จากกรณี พ.ต.ต.ยุพล อายุ 62 ปี อดีตสารวัตรธุรการ สภ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ได้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงใส่ นายชาญชัย อายุ 34 ปี เจ้าหน้าที่เทศกิจเทศบาลเมืองวารินชำราบเสียชีวิต กระสุนเข้าลำคอซ้าย 1 นัด หน้าอกซ้าย 1 นัด และหน้าอกขวา 1 นัด นอนจมกองเลือดอยู่กลางถนน ภายในซอยข้างโรงฆ่าสัตว์บ้านก่อ ต.แสนสุข อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี

ภายหลัง พ.ต.ต.ยุพล ก่อเหตุยิงเสร็จ ได้โทรศัพท์แจ้งตำรวจ 191 เพื่อขอมอบตัวและยืนรอเจ้าหน้าที่อยู่ในทึ่เกิดเหตุ จากนั้นตำรวจได้คุมตัวกลับมาสอบปากคำที่โรงพัก

โดยเจ้าตัวอ้างว่า ก่อนเกิดเหตุ เจ้าตัวกำลังขับรถกระบะออกจากบ้านพร้อมภรรยาที่พิการ แต่มีรถมอเตอร์ไซค์ของผู้ตายจอดขวางหน้าบ้าน จากนั้นได้เกิดทะเลาะมีปากเสียงกัน พ.ต.ต.ยุพล อ้างว่า ผู้เสียชีวิตได้ต่อยตัวเองจนล้มลงก่อน จึงได้ใช้อาวุธปืนที่พกติดตัวยิงใส่ 3 นัดจนเสียชีวิต โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อช่วง 6 โมงเย็นเมื่อวานนี้ (11 สิงหาคม)

เปิดวงจรปิดนาทียิงเจ้าหน้าที่เทศกิจ เสียงปืนลั่นซอย 3 นัด

ล่าสุดทีมข่าวได้ภาพจากกล้องวงจรปิดใกล้จุดเกิดเหตุซึ่งสามารถบันทึกเสียงเหตุการณ์ก่อนเกิดเหตุ เวลาประมาณ 17.49 น. โดยจะได้ยินเสียง ผู้เสียชีวิต และ พ.ต.ต.ยุพล ทะเลาะมีปากเสียงกัน จากนั้น จะได้ยินเพื่อนบ้าน ได้พูดว่า “เสียงปืนๆ” ก่อนจะได้ยินเสียง ทั้งสองคน ทะเลาะกันเสียงกัง โดยจับใจความไม่ได้ จากนั้นไม่นานจะได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 3 นัด ซึ่งเป็นนาทีที่ พ.ต.ต.ยุพล ตัดสินใจยิง นายชาญชัย เสียชีวิตในที่สุด

ล่าสุดทีมข่าวยังได้ภาพจากกล้องวงจรปิดเพิ่มเติมซึ่งเป็นภาพหลังจาก พ.ต.ต.ยุพล ก่อเหตุยิงเสร็จแล้ว โดยพบว่า ก่อนที่ พ.ต.ต.ยุพล จะขับรถกระบะของตัวเองเพื่อมอบตัวกับตำรวจหน้าปากซอย ก่อนหน้านี้เจ้าตัวหลังยิงเสร็จได้เดินเท้าออกจากซอยบ้านที่เกิดเหตุเพื่อไปขอยืมโทรศัพท์มือถือ โดยข้ามถนนไปขอโทรศัพท์จากร้านติดฟิล์มรถยนต์ก่อนจะขับถนนกลับและเดินกลับเข้าไปภายในซอยที่เกิดเหตุด้วยท่าทีเร่งรีบ โดยเจ้าตัว ไม่ได้ใส่รองเท้า และเดินเท้าเปล่าออกมา

ล่าสุดทีมข่าวช่อง 8 ได้ภาพจากกล้องวงจรปิดหลังจากเกิดเหตุ คลิปตัวที่ 1 ,2 เวลาประมาณ 18.21 น. หลัง พ.ต.ต.ยุพล ก่อเหตุยิงนายชาญชัยเสร็จ คาดว่า ได้นำภรรยาที่พิการกลับไว้นั่งรอเจ้าหน้าที่ที่บ้านพัก ก่อนจะขับรถกระบะของตัวเองออกจากซอยบ้าน และมาจอดบริเวณหน้าปากซอย พร้อมกับโทรศัพท์ติดต่อกับตำรวจ เพื่อรอมอบตัว โดยจะเห็น พ.ต.ต.ยุพล ได้ลงจากรถกระบะ พร้อมกับโทรศัพท์คุยกับตำรวจตลอดเวลา

