จากกรณีสาวรายหนึ่งออกมาแชร์อุทาหรณ์ป่วยได้เข้ารับการรักษากับแพทย์ของคลีนิกแห่งหนึ่งในตัวเมืองอ่างทองแพทย์ได้ใช้เวลาในการตรวจอาการเพียงไม่นาน แล้วลงความเห็นว่าลูกสาวป่วยเป็นโรครูมาตอยด์ ซึ่งได้ทำการรักษาโดยการฉีดยาและให้ยามารับประทานที่บ้าน ในช่วงแรกมีอาการดีขึ้น แต่ต่อมาเริ่มมีผื่นแดงขึ้นตามลำคอ ขา และมือทั้งสองข้าง ตาพล่ามัว เลือดกำเดาไหล จนต้องนำตัวเข้ารักษาที่โรงงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในจังหวัดอ่างทอง แพทย์ที่รักษาลงความเห็นว่าเกิดจากอาการแพ้ยาไม่ใช่จากโรครูมาตอยด์ ลูกสาวของตนเองมีอาการสาหัส และอาจจะถึงขั้นเสียชีวิตได้ ตนเองได้เข้าไปพูดคุยกับแพทย์คู่กรณี แต่ทางแพทย์ปฏิเสธว่าไม่ได้เกิดจากการรักษาของตนเอง

จากการวินิจฉัยของคุณหมอที่ว่าเราเป็นรูมาตอยด์ โดยการไม่เจาะเลือด แต่จ่ายยาเกาต์ที่รุนแรงมาให้เราทาน เราซึ่งเป็นคนแพ้ยาเกาต์ จนเรามีสภาวะที่เป็นเช่นนี้ แต่ในความโชคร้ายของเรายังมีความโชคดีที่เราเจอคุณหมอท่านหนึ่ง ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน จ.อ่างทอง ช่วยชีวิตเราไว้ เราขอขอบคุณท่านมากจริงๆ

เธอกับพ่อกลับไปที่คลินิก เพื่อสอบถามถึงสาเหตุหลังเกิดอาการแพ้ยา แต่คุณหมอกลับบ่ายเบี่ยง อ้างว่าอาการแพ้ของเธอ เกิดจากยาชุดที่เธอซื้อมากินเอง ไม่ได้เกิดจากการที่หมอสั่งยาให้ แม้ว่าเธอจะพยายามอธิบายอาการที่เกิดขึ้นกับเธอ หลังจากกินยารักษารูมาตอยด์ที่หมอสั่งให้ และปฏิเสธความรับผิดชอบใดๆ

ล่าสุดทีมข่าวช่อง 8 ได้พบกับ น.ส.ดาราวรรณ อายุ 25 ปี ผู้เสียหาย เล่าให้ฟังว่า แรกเริ่มเธอมีอาการเป็นไข้ เจ็บปวดตามร่างกาย เธอจึงไปหาหมอที่คลินิก คุณหมอฉีดยา และให้ยาชุดแรกมาทาน ช่วงประมาณเดือนเมษายน เธอยังไม่มีอาการผิดปกติอะไร โดยยา 1 ชุด จะทานได้ประมาณ 5-7 วัน แต่อาการไข้ และเจ็บปวดตามร่างกายยังไม่หายดี ทำให้เธอต้องมาหาหมออีก

เธอจึงไปหาหมอเป็นครั้งที่ 2 หมอวินิจฉัยว่าเธอเป็นรูมาตอยด์ โดยไม่ได้เจาะเลือดตรวจประกอบการวินิจฉัยโรค กระทั่งเธอกินยาในชุดที่ 2 เริ่มมีอาการผิดปกติ มีจุดขึ้นตามตัว จากนั้นมีเลือดกำเดาไหล และตาแดง ประกอบกับอาการร้อน เธอจึงคิดว่าไม่ได้เป็นอะไรร้ายแรง หรือแพ้ยา และไม่นานอาการก็หายไป

กระทั่งช่วงเดือนพฤษภาคม เธอเป็นไข้นานนับสัปดาห์ จึงกินยาที่หมอจ่ายมาให้ แต่ไข้กลับไม่ลดลง เริ่มนอนไม่ค่อยหลับ จากนั้นก็เริ่มมีผื่นขึ้นบริเวณคอ ลามไปถึงมือ จึงเริ่มเอะใจ จึงไปหาหมอที่โรงพยาบาลฉุกเฉิน ใน จ.ปทุมธานี คุณหมอบอกว่าเธอเกล็บเลือดต่ำ มีสภาวะจะเป็นไข้เลือดออก ก่อนจะเขียนใบส่งตัวให้เธอไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ใน จ.อ่างทอง

