ชาวบ้านสุดทนพฤติกรรมตำรวจวัยเกษียณ ยึดช่องทางกลับรถหมู่บ้าน สร้างหลังคาจอดรถส่วนตัว ใครท้วงหรือเด็กเข้าไปวิ่งเล่นถูกขู่ยิง จนประกาศขายบ้านแล้ว 5 หลัง

วันที่ 2 ก.ค. 2566 ชาวบ้านในหมู่บ้านนฤมิตร ม.5 ต.วังตะเคียน อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา พากันขึ้นป้ายประกาศขายบ้านแล้วกว่า 5 หลังคาเรือน โดยประชาชนภายในหมู่บ้านกว่า 50 คน ได้รับผลกระทบจากการข่มขู่ระรานของตำรวจวัยเกษียณอายุราชการ สภ.เมืองฉะเชิงเทรา จากปัญหาการุกล้ำทำที่จอดรถถาวร ตรงจุดกลับรถสาธารณะของหมู่บ้าน เมื่อมีประชาชนเพื่อนบ้านไปทักท้วง หรือเด็กภายในหมู่บ้านเข้าไปวิ่งเล่นบริเวณดังกล่าว ก็จะถูกอดีตตำรวจรายนี้ชักปืนข่มขู่ หนำซ้ำเมื่อมีรถพยาบาลเข้ามารับผู้ป่วยวิกฤกต ไม่สามารถกลับรถออกไปได้ ต้องให้ชาวบ้านซึ่งเป็นผู้หญิง เดินไปขอร้องให้ช่วยขยับรถเปิดทาง เป็นความทุกข์ร้อนของชาวบ้านมานานกว่า 3-4 ปี ไปร้องทุกข์หน่วยงานทั้ง อบต. ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดฉะเชิงเทรา และ สภ.เมืองฉะเชิงเทราแล้ว แต่ก็ไม่ได้รับการแก้ไข ทำให้เพื่อนบ้านในบริเวณนั้นกว่า 10 หลังคาเรือน แอบถ่ายคลิปภาพในเหตุการณ์ต่างๆ นำมาร้องสื่อมวลชน ให้ช่วยหาหนทางแก้ไขให้ชาวบ้าน

ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่หมู่บ้านดังกล่าว พบว่ามีทางเข้าออกเป็นถนนสวนกันเพียง 2 เลน บริเวณช่วงท้ายหมู้บ้านพบประชาชน ยืนรอให้ข้อมูลผู้สื่อข่าว ทั้งเด็ก คนแก่ ผู้หญิง และประชาชนที่ได้รับผลกระทบจำนวนหลายสิบคน

จากการตรวจสอบเบื้องต้น บริเวณที่เคยเป็นที่กลับรถของหมู่บ้าน มีการทำหลังคาเหล็กถาวร ทำทางขึ้นลงที่จอดรถอย่างชัดเจน ซึ่งมีป้ายจาก อบต.วังตะเคียน เจ้าของพื้นที่ มาติดประกาศไว้ว่าเป็นพื้นที่สาธารณะ แต่ก็ไม่ได้มีการบังคับใช้อย่างจริงจัง โดยที่จอดรถดังกล่าวอยู่ติดกับบ้านของอดีตตำรวจที่เกษียณอายุราชการ สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ซึ่งประชาชนในละแวกนั้น จำนวน 5 หลังคาเรือน ได้เริ่มติดป้ายประกาศขายบ้านแล้ว เพราะไม่มีหน่วยงานไหนเข้ามาช่วยเหลือได้

นางมยุรา อายุ 43 ปี เจ้าของบ้านที่ประกาศขาย เปิดเผยว่า ตนเองอยู่ด้วยความลำบากและความเสี่ยง เด็กไปวิ่งเล่นเวลาที่อดีตตำรวจรายดังกล่าวเมาก็มักจะขู่ยิงเด็ก อีกทั้งยังลำบากในเรื่องของการกลับรถ คนเจ็บคนป่วยก็ไม่สามารถออกได้ ดึกดื่นต้องให้ผู้หญิงไปเรียกเพื่อเปิดทางให้รถพยาบาลกลับรถ แต่ดาบตำรวจรายนี้บอกให้รอแป๊บนึง

ด.ช.โน้ต นามสมมุติ อายุ 13 ปี เปิดเผยว่า ตนเองและเพื่อนๆ ได้วิ่งเล่นและมาเด็ดหญ้าตรงจุดที่กลับรถหมู่บ้าน ถูกอดีตตำรวจพูดว่า “มึงเข้ามาทำเหี้ยอะไรกัน เดี๋ยวกูยิงแม่งตายหมดเลย” เมื่อได้ยินดังนั้นด้วยความกลัวจึงวิ่งหนีออกมา ตนเองเห็นชัดๆว่า เขาหยิบปืนออกมาจากบริเวณคอนโซลหน้ารถยนต์ที่จอดไว้ ในที่จอดรถที่เขาทำไว้

นางสาวโสวลี อายุ 38 ปี ชาวบ้านที่เดือดร้อน เปิดเผยว่า เวลาตำรวจรายนี้เมา มักได้ยินเสียงปืนยิงภายในโดมจอดรถของเขา ตอนแรกตนเองคิดว่าเป็นหม้อแปลงระเบิด แต่กลับไม่ใช่เพราะไฟในหมู่บ้านไม่ดับ พอมองไปในโดมก็เห็นเขาเปิดเพลง ร้องเพลงอย่างสบายใจ และเมื่อมีการกระทบกระทั่งกันกับเพื่อนบ้าน อดีตตำรวจรายนี้มักจะพูดจาเหยียดหยามชาวบ้าน ประมาณว่ามึงเป็นใคร ทำงานอะไร มีอำนาจอะไร กูนี่มีอำนาจ มึงอย่ามาท้าทายอำนาจกู ซึ่งมองว่าพวกตนเป็นชาวบ้านไม่สามารถทำอะไรเขาได้ พวกตนต้องทนกับเรื่องปัญหาทางกลับรถ และข่มขู่มานานหลายปี ทุกครั้งดาบตำรวจจะอ้างว่าตนเองเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ทำอะไรเขาไม่ได้ ตลอดระยะเวลา 3-4 ปีทีผ่านมา พวกตนไม่สามารถเข้าไปกลับรถได้ เนื่องจากเขาจะจอดรถเรียงกันอยู่ จำนวน 3 คัน บางครั้งหากมีรถจอดอยู่ไม่ครบ 3 คัน พวกตนเห็นเป็นที่ว่างที่สามารถพอจะกลับรถได้ พอเขาได้ยินเสียงหินที่ล้อรถเหยียบ เขาก็จะตะโกนด่าในบ้านออกมาอย่างหยาบคายว่าจะมากลับรถตรงนี้ทำไม ทั้งๆ ที่กลับรถตรงนี้เป็นที่สาธารณะอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของ อบต.วังตะเคียน

และที่หนักสุดอีกหนึ่งเรื่อง เมื่อบ้านท้ายซอยมีคุณลุงที่ป่วยเป็นมะเร็งปอด เรียกรถพยาบาลเข้ามารับ แต่ก็ไม่สามารถกลับรถตรงจุดนี้ได้ เพราะรถของบ้านดาบตำรวจรายนี้จอดเต็มไปหมด ทำให้ลูกสาวของคุณลุงต้องมาขอร้องให้ขยับรถ เพื่อให้รถพยาบาลสามารถกลับรถได้ เร่งนำผู้ป่วยไปโรงพยาบาล แต่ได้รับคำตอบจากดาบตำรวจรายนี้ว่าให้รอก่อน ตนเองและชาวบ้านในบริเวณนี้แทบทุกหลัง มีปัญหากับบ้านของตำรวจรายนี้เป็นประจำ พวกตนเองทำหนังสือร้องไปที่ อบต.วังตะเคียน ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดฉะเชิงเทรา หรือแม้แต่ไปแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองฉะเชิงเทราแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข

เมื่อสอบถามไปก็ได้รับคำตอบกลับมาว่า กำลังดำเนินการให้รอก่อน ซึ่งก็มีข้าราชการที่คาดว่าเป็นพวกของดาบตำรวจ ตนเองไม่ขอเอ่ยชื่อ บอกว่าให้พวกตนทนเอาหน่อยได้ไหม ตนเองอยากขอร้องให้ผู้มีอำนาจเข้ามาดูหน่อย ไม่อยากให้รอไปถึงจนเป็นข่าวว่า มีตำรวจกราดยิงชาวบ้าน ไม่อยากให้รอถึงขนาดนั้น