จากนั้นผ่านไปไม่นาน จะเห็นรถของตำรวจสายตรวจ สภ.วารินชำราบ ได้ขับมาจอดและมีตำรวจนายหลาย เข้าไปตรวจสอบ พ.ต.ต.ยุพล ว่า ภายในตัวยังมีอาวุธปืนหรือไม่ และจะเห็นว่า พ.ต.ต.ยุพล ได้พยายามบอกว่า ตัวเองก่อเหตุยิงผู้ตายบริเวณไหนภายในซอย โดยชี้นิ้วเข้าไปภายในซอย ก่อนที่ตำรวจจะพาตัว พ.ต.ต.ยุพล ขึ้นรถ และเข้าไปชี้จุดที่เจ้าตัวก่อเหตุยิงนายชาญชัยเสียชีวิต ในคลิปตัวที่ 4

คุมตัวอดีตสารวัตรเกษียณ รัวยิงหนุ่มเทศกิจ 3 นัดดับ ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ

ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ที่ สภ.วารินชำราบ ตำรวจได้ควบคุมตัว พ.ต.ต.ยุพล สอบปากคำถึงสาเหตุการก่อเหตุ โดยระหว่างเจ้าหน้าที่นำตัวออกจากห้องควบคุมขัง ทีมข่าวพยายามสอบถาม พ.ต.ต.ยุพล ถึงสาเหตุการก่อเหตุ โดยเจ้าตัวยังคงปิดปากเงียบ ไม่ได้พูดอะไรกับผู้สื่อข่าว พร้อมกับใช้ผ้าปิดบังใบหน้าและเดินเข้าห้องสองปากคำทันที

ต่อมาช่วงเย็นที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัว พ.ต.ต.ยุพล ผู้ก่อเหตุ พาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่จุดเกิดเหตุ การทำแผนฯ แบ่งเป็น 3 จุดด้วยกัน คือ จุดที่ 1.บริเวณหน้าบ้านของ พ.ต.ต.ยุพล ที่เจ้าตัวอ้างว่า ผู้เสียชีวิตก่อนเกิดเหตุ เจ้าตัวถูกผู้เสียชีวิต ซึ่งเดินทางมากินเหล้ากับน้องชายของ พ.ต.ต.ยุพล บ้านหลังใกล้กัน แล้วจอดขวางหน้าบ้านตนเอง ทำให้ตนเองที่กำลังจะนำภรรยาที่พิการนั่งวิลแชร์ ขึ้นรถไปส่งโรงพยาบาลไม่ได้ ซึ่งขณะนั้นเจ้าตัวอ้างว่า กำลังจะพาภรรยาไปหาหมอ แต่ขับรถกระบะออกไม่ได้ ซึ่งซอยทางเข้าออกบ้าน มีระยะความกว้างเพียง 3 เมตร จึงทะเลาะกัน ส่วนจะทะเลาะแบบไหนยังไง ตนเองขอไม่ให้การกับตำรวจตอนนี้ และขอใช้สิทธิที่จะไม่ให้ข้อมูลกับตำรวจ

จุดที่ 2 บริเวณโค้งถนนภายในซอยบ้านของ พ.ต.ต.ยุพล โดยจุดนี้เป็นจุดที่ พ.ต.ต.ยุพล ได้อ้างกับตำรวจว่า หลังจากตนเองทะเลาะมีปากเสียงกับผู้เสียชีวิตเนื่องจากไม่พอใจที่ผู้เสียชีวิตขับรถมอเตอร์ไซค์มาจอดขวางหน้าบ้านทำให้มีปัญหากัน จากนั้นตนเองได้ขับรถกระบะออกมาจากบ้านประมาณ 30 เมตร เห็น ผู้เสียชีวิตได้วิ่งไล่ตามมา ตอนนั้นตนเองจึงลงจากรถ และพยายามเข้าไปพูดคุยอีกรอบ เพราะผู้เสียชีวิตได้สะพายกระเป๋าหลังมาด้วย คาดว่า น่าจะมีอาวุธจะเข้ามาทำร้าย

