บีบใจเด็ก 6 ขวบคุยกับศพแม่ ถามสื่อ "จะฟื้นไหม" ช็อกแม่-พ่อยิงกัน ปมหนี้สิน

จากกรณี ดาบตำรวจวัย 51 ปี ชักปืนสั้นยิงเมียเด็กวัย 33 ปี ดับคาที่เตียงนอน เหตุทะเลาะกันเรื่องเปิดทีวีต่อหน้าลูกชายวัย 6 ขวบ เด็กตกใจวิ่งออกจากห้องไปบอกตำรวจข้างห้องว่าพ่อยิงแม่ จากนั้นใช้อาวุธปืนยิงตัวตายแต่กระสุนเฉียดปลายคิ้วทำให้บาดเจ็บสาหัส

ที่เกิดเหตุคือแฟลตตำรวจหลัง สภ.นาหินลาด จ.นครนายก ทราบชื่อผู้ก่อเหตุ ดาบตำรวจสุรกิจ อายุ 51 ปี ส่วนผู้เสียชีวิตคือ นางสาวจันทร์ทรา อายุ 33 ปี นอนเสียชีวิตบนเตียงสนามที่วางอยู่ข้างประตูหน้าห้อง ในสภาพนอนตะแครงข้างขวา ส่วนดาบตำรวจสุรกิจ ผู้ก่อเหตุอยู่ในสภาพมีเลือดท่วมใบหน้านั่งอยู่บนเตียงนอนฝั่งตรงข้าม

วันนี้ทีมข่าวช่อง 8 เดินทางไปที่วัดเกาะทอง ทางครอบครัวได้เดินทางไปรับศพนางสาวจันทร์ทรา มาตั้งบำเพ็ญกุศลไว้ที่วัด บรรยากาศเป็นไปอย่างโศกเศร้า โดยทันทีที่ศพมาถึง น้องบิ๊กไบร์ท เด็กชายวัย 6 ขวบลูกชายของผู้ตาย ได้วิ่งเข้ามาดูศพของผู้เป็นแม่ด้วยความไร้เดียงสา

จึงถามทีมข่าวด้วยความไร้เดียงสาว่า “ถ้าคนตายจะนิ่งใช่ไหมพี่? แล้วแม่จะกลับมาหาผมไหม” ทีมข่าวจึงได้ชวนน้องออกไปด้านนอกศาลาวัด เพราะไม่อยากให้เห็นภาพตอนที่ญาติกำลังบรรจุศพแม่ของน้องเข้าโลง พร้อมกับปลอบน้องไปว่า “แม่ไปสวรรค์แล้ว เดี๋ยวก็กลับมาหา” พร้อมกับเปลี่ยนเรื่องชวนน้องเล่นเกมมือถือแทน ซึ่งขณะนั้นทีมข่าวสังเกตแววตาของน้อง น้องถึงแม้จะไร้เดียงสาแต่น้องรู้แล้วว่า แม่อาจจะไม่มีชีวิตแล้ว

นอกจากนี้ทีมข่าวได้คุยกับนางสาวจันทร์ทณีพี่สาวของผู้ตาย บอกว่า ทั้งคู่ที่ผ่านมามักมีปากเสียงกันตลอด แต่ก็รักกันดี และทราบมาว่าครอบครัวมีปัญหาเรื่องเงิน และตัว ด.ต.สุรกิจ กินเหล้าเมาบ่อยมาก

วันเกิดเหตุหลานได้เปิดทีวีดูการ์ตูน แต่ดาบตำรวจสุรกิจไม่ให้ดู และปิดทีวีใส่ นางสาวจันทร์ทรา น้องสาวจึงได้เปิดทีวีให้น้องบิ๊กไบทร์ดูอีกครั้ง จากนั้นทั้งสองคนก็มีปากเสียงกันก่อนจะท้ากัน จนกระทั่งน้องสาวถูกดาบตำรวจสุรกิจยิงเสียชีวิตซึ่งตนเองไม่คิดเลยว่าด.ต.สุรกิจจะทำแบบนี้

พี่สาว ยังเล่าต่อว่า ก่อนจะเกิดเรื่องเวลาประมาณ 8-9 เช้า น้องสาวได้ส่งข้อความเฟซบุ๊กมาบอกตนเองคล้ายกับการสั่งลาว่า “ยุ้ย ฝากดูแลพ่อด้วย” ซึ่งตนเองไม่คิดเลยว่า จะเป็นข้อความสุดท้ายก่อนที่น้องสาวจะตาย และไม่คิดว่า ด.ต.สุรกิจ จะทำน้องสาวได้ เพราะเจ้าตัวจะพูดกับตนเองตลอดว่า “ผมเป็นตำรวจ ผมไม่สามารถทำร้ายเมียผมได้หรอก อีกไม่กี่ปีผมก็เกษียณแล้ว ผมไม่ทำหรอก” ซึ่งคำพูดนี้ ด.ต.สุรกิจ เคยพูดอยู่เสมอ

ล่าสุดทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปที่โรงเรียนของน้องบิ๊กไบร์ท ซึ่งมีข้อมูลว่า ก่อนจะเกิดเหตุ ช่วงเวลาประมาณเที่ยงเมื่อวานนี้ (21 มิ.ย.) ด.ต.สุรกิจ ได้เดินทางมารับน้องบิ๊กไบร์ทด้วยตัวเอง เมื่อไปถึงทีมข่าวได้พูดคุยกับ ครูในโรงเรียนให้ข้อมูลว่า เมื่อวานนี้เวลา 12.45 น. ตามกