จากกรณีหนุ่มลำพูน วัย 30 ปี ได้โพสต์ภาพและข้อความเตือนภัย เจอหมัดปริศนา รัวเข้าใบหน้า ขณะวิ่งออกกำลังกาย เพื่อนพาส่งโรงพยาบาลหมอเย็บสามเข็ม

โดยนายฟิวส์ ผู้บาดเจ็บ เปิดเผยกับทีมข่าวว่า ตนมาวิ่งที่สนามกีฬาแห่งนี้เป็นประจำทุกเย็น เป็นเวลาเกือบสองปีแล้ว ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนและไม่เคยคิดว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นกับตน ยอมรับว่าไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับคนร้าย และไม่เคยรู้จักกันมาก่อนด้วยซ้ำไป เหตุใดถึงต้องมาทำร้ายตนแบบนี้ โดยวันเกิดเหตุ เป็นช่วงเย็นของวันที่ 10 สิงหาคม เวลาประมาณ 18.00 น. ขณะที่ตนกำลังวิ่งรอบสนามฟุตบอลอยู่ รอบแรกก็ได้เห็นว่ามีคนยืนมองหน้าตนอยู่ยังจุดเกิดเหตุ แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร จนรอบที่สองของการวิ่งซึ่งตนวิ่งผ่านจุดนี้มาเพียงคนเดียวก็ยังเห็นคนๆนั้น ยืนมองหน้าของตนอยู่ที่จุดเดิมแต่ครั้งนี้ได้ถุยน้ำลายพร้อมสบถคำว่า”ถุย”ออกมาเสียงดัง ตนจึงเดินเข้าไปถามว่าทำแบบนี้ทำไมต้องการอะไร แต่ไม่ทันสิ้นเสียงก็ได้ถูกคนร้ายรายนี้ ใช้หมัดต่อยรัวเข้าที่ใบหน้าของตน และตามลำตัวอีกหลายหมัด จนตนล้มลงไปนอนกองกับพื้น ก่อนที่คนร้ายจะอาศัยช่วงชุลมุนหลบหนีหายไป

โดยภายหลังจากการพูดคุยกันในฟิวส์ ผู้บาดเจ็บ ได้โชว์บาดแผลที่ถูกคนร้ายทำร้ายให้ทีมข่าวดู พบว่าผู้บาดเจ็บได้ถูกทำร้ายบริเวณใบหน้าข้างซ้าย(เย็บ3เข็ม) บาดแผลบริเวณหัวไหล่ และมือ ซึ่งได้ฟิวส์ได้บอกกับทีมข่าวว่าอยากให้เคสของตนเป็นกรณีตัวอย่างเตือนภัยฝากไปถึงพี่น้องประชาชนว่า ถึงแม้ตนจะอยู่ในที่โล่งและเป็นพื้นที่สาธารณะแต่อันตรายก็ยังเกิดขึ้นได้เสมอ

เหยื่ออีกรายเปิดใจเคยเจอแจกกล้วย

วันนี้ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางลงพื้นที่ไปยังสนามกีฬากลาง จังหวัดลำพูน ซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุอีกครั้งพบว่าจุดเกิดเหตุเป็นบริเวณถนนสำหรับให้บริการแก่ประชาชนทั่วไปได้มาวิ่งออกกำลังกาย ซึ่งบริเวณดังกล่าวนั้นอยู่ใกล้กับสนามเปตอง จากการสังเกตบริเวณโดยรอบทีมข่าวยังพบร่องรอยของคราบเลือดจำนวนหนึ่ง หยดอยู่บริเวณม้านั่งเหล็กติดกับสนามเปตอง

จากการสอบถามนายอ๋อง (นามสมมติ) ชาวบ้านที่เคยมาออกกำลังกายภายในสนามกีฬาแห่งนี้ เปิดเผยกับทีมข่าวว่า ตนเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้เหมือนกัน เมื่อปีที่ผ่านมาจนตนไม่กล้ามาวิ่งที่นี่อีกเลย เพราะกลัวว่าจะไม่ปลอดภัยสำหรับตน โดยเมื่อตอนเกิดเหตุครั้งนั้น เป็นช่วงเวลาประมาณหนึ่งทุ่มเศษ ตอนนั้นเริ่มมืดแล้ว ขณะที่ต้นกำลังวิ่งมากับเพื่อนอีกหนึ่งคน ก็ได้เห็นชายคนหนึ่งยืนมองมาที่ตน พร้อมสบถคำหยาบ และแจกกล้วยแก่ตน ตนจึงหันไปมองหน้าเพื่อนแล้วถามว่ารู้จักชายคนนี้ไหม เมื่อเพื่อนตอบว่า “ไม่รู้จัก” ตนจึงเห็นท่าไม่ค่อยดี จึงรีบถอยออกมา แล้วขี่มอเตอร์ไซค์กลับบ้านโดยทันที จากนั้นก็ไม่กล้ามาวิ่งที่นี่อีกเลย จนมาทราบข่าววันนี้ว่ามีคนถูกทำร้าย จึงคิดว่าผู้ก่อเหตุหรือคนร้าย น่าจะเป็นคนเดียวกันกับที่ตนเคยเจอ

พ่อผู้ก่อเหตุเผยเคยโดนบูลลี่ รังแกมาตั้งแก่เด็ก

ขณะเดียวกันวันนี้ทีมข่าวช่อง 8 มีโอกาสได้พบกับเจ้าหน้าที่รายหนึ่งของสนามกีฬาแห่งนี้ ซึ่งได้ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่าผู้ก่อเหตุและผู้บาดเจ็บนั้นเป็นเพื่อนกัน ส่วนผู้ก่อเหตุนั้นเคยโดนเพื่อนบูลลี่ มาตั้งแต่เด็ก คาดว่าอาจก่อเหตุเพราะฝังใจจึงตามมาเพื่อหวังสางปมแค้นก็เป็นได้ ซึ่งตนเป็นเพียงคนนอกไม่อยากให้ข้อมูลอะไรมากนักเพราะกลัวจะเป็นข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง อยากให้นักข่าวได้ไปสอบถามกับพ่อของผู้ก่อเหตุดูเอาเอง

จากนั้นทีมข่าวช่อง 8 ได้ต่อสายโทรศัพท์ถึงนายประชัน (พ่อของผู้ก่อเหตุ) เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยทันทีที่นายประชันรับสายได้บอกกับทีมข่าวว่าย้อนกลับไปเมื่อสมัยที่ลูกของตนเรียนชั้นมัธยม อยู่ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดลำพูน ได้มีเพื่อนบางกลุ่มคอยบูลลี่ลูกของตนมาโดยตลอดเนื่องจากลูกของตนพิการมีใบหูเพียงข้างเดียว จึงมักโดนเพื่อนๆ ดึงหูเล่นและล้อเลียนอยู่บ่อยๆ บางครั้งก็ถูกขู่เอาเงินค่าขนมจากลูกของตนไปจนหมด จึงคิดว่าน่าจะเป็นปมหลังฝังใจลูกของตน ซึ่งมักมาบอกกับตนเสมอว่าไม่อยากไปโรงเรียน และได้เราเรื่องดังกล่าวให้กับตนฟังอยู่เสมอ ซึ่งตนก็รู้สึกเห็นใจและสงสารลูกชายมากแต่ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ตนต้องโหมทำงานอย่างหนักจึงต้องบอกให้ลูกอดทนไปก่อน โดยไม่คาดคิดว่าจะเป็นปมหลังฝังใจมาจนถึงทุกวันนี้ โดยก่อนเกิดเหตุครั้งนี้เมื่อหลายเดือนก่อนลูกชายได้เคยตามไปถึงบ้านของคนที่เคยบูลลี่ตัวเองถึงเชียงใหม่มาแล้ว แต่ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงใดๆเกิดขึ้น เนื่องจากเพื่อนคนนั้นได้ยกมือขอโทษต่อหน้าลูกของตน

กระทั่งล่าสุดเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ลูกชายได้เล่าให้ตนฟังว่าได้ไปออกกำลังกายที่สนามกีฬาจังหวัดลำพูน และได้พบกับนายฟิวส์ (ผู้บาดเจ็บ) ซึ่งตนไม่ขอยืนยันว่าในฟิวส์เป็นคนที่บูลลี่ลูกของตน หรือเป็นเพียงคนที่อยู่ในกลุ่มของเพื่อน ที่บูลลี่ลูกของตน โดยลูกชายได้เล่าให้ตนฟังว่าเมื่อเห็นว่าเป็นนายฟิวส์ จึงได้ยืนมองหน้าและถุยน้ำลายลงพื้นหนึ่งครั้ง เมื่อนายฟิวส์เห็นดังนั้นจึงปรี่เข้ามาทำร้ายลูกของตนก่อน ยอมรับว่าลูกชายได้แสดงท่าทีที่ไม่เหมาะสม กับผู้บาดเจ็บจริงๆ และไม่คาดคิดว่าว่าลูกจะลงมือก่อเหตุอีก จึงอยากจะกล่าวคำขอโทษฝากไปยังนายฟิวส์ ด้วยที่ถูกลูกชายตนทำร้าย ตอนนี้ทราบแล้วว่าผู้บาดเจ็บได้ไปแจ้งความ ตนก็ขอยอมรับความจริงและพร้อมให้ลูกชายถูกดำเนินคดีตามสิ่งที่เขาได้ทำลงไป

หนุ่มหูหายเก็บแค้น 10 ปี บุกบ้านคนที่ด่าให้กราบขมา ช็อก 2 หนุ่มนักวิ่งหน้าฉีกเพิ่งรู้ปม