ตนเองจึงรีบตะโกนเรียกน้องชายของตนเองที่ยืนอยู่หน้าบ้าน บอกว่า “เอามันออกไปๆ” เพราะคิดว่าตอนนั้นตัวเองไม่ปลอดภัย และคิดว่า ตนเองแก่กว่าผู้เสียชีวิตมาก หากสู้ก็คงไม่ไหว จึงใช้ปืนที่พกมาด้วยยิงใส่ จนเสียชีวิต โดยเจ้าตัวบอกกับนักข่าวต่อว่า

"ผมอายุ 63 ปีแล้ว ผมไม่ทำอะไรมั่วๆหรอก ผมมีสัญชาตญาณ เขาต่อยผมก่อน ผมก็พยายามถอยแล้ว เรียกน้องมันก็ไม่มา จึงยิงไปเพื่อป้องกันตัว"

ตำรวจถามต่อ ว่า ยิงไปกี่นัด เจ้าตัวพยายามพูดจาบ่ายบ่าย อ้างว่า “ปืนมันอัตโนมัติ” เมื่อตำรวจถามซ้ำว่าได้ยิงไปกี่นัด เจ้าตัวกลับไม่บอกจำนวน แต่พูดบอกตำรวจว่า “ตามบาดแผลที่ปรากฏ”

ทีมข่าวพยายามสอบถามต่อว่า ที่เกิดเหตุเป็นการหลวงผู้ตายฆ่าหรือไม่ เพราะครอบครัวผู้เสียชีวิตสงสัย เพราะก่อนหน้านี้น้องชายของ พ.ต.ต.ยุพล เคยกินเหล้าและทะเลาะชกต่อยกับผู้เสียชีวิตมาแล้ว โดย พ.ต.ต.ยุพล ตอบกลับนักข่าวว่า “ทุกอย่างมีสาเหตุ ทุกอย่างมีเหตุมีผลตามหลักพระพุทธศาสนา ผมหนีมาจนมุมแล้ว”

จากนั้นตำรวจได้คุมตัวไปจุดที่ 3 คือบริเวณหน้าปากซอยทางเข้าบ้านของ พ.ต.ต.ยุพล ซึ่งเป็นจุดที่เจ้าตัวขับรถกระบะออกมาเพื่อมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งเป็นจุดสุดท้ายในการทำแผน จากนั้นตำรวจได้นำตัวกลับ พ.ต.ต.ยุพล ขึ้นรถและเข้าห้องขัง

แม่ผู้ตายเชื่อลูกชายเป็นคนดี คาดถูกอดีตสารวัตร ล่อลูกมายิงทิ้ง เผยปม ก่อนหน้านี้ ลูกชายเคยกินเหล้าทะเลาะชกต่อยกับน้องชายผู้ก่อเหตุ

ขณะเดียวกัน วันนี้ทางครอบครัวของผู้เสียชีวิตได้เดินทางมาที่จุดเกิดเหตุเพื่อทำพิธีเชิญดวงวิญญาณ โดยผู้เป็นแม่ของผู้เสียชีวิตได้นิมนต์พระสงฆ์ จำนวน 4 รูปมาทำพิธี โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้ามีบรรดาญาติพี่น้องบางคนของผู้เสียชีวิต ต่างตะโกนด่าสาปแช่งผู้ก่อเหตุ

ทีมข่าวได้พูดคุยกับนางปราณิศา แม่ผู้ตาย บอกว่า สาเหตุที่ลูกชายถูกยิงทางแม่ก็ไม่รู้ แต่เหตุการณ์ก็คิดว่า สารวัตรผู้ก่อเหตุ น่าจะลวงลูกชายไปฆ่า เพราะก่อนหน้านี้ลูกชายเคยกินเหล้ากับน้องชายผู้ก่อเหตุ และเคยถูกลูกชายชกต่อย แต่เรื่องก็นานมาแล้ว

ซึ่งก่อนเกิดเรื่อง ช่วงเย็นผู้ก่อเหตุได้โทรศัพท์มาตามให้ลูกชายไปกินปลาในฐานะผู้ใหญ่ที่ลูกชายรู้จัก เพราะน้องชายผู้ก่อเหตุรู้จักกันซึ่งปกติลูกชายเลิกงาน 5 โมงเย็น แต่คนยิงโทรมาตามลูกชายช่วง 16.30 น.

