จากกรณี มีการหายตัวไปของทั้ง 5 คน ที่เป็นเครือญาติกัน คือนางอุษา ปานรอด อายุ 43 ปี  , น.ส.ชนนิกานต์ โตชะนก หรือ บีม อายุ 22 ปี , น.ส.ญาสุมินร์ โจมฤทธิ์ หรือ รุ้ง  อายุ 22 ปี , ด.ช.พรพิพัฒน์ ปานรอด หรือ ฟอร์ด อายุ 13 ปี และด.ญ. ศิรประภา รุจิตร หรือ ฟ้าใส อายุ 13 ปี โดยทั้ง 5 คน หายออกจากบ้านไปพร้อมกับ นายลมกรด แสงสว่าง หรือ แบงก์ อายุ 36 ปี ชาวจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นแฟนหนุ่มของ น.ส.ชนนิกานต์ นั้น

วันนี้ที่โรงพักมีการเชิญตัวทั้ง 5 คนมาสอบปากคำโดยละเอียดเพิ่มเติม ว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สภ.ท่าศาลา นานถึง 7 ชั่วโมง นางอุสา ปานรอด ผู้เสียหายเปิดใจกับทีมข่าวว่า เหตุผลที่เดินทางขึ้นรถตู้ไปที่จังหวัดเชียงใหม่กับนายแบงค์ เพราะนายแบงค์บอกว่าจะพาไปพบญาติที่เชียงใหม่ จะมีการพูดคุยกันถึงเรื่องที่จะแต่งงานกับลูกสาวพร้อมกับจะให้เงินเป็นจำนวน 5 ล้านบาทเป็นสินสอดทองมั่น พร้อมกับบอกว่าจะให้ทุนการศึกษากับลูกสาวและหลานๆด้วย และบอกว่าจะพามาส่งที่บ้านก่อนวันที่ 15 พฤษภาคม ในช่วงแรกที่มีการออกเดินทางยอมรับว่าตอนนั้นคิดว่าเป็นการเดินทางไปท่องเที่ยว เมื่อเดินทางออกจากจังหวัดนครศรีธรรมมราชนายแบงค์ได้พาครอบครัวเดินทางไปที่เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี หลังจากนั้นจะไป-กลับ กรุงเทพมหานครบ่อยครั้งโดยนายแบงค์อ้างว่าจะต้องไปทำงาน นับตั้งแต่วันที่ออกจากบ้านไปนายแบงค์จะถือเงินเอาไว้ทั้งหมด ได้แก่เงินที่ไปยืมตาแก้วมา 105,000 บาท เงินที่เอารถกระบะไปเข้าไฟแนนซ์ 145,000 บาทในเต็นท์ที่กรุงเทพแถวดอนเมืองชื่อว่า เต็นท์รถแชมป์ดอนเมือง และรถจักรยานยนต์ 2คันที่เอาไปจำนำรวมกัน 50,000 บาท เงินในจำนวนนี้ที่นายแบงค์เอาไปนายแบงค์อ้างกับเธอว่าจะให้เงินคืนมาเป็นจำนวน 800,000 บาท แต่เมื่อน้องบีมไปกดเงินกลับพบว่าบัญชีถูกระงับ ยอมรับว่าขณะที่อยู่กับนายแบงค์บางครั้งก็ได้กินดี บางครั้งก็ต้องอดมื้อกินมื้อ บางวันก็ต้องต้มมาม่ากินหม้อเดียวกัน5คน ส่วนที่พักบางครั้งก็ได้นอนที่โรงแรมบางครั้งก็ต้องนอนในรถตู้ บางวันก็ไม่ได้อาบน้ำ ส่วนโทรศัพท์มือถือนายแบงค์ยึดเอาไว้ทุกคนพร้อมกับให้เหตุผลว่าต้องเอาไปใช้ทำงาน ยอมรับว่าช่วงแรกไม่เอะใจคิดว่านายแบงค์จะพาไปเจอญาติและพาไปท่องเที่ยว เมื่อเวลาล่วงเลยผ่านไปกว่าหนึ่งเดือนเริ่มเอะใจ เธอเริ่มถามนายแบงค์ทุกวันแล้วว่าเมื่อไหร่จะได้กลับบ้าน โดยนายแบงค์จะออกอุบายอ้างว่าติดธุระต้องทำงานให้เสร็จก่อนแล้วจะพาทุกคนกลับบ้านพร้อมกันและนายแบงค์จะเดินทางกลับมาอยู่ด้วย เรื่องการดูโทรทัศน์ติดตามข่าวสารจะได้ดูแต่เพียงรายการทีวีบันเทิงเท่านั้น ไม่ได้ดูข่าวเลยส่วนโทรศัพท์มือถือนายแบงค์ก็บังคับทุกคนไม่ให้เล่นสื่อโซเชียลทุกชนิด ในระหว่างการเดินทางที่ได้แบงค์อ้างว่าจะพาไปพบญาติหรือไปทำงานนั้น นายแบงค์จะให้เธอและหลานอีก 3คนอยู่บนรถ ส่วนน้องบีมนายแบงค์จะพาลงรถไปด้วยและไม่ให้น้องบีมห่างตัว ยอมรับว่าที่ผ่านมาเคยคิดจะหนีและพาลูกและหลานกลับบ้าน แต่ไม่มีโอกาสเพราะน้องแบงค์ไม่เคย เปิดโอกาสให้น้องบีมห่างตัวเลย

นางอุสายังเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่าก่อนหน้านี้ที่ได้มีการพูดคุยกับบิ๊กโจ๊ก ที่จังหวัดนนทบุรี ตอนนั้นที่ยังไม่พูดความจริงออกมาเพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของลูกสาวและหลานกลัวว่าจะกลับไม่ถึงบ้านเพราะนายแบงค์พูดกับเธอตลอด 2เดือนที่อยู่ด้วยกันว่ารู้จักคนใหญ่คนโตเป็นเสธ เป็นตำรวจนายใหญ่ หากพูดความจริงออกไปวันนั้นกลัวว่าครอบครัวจะไม่ปลอดภัย ซึ่งตอนนี้เธอเชื่อแล้วว่าถูกนายแบงค์หลอกมาโดยตลอด เพราะหลังจากที่เป็นข่าวและเริ่มมีคนออกตามหานายแบงค์ก็หายตัวไปทันที และไม่มีการบอกกล่าวใดๆ ส่วนเงินนายแบงค์เอาไปทั้งหมดวันที่ได้กลับบ้านทั้ง 5คนไม่มีเงินติดตัวสักบาท ยอมรับว่าที่ผ่านมาที่หลงเชื่อนายแบงค์เพราะเป็นคนพูดจาดีมีเหตุผลรองรับทำให้หลงเชื่อและคิดว่ารักลูกสาวจริงๆจึงยอมให้เงินไปช่วยเหลือเพราะนายแบงค์อ้างว่าธุรกิจมีปัญหาบัญชีธนาคารถูกระงับ ส่วนเรื่องที่นายแบงค์เคยมีเมียมาแล้ว 4คนนั้นเธอเองไม่เคยรู้มาก่อนเลย หลังจากนี้เธอยืนยันว่าจะเอาเรื่องดำเนินคดีกับนายแบงค์ให้ถึงที่สุด เพราะไม่อยากให้ไปทำแบบนี้กับคนอื่นอีก ซึ่งเธออยากจะขอโทษสังคมที่ทำให้ทุกคนเดือดร้อนเป็นห่วงที่ผ่านมาเป็นเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์เพราะความเป็นคนบ้านนอกจึงไม่รู้เท่าทันกลลวงของนายแบงค์ ลมกรด ยอมรับว่าโง่เอง

ส่วน น.ส.ชนนิกานต์ อายุ 22 ปี หรือบีมลูกสาวของนางอุษา เปิดเผยว่า ส่วนตัวยอมรับว่ารู้จักกับนายแบงค์ ในสถานบันเทิงจริง ซึ่งวันแรกที่เจอกัน นายแบงค์ เข้ามาในรูปแบบลูกค้าที่แสดงตัวเป็นป๋า ใช้เงินแจกติ๊บเด็กๆในร้าน และพยายามจะขอเลี้ยงดู ให้เงินเป็นรายเดือน พร้อมทั้งออกอุบาย ยืนข้อเสนอว่าจะใช้หนี้กองทุน กยศ. กระทั่งตนเองตัดสินใจแลกเบอร์โทรกันเอาไว้

จากนั้นหลังที่ได้ติดต่อกันมากขึ้น นายแบงค์ ก็เริ่มขอเข้าไปคุยกับทางครอบครัว และมีการไปมาหาสู่กันในลักษณะคบหากันเป็นแฟน กระทั่งนายแบงค์ เริ่มขอให้แม่ คือนางอุษา หาเงินมาร่วมลงทุน จากนั้นในวันที่ 22 เมษายน ก็ได้เดินทางไปเที่ยว แต่ไม่เคยรู้จุดหมายว่านายแบงค์ จะพาไปที่ไหนบ้าง ที่สำคัญตั้งแต่ออกจากบ้าน นายแบงค์ ไม่ให้ใครพกเงินติดตัวแม้แต่บาทเดียว