เมื่อหมอที่โรงพยาบาล ใน จ.อ่างทองทำการตรวจโรค ระบุว่า เธอไม่น่าจะเป็นไข้เลือดออก แต่ว่าน่าจะเป็นอาการแพ้อะไรบางอย่างมากกว่า ก่อนจะซักประวัติเธอ ทำให้เธอมั่นใจ เพราะในระยะเวลานั้น เธอกินยารักษารูมาตอยด์เพียงอย่างเดียว และไม่กล้ากินอะไร เพราะอาการเจ็บปวดตามร่างกายเริ่มรุนแรง ซึ่งหลังจากที่เธอเข้ารับการรักษา อาการโรค “สตีเวนส์ จอห์นสัน ซินโดรม” ก็เริ่มชัดขึ้น เยื่อบุตาเริ่มอักเสบ เริ่มเป็นแผลบริเวณรอบดวงตา ในโพรงจมูกเป็นแผล รวมปากมีเลือด มีน้ำหนอง เธอรักษากับคุณหมอโรงพยาบาล ใน จ.อ่างทอง 12 วัน จนแผลภายในเริ่มดีขึ้น แต่ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง จึงขอกลับมารักษาตัวต่อที่บ้าน ทั้งๆ ที่ แผลภายนอกยังไม่หายดี มือยังลอก ปากยังมีแผล

จากนั้นก็กลับมารักษาดวงตา เพราะอาการหนักที่สุด กระจกตาเริ่มเป็นแผล เธอรับการรักษาอยู่ประมาณ 7 วัน แต่ไม่มีเครื่องมือรักษาต่อได้ เพราะพังผืดเกาะตาล่างไปแล้ว ไม่มียาละลายพังผืดได้ ก่อนจะส่งตัวเธอไปรักษาที่ รพ.ธรรมศาสตร์ ซึ่งหมอใหญ่ ที่ รพ.ธรรมศาสตร์ ระบุว่า สาเหตุเป็นเพราะเธอแพ้ยา

ต่อมา พ่อกับแม่ของเธอกลับไปที่คลินิก เพื่อขอชื่อตัวยาที่เธอแพ้ สำหรับบันทึกลงประวัติการแพ้ยา แต่หมอที่คลินิกกลับปฏิเสธว่า ไม่ใช่ยาที่หมอสั่งให้ พ่อแม่เธอแทบจะยกมือไหว้ร้องขอ แต่ทางคลินิกกลับไม่สนใจ และไม่แสดงความรับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น พร้อมกับข่มขู่ว่า “ถ้าอยากจะได้ ให้ไปฟ้องศาลเอา”

ล่าสุดทีมข่าวช่อง 8 พบเหยื่อหมออ่างทองเพิ่มอีกหนึ่งครอบครัวหลังจากไปฉีดยากับหมอมาวันเดียววันรุ่งขึ้นเสียชีวิตกะทันหัน เพราะญาติเคยไปรักษาและฉีดยากับคลินิคแห่งนี้

วันนี้ทีมข่าวช่อง 8 ติดต่อไปยังนายพยุง (นามสมมติ) อายุ 62 ปี สามีของนางสมควรผู้เสียชีวิต เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า ก่อนหน้านี้ได้มาทำงานที่จังหวัดชลบุรีซึ่งมารับเหมาประกอบบ้านเรือนไทยโดยมีนางสมควร (ภรรยา) และลูกมาอยู่ด้วยแต่ในขณะที่ทำงานสมควรก็เกิดอาการป่วย โดยมีอาการชาทั้งตัวไปหนึ่งซีก และมีอาการปวดต้นจึงได้ชวนให้สมควรกลับไปรักษาที่บ้านที่จังหวัดอ่างทองและได้พาเข้าที่โรงพยาบาลป่าโมก ซึ่งแพทย์ที่โรงพยาบาลได้วินิจฉัยออกมาว่าเป็นกระดูกทับเส้นประสาทและได้ให้ยากลับมารับประทานแต่อาการก็ไม่ดีขึ้น จากนั้นสมควรก็ได้ชวนให้ตน พาไปหาหมอที่คลีนิคหมอยง ซึ่งสมควรเคยไปรักษาด้วยการฉีดยาที่คลินิกหมอยงมาเมื่อ 10 ปีที่แล้วแต่ตอนนั้นมีอาการใจสั่น ซึ่งชาวอ่างทองจะรู้จักกันดีเพราะหมอยงจะรักษาด้วยการฉีดยาแต่ไม่ทราบว่านำยาชนิดใดมาฉีดให้แต่ไม่ว่าจะเป็นอะไรอาการก็จะดีขึ้น

จากนั้นในวันที่ 18 พฤษภาคม ที่ผ่านมา เวลาประมาณ17.00น. ตนก็ได้พาสมควรไปฉีดยาที่คลินิกหมอยง เมื่อฉีดยาเสร็จระหว่างพาสมควรกลับบ้านก็มีอาการเหงื่อออกเป็นจำนวนมากแต่สมควรก็บอกว่าไม่เป็นไรยาน่าจะแรงเมื่อถึงบ้านสมควรจะนอนทั้งคืนตนก็คิดว่าเป็นเพราะฤทธิ์ยาทำให้อ่อนเพลีย และในวันที่ 19 พฤษภาคม ในช่วงเช้าเวลาประมาณ 6.00 น. สมควรก็ตื่นแล้วลุกขึ้นไปหาน้ำดื่มเองได้และคุยกับตนลักษณะเหมือนอาการดีขึ้นมาก ซึ่งตนก็ยังดีใจและมองว่าเป็นเพราะยาที่หมอยงฉีดให้จึงทำให้สมควรอาการดีขึ้น แต่สมควร ก็ได้บ่นกับตนว่าเมื่อคืนทั้งคืนปัสสาวะไม่ออกเลยและต้นก็สังเกตว่าสมควรมีอาการท้องบวม หลังจากนั้นได้แค่เพียง 15 นาทีสมควรจะมีอาการกระวนกระวาย และพูดไม่มีเสียงลงเรื่อยเรื่อยลักษณะเหมือนหอบเหนื่อยจากนั้นก็ไม่สามารถลุกขึ้นได้และคอก็พับลงไปในที่สุด ตนจึงรีบนำส่งโรงพยาบาลแต่เมื่อถึงโรงพยาบาลแพทย์ได้บอกว่าคุณสมควรเสียชีวิตก่อนที่จะถึงโรงพยาบาลทางแพทย์จึงไม่สามารถช่วยได้

จากนั้นทางแพทย์ของโรงพยาบาลได้แจ้งว่าน่าจะเกิดจากอาการแพ้ยาและให้ตอนส่งร่างคุณสมควรผ่าชันสูตร แต่ตนไม่อยากให้ทำการผ่าร่างของภรรยาจึงแจ้งไปว่าไม่ติดใจในสาเหตุการเสียชีวิต แต่ได้ทำการฌาปนกิจไปในวันที่ 22 พฤษภาคม แต่ตนมั่นใจว่าเป็นเพราะยาที่หมอยงได้ฉีดมาให้เพราะตนมีเพื่อนเป็นแพทย์ที่โรงพยาบาลอ่างทองโดยเมื่อตอนเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนฟังทางเพื่อนที่เป็นแพทย์ได้บอกกับตนว่ายาตัวนี้น่าจะแรงมากและลักษณะอาการที่ได้เล่ามามีลักษณะเหมือนอาการไตวายเฉียบพลัน และน่าจะเป็นจากยาที่ฉีดมาเพราะไตไม่สามารถระบายยาได้ทันและมีผลทำให้หัวใจวายตามมา เป็นเหตุให้เสียชีวิต ซึ่งตนอยากให้กรณีนี้ที่เกิดขึ้นกับภรรยาของตนเป็นกรณีสุดท้ายไม่อยากให้ใครต้องมาเสียชีวิตอีกหรือแพ้ยาแบบนี้อีก ส่วนเรื่องความรู้สึกตอนนี้ก็ยังทำใจไม่ได้เพราะมันกระทันหันเกินไป ส่วนจะวอนให้หน่วยงานไหนช่วยก็คงไม่มีและคงทำอะไรเขาไม่ได้ต้นก็รู้สึกสิ้นหวังเช่นกัน

สาวแฉคลินิกหมอดังฉีดยาผิดโรคทำเกือบตาย เหยื่อโผล่อีกพาเมียรักษาข้ามวันตาย