แม่ร้อง ปวีณา ลูกสาวตายปริศนาหลังแพทย์พบสารปรอท สังกะสี และสารหนูในร่างกาย จี้ตำรวจสืบสวนหาความจริง ว่าเป็นฝีมือลูกเขย วางยา ตามที่สงสัยหรือไม่

 

เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 4 กรกฎาคม 66 นางปวีณา หงสสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรีพานางจี อายุ 50 ปี เดินทางมายัง สภ.เมืองชุมพร เพื่อพบกับ พล.ต.ต.จารุต ศรุตยาพร ผบก.ภ.จว.ชุมพร เพื่อให้ข้อมูลปากคำอันเป็นประโยชน์กับรูปคดี ตามข้อสงสัยและตั้งข้อสังเกต จากกรณีที่ น.ส.เก๋ อายุ 30 ปี ลูกสาว ซึ่งเสียชีวิตปริศนาหลังแพทย์ตรวจพบสารปรอท สังกะสี และสารหนูในร่างกาย และคาดว่ามีเงื่อนงำอาจเกิดจากการถูกวางยา จึงมีความประสงค์ให้ทางเจ้าหน้าที่ได้อายัดศพไว้เพื่อตรวจสอบสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง โดยมี พ.ต.อ.ประสิทธิ์ศักดิ์ ศรีสุข รอง ผบก.ภ.จว.ชุมพร พ.ต.อ.เทเวศร์ ปลื้มสุทธิ์ ผกก.สภ.เมืองชุมพร พ.ต.อ.ธานี นาคหกวิค ผกก.สืบสวน ภ.จว.ชุมพรและพนักงานสอบสวน สภ.เมืองชุมพร ร่วมสอบ ปากคำ

 

โดย นางจี ผู้เป็นแม่เล่าว่า เมื่อ วันที่ 24 มิ.ย.66 ที่ผ่านมา ตนได้รับโทรศัพท์จากโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในจ.ชุมพร แจ้งว่า ลูกสาวเข้ารับการรับการรักษาอาการป่วยตั้งแต่วันที่ 12 มิ.ย. เพราะมีอาการชักเกร็ง บางครั้งอาการก็ดีขึ้น บางครั้งหัวใจก็ทำงานผิดปกติ แพทย์ตรวจพบสารปรอท สังกะสี และสารหนูในร่างกาย โดยมี นายบี นามสมมุติ สามีของลูกสาวเฝ้าดูแลอยู่ตลอดเวลา ซึ่งนายบีให้ข้อมูลกับทางโรงพยาบาลว่า ภรรยาและครอบครัวภรรยามักจะกินสารปรอทเพราะมีความเชื่อว่าป้องกันโรคมะเร็งได้ ต่อมาลูกสาวได้ให้ข้อมูลกับทางโรงพยาบาลว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง ไม่เคยหาสารปรอทมากินเอง ซึ่งแม่และญาติก็ไม่มีใครเคยกินสารปรอท

 

นอกจากนี้ลูกสาวยังขอให้ทางโรงพยาบาลช่วยติดต่อแม่ อยากเจอแม่มาก เพราะอาการของลูกสาวไม่สู้ดี จากนั้นวันที่ 25 มิ.ย. แพทย์ได้ส่งตัวลูกสาวไปรักษาต่อที่รพ.ชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ โดยเข้าอยู่ในห้องไอซียู แม่จึงรีบเดินทางไปเยี่ยมลูกที่โรงพยาบาลทันที เมื่อไปถึงเห็นสภาพลูกแม่ใจแทบสลาย เพราะนอนลืมตาแต่ไม่สามารถพูดอะไรได้

 

แม่กล่าวอีกว่า เมื่อ 7 ปีก่อน นายบีได้พาลูกสาวหนีไปจดทะเบียนสมรสอยู่กินกันและมีลูกด้วยกัน 2 คน ส่วนแม่กับลูกสาวก็ห่างกันไป โดยปัจจุบันนายบี มีหุ้นส่วนอยู่ในบริษัทเคมิคอลแห่งหนึ่ง อยู่ในวงการเครื่องมือแพทย์ อุปกรณ์การแพทย์ และสารเคมี แม่เพิ่งมาทราบว่าเมื่อปี 65 ลูกสาวสืบทราบว่านายบีมีหญิงอื่น  และได้มีการฟ้องชู้ ต่อมานายบีขอเจรจาขอจ่ายเงินจำนวนหนึ่งให้ และฝ่ายหญิงได้ไปถอนฟ้อง ซึ่งที่ผ่านมาทั้งสองก็ยังอยู่ด้วยกัน ลูกสาวจะอยู่แต่บ้านไม่ออกไปไหน กินข้าวกินอาหารที่บ้านกับสามีตลอด

 

หลังจากมีเรื่องฟ้องร้องกันตั้งแต่ปี 65 ลูกสาวก็ไม่สบายเรื่อยมา ซึ่งก่อนหน้านี้แพทย์ได้เคยมีการตรวจพบสารปรอท สังกะสี และสารหนูในร่างกายลูกสาวมาก่อน และนายบีได้ส่งเลือดไปตรวจที่โรงพยาบาลรัฐขนาดใหญ่เพื่อยืนยันและอ้างว่าฝ่ายหญิงและครอบครัวกินสารปรอทป้องกันมะเร็งทั้งที่ไม่เป็นความจริง แม่สงสัยว่าสารอันตรายเหล่านี้เข้าไปอยู่ในร่างกายลูกสาวได้อย่างไร ซึ่งได้แจ้งความไว้ที่สภ.เมืองชุมพร ขอให้มูลนิธิปวีณาฯ ช่วยตรวจสอบให้ความเป็นธรรม และขออายัดศพไว้เพื่อตรวจสอบสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง

 

ผู้สื่อข่าวได้มีโอกาสพูดคุยกับนายบี อายุ 38 ปี อยู่ ซึ่งเป็นสามีผู้ตาย ซึ่งได้เดินทางมาให้ปากคำกับทางตำรวจเพิ่มเติม พร้อมเปิดใจให้สัมภาษณ์ ว่า ในความรู้สึกของตน คิดว่าไม่ให้ประเด็นเรื่องสารในร่างกายหรอก แต่เชื่อว่าทางฝั่งภรรยา คิดว่า เงินประกันของลูกสาวตนเอง ที่ทำไว้ น่าจะมีวงเงินสูง ในความคิดเขาคาดว่า จะมีเงินประมาณ 30 ล้านบาท แต่ในความจริงนั้นมีเพียง 1.5 แสนบาทและผู้ที่ได้รับผลประโยชน์ก็คือลูกชาย เพียงคนเดียวที่ระบุในกรมธรรม์ ซึ่งทางแม่ของภรรยา นั้นไม่มีอาชีพและไม่ทำอะไรเลย เชื่อคาดหวังตรงนี้มาก

 

นายบีกล่าวต่อว่า ตนเองก็เคยบอกกับทางฝั่งพ่อแม่ภรรยาหลายครั้ง และทุกครั้งที่ตนเองดูแลรักษาภรรยานั้น มีเอกสารหลักฐานที่ได้ทุกอย่างระหว่างตนกับทาง รพ.รามา ซึ่งล่าสุดเมื่อเช้าตนเองก็ได้สอบถามทาง รพ.รามา ถึงสารพิษในร่างกายนั้น ก็ได้คำตอบว่าไม่พบในกระเพาะ แต่พบในเลือดและในปอด ซึ่งไม่ผ่านจากการกิน แต่มาจากการสูดดมหรือมาจากการฉีดมากกว่า และทั้งนี้ตนเองก็พยายามดูแลรักษาภรรยาอย่างเต็มทีเพื่อให้เขาดีขึ้นได้ทุกๆวันแม้จะต้องดูแลเพียงคนเดียวก็ตาม และเมื่อมาเจอคำว่าวางยาภรรยา ตนเองรู้สึกเสียใจมาก เพราะที่ทำลงไปนั้นตนเองพยายามทำให้ดีที่สุดให้ใกล้พยาบาลมากที่ตลอดการรักษา และให้หลีกเลี่ยงเสี่ยงที่จะได้รับสิ่งปนเปื้อนอื่นใดอย่างดี แม้จะต้องเสียเงินเท่าไรก็จะหามาเพื่อรักษาภรรยาให้หาย

 

นายบีกล่าวต่ออีกว่า เดิมที่ที่เข้ารักษานั้น ทางหมดวินิจฉัยว่า ภรรยา เป็นโรคกระดูกสันหลังฝ่อ มีอาการตัวสั่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ และอีกทั้งภรรยา นั้นยังมีโรคเกี่ยวกับจิตเวชอีกด้วย ซึ่งตนเองพยายามพาไปรักษาและดูแลอย่างใกล้ชิด ซึ่งบางครั้งตนเองก็ได้รับทราบว่า ภรรยา ได้หยิบสิ่งของที่ไม่ใช่ของกิน เก็บขึ้นมากินอยู่บ่อยครั้ง อาทิ ยากันยุง ไส้ดินสอ แม้ขยะในถังขยะก็มี ซึ่งนี้เป็นคำกล่าวอ้างจากพยาบาลที่ดูแลภรรยา บอกตน 

แม่ขอรื้อคดีเจอสารปรอทในร่างลูกสาว ผัวโต้ฮุบ 30 ล้าน แฉกลับชอบกินยากันยุง