ซึ่งวันแรกที่ออกจากบ้าน จำได้ว่านายแบงค์ พามุ่งหน้าไปที่จังหวัดชลบุรี พอกลับจากชลบุรี ก็ได้พาเข้าไปในกรุงเทพฯ ไปๆมาๆ กรุงเทพ - ชลบุรี ประมาณ 1 เดือนเต็ม โดยอ้างว่าพาไปพบกับคนทำธุรกิจร่วมกัน กระทั่งนายแบงค์ ก็เริ่มออกอุบาย ขอยืมโทรศัพท์ทีละคนไปขาย

 

ซึ่งยืนยันว่า ไม่เคยได้เที่ยวตามที่เป็นข่าว เนื่องจากนายแบงค์ ไม่ให้ใครลงจากรถ กระทั่งตนเองก็เริ่มเอะใจ จึงมีการถามว่าจุดหมายปลายทางคือที่ไหน พาทุกคนมาทำอะไรกันแน่ แต่ปรากฏว่า ยิ่งพูดยิ่งถาม นายแบงค์ ก็ยิ่งโกรธ ด่าเสียๆหายๆด้วยคำพูดที่หยาบคาย ทั้งยังเคยจิกหัวลากเข้าไปในห้องน้ำ ขู่เอาน้ำร้อนราดถ้าหากไม่หยุดพูด แล้วก็สั่งให้อยู่เงียบๆ ไม่ต้องพูดไม่ต้องออกความเห็นอะไรทั้งนั้น เพราะเขาเป็นผู้ใหญ่ มีเพื่อนเป็นระดับเสธ เป็นระดับนายตำรวจยศใหญ่ ทุกตารางนิ้วในกรุงเทพฯ ตำรวจทุกโรงพักต้องฟังเขา จึงไม่มีใครกล้าที่จะหนี เพราะคิดว่ายังไงก็หนีไม่รอดเสียใจมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น ยอมรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนเองเป็นต้นเรื่องที่ทำให้ครอบครัวลำบากและทำให้เจ้าหน้าที่ทุกคนต้องวุ่นวาย

 

ด้าน น.ส.ญาสุมินร์ อายุ 22 ปี หรือรุ้ง ยอมรับว่า เต็มใจไปกับเพื่อนเพราะเพื่อนชวนไปเที่ยว ส่วนเรื่องที่เคยทักไปยืมเงิน 30 บาทและโทรไปขอยืมเงิน 200 บาท เพื่อเอาไปเติมน้ำมัน นายแบงค์ เป็นคนสั่งให้ทำ โดยอ้างว่า ถ้าหาเงินไม่ได้ทุกคนจะไม่ได้กลับบ้าน

 

ส่วนประเด็นเรื่องคลิปวงจรปิดในปั้มน้ำมัน ที่เห็นถือโทรศัพท์ จริงๆแล้วไม่ใช่โทรศัพท์ของตนเอง แต่เป็นโทรศัพท์ของนักท่องเที่ยวที่ตนเองกับน้องฟ้าใส เข้าไปเจอในห้องน้ำแล้วก็ถือออกมาคืนให้กับนักท่องเที่ยว

 

ยืนยันที่ไม่ได้ติดต่อกับไปทางบ้าน เป็นเพราะว่าถูกนายแบงค์ บังคับไม่ให้บอกพิกัดกับใคร ซึ่งวันที่โทรศัพท์ไปหาป้า ว่าวันที่ 10 จะกละบ้าน เป็นวันที่นายแบงค์ ลืมโทรศัพท์เอาไว้ในห้อง และที่ไม่กล้าบอกกับป้าว่าอยู่ลำบาก เป็นเพราะว่านายแบงค์ เคยพูดเอาไว้ว่ามีเครื่องดักฟังสัญญาณโทรศัพท์

 

เส้นทางที่ “แบงค์ ลมกรด” ใช้หลบหนี

เริ่มจากที่ลาดพร้าว 130 หลังจากนั้นรถเชฟโรเล็ตก็ได้ขับไปส่งตัวนายแบงค์ที่ตลาดมีนบุรีช่วง 21.48 ของวันที่ 29 มิถุนายน หลังจากนั้นไปส่งผู้หญิงเสื้อแดงที่เมืองทองธานีวันที่ 30 มิ.ย. เวลา 13.00 น. และหลังจากนั้นรถก็ไปปรากฏที่วัดช่องลม และทิ้ง 5 ชีวิตไว้ จนกระทั่งบิ๊กโจ๊กเข้าไปช่วยเหลือ

