปเสนอเข้าที่ประชุม ครม. ในวันที่ 12 ธันวาคม 2566 นี้ เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบโดยเร็วที่สุด และให้มีผลใช้บังคับ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 เป็นต้นไป