จากนั้นลูกชายจึงขออนุญาตหัวหน้าออกมาก่อน เมื่อมาถึงบ้านก็ไม่เปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นก็ได้ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์นายโกศาล อายุ 57 ปี น้องชายของ พ.ต.ต.ยุพล มือปืนที่ลงมือยิงจากบ้านออกไป

เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุประมาณ 5 โมงเย็น ซึ่งทางญาติติดใจว่า ลูกถูกยิงประมาณ 5 โมงกว่าน่าจะเป็นการเตรียมการไว้หรือไม่ เพราะจุดที่ถูกยิงสำคัญมากในแต่ละจุด ซึ่งเป็นการยิงแบบเผาขน รวมถึง หากทะเลาะกันเรื่องจอดขวางหน้าบ้าน ก็คงไม่น่าจะถึงขั้นยิงกันตาย เพราะปกติลูกชายเจอ พ.ต.ต.ยุพล ซึ่งเป็นผู้ใหญ่ที่นับถือ ก็จะยกมือไหว้ตลอด โดยตนเองอยากขอความยุติธรรมให้กับลูกชายและขอให้ตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

เพื่อนตำรวจ ยืนยันสารวัตรเป็นตำรวจน้ำดี ยอมออกจากราชการดูแลเมียพิการและแม่ เชื่อถูกทำร้ายก่อน จึงยิงปืนสวน

ขณะเดียวกันวันนี้ที่ สภ.วารินชำราบ ยังมีเพื่อนอดีตตำรวจของ พ.ต.ต.ยุพล เดินทางมาเยี่ยม พ.ต.ต.ยุพล ที่โรงพักด้วย โดยเราได้พูดคุยกับ ร.ต.อ.สมพงษ์ เพื่อนตำรวจ สภ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ ได้ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่าตนเองและ พ.ต.ต.ยุพล เป็นเพื่อนตำรวจที่เคยทำงานร่วมกันเมื่อ 30 ปีก่อน ซึ่งก่อนหน้านี้ พ.ต.ต.ยุพล เคยเป็นเพื่อนตำรวจสายตรวจ อยู่ที่ สภ.โนนคูณ ด้วยกัน ก่อนที่ พ.ต.ต.ยุพล จะแยกย้ายไปรับราชการที่อื่น เคยไปอยู่ สภ.หนองจิก จ.ปัตตานี ก็เคยมาแล้ว จากนั้นตำแหน่งสุดท้าย ของ พ.ต.ต.ยุพล ก็คือ สารวัตรธุรการ สภ.เมืองบุรีรัมย์

ซึ่งตลอดอายุราชการของ พ.ต.ต.ยุพล เท่าที่ตนเองเห็น พ.ต.ต.ยุพล ถือเป็นตำรวจน้ำดีคนหนึ่งเลย เหล้า บุหรี่แทบไม่เคยยุ่ง และเป็นห่วงครอบครัวตลอด กระทั่งเมื่อ 1-2 ปีก่อน ภรรยาของ พ.ต.ต.ยุพล ล้มป่วยด้วยโรคเส้นเลือดในตีบ ทำให้พิการเดินไปไม่ได้ พ.ต.ต.ยุพล จึงยอมออกจากตำรวจเพื่อมาเลี้ยงดูภรรยาและแม่ กระทั่งมาเกิดเหตุ

โดยจากการสอบถามเพื่อนๆ ที่เข้าไปพูดคุยกับ พ.ต.ต.ยุพล หลังก่อเหตุ เจ้าตัวบอกว่า ก่อนจะเกิดเหตุ พ.ต.ต.ยุพล กำลังจะพาภรรยาที่เดินไม่ได้ออกไปตลาด แต่เมื่อจะออกจากซอบบ้าน กลับมีรถมอเตอร์ไซค์ของผู้ตายขอดขวางอยู่หน้าบ้าน ทำให้เกิดการโต้เถียงกัน จากนั้นอีกฝ่ายได้ต่อย พ.ต.ต.ยุพล ก่อนจนล้มลง ทำให้เจ้าตัวจำเป็นต้องใช้ปืนยิงป้องกันตัว ซึ่งตนเองก็เชื่อคำให้การของเพื่อน และคิดว่าหากเพื่อนไม่ถึงขีดสุดก็ควไม่ยิง