 

ล่าสุดทีมข่าวช่อง 8 ได้ข้อมูลที่อยู่อาศัยของหญิงสาวเสื้อแดงญาติของนายแบงค์แล้ว ซึ่งมีข้อมูลว่าเธอนั้นมีที่พักอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านหรูแห่งหนึ่ง จังหวัดชลบุรี ทีมข่าวจึงเดินทางเข้าไปที่หมู่บ้านดังกล่าว เมื่อทีมข่าวไปถึงพบว่า บ้านหลังนี้เป็นบ้านหรูชั้นเดียว แต่จากการสอบถามเจ้าของบ้าน ให้ข้อมูลว่า ตนเองเพิ่งเข้ามาพักอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้ไม่ถึง 1 เดือน โดยติดต่อผ่านทางเอเจนซี่ โดยไม่รู้จักเจ้าของบ้านคนเดิมเลย แต่พอทราบมาว่า บ้านหลังนี้ ไม่มีคนอยู่มานานแล้วและเพิ่งจะรีโนเวทบ้านเสร็จ ทีมข่าวได้เปิดรูปหน้าของสาวชุดแดงให้ดู และบอกชื่อ โดยเจ้าของบ้านยืนยันว่า ไม่เคยรู้จัก หรือ เคยเห็นหน้าผู้หญิงคนนี้เลย

 

กระทั่งต่อมาทางญาติได้ข้อสรุปร่วมกันในเบื้องต้นว่า จะไม่มีการถอนแจ้งความเกี่ยวกับหมายจับของนายแบงค์ ลมกรด เนื่องจาก ตามข้อมูลการสอบปากคำทั้ง 5 คน ให้การตรงกันว่าระหว่างที่เดินทางไปใช้ชีวิตอยู่กับนายแบงค์ ลมกรด ทุกคนถูกนายแบงค์ ข่มขู่  ทำให้ในวันที่ตำรวจไปพบตัวที่ท่าน้ำวัดช่องลม จึงให้การกับบิ๊กโจ๊กต่อหน้าสื่อไปว่า ไม่ได้ถูกอุ้มแต่เป็นการพาครอบครัวไปเที่ยว  ซึ่งนางอุษา และน้องบีม ชี้แจงกับตำรวจว่า เหตุผลที่ยังกลับไม่ได้ เป็นเพราะว่า นายแบงค์ รับปากจะคืนเงินให้ทั้งหมด และจะให้เงินก้อนใหญ่ไปตั้งตัว แต่ให้รอ จึงเดินทางไปกับนายแบงค์ เรื่อยๆ ซึ่งวันนี้หากสอบปากคำเสร็จ จะออกมาชี้แจงกับสังคมอย่างละเอียดอีกครั้ง และทางญาติก็ยืนยันจะดำเนินคดีกับ นายแบงค์ ลมกรด ให้ถึงที่สุด  ส่วน นางเกษร เป็นป้าของ น.ส.ญาสุมินร์ หรือน้องรุ้ง ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของ น.ส.ชนนิกานต์(บีม) ก็ยืนยันจะไม่เอาผิดนางอุษา แต่จะดำเนินคดีกับนายแบงค์ ลมกรด เช่นเดียวกัน

 

ต่อมาทีมข่าวได้คุยกับคุณมุกแฟนของคุณนวพล (คนขับรถ) เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า ตนได้มีโอกาสคุยกับพี่พล เหตุการณ์นี้ก่อนที่จะมีการมอบตัว ช่วงกลางวันพี่นวพลเอาข่าวให้แบงค์ดู แล้วแบงค์ก็หัวเราะออกมา หลังจากนั้นนายแบงค์ก็บอกกับพี่นวพลว่าไม่มีอะไร และใช้ชีวิตปกติ แต่ส่วนตัวคุณมุกเชื่อว่านายแบงค์จะเห็นข่าวตัวเองและน่าจะรู้แล้วว่า คนในรถรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว และตัดสินใจวางแผนชิ่งหนี หลังจากนั้นตอนกลางคือนนายแบงค์ให้นวพลพาไปตลาดมีนบุรี หลังจากนั้นก็หายไปเลย จึงทำให้พี่นวพลตัดสินใจเข้ามอบตัว

ลากไส้แฉ "แบงค์ ลมกรด" ขายฝันสูบเงินเหยื่อหลักแสนตอบแทนสินสอด 5 ล้าน ก่อนเห็นข่าวชิ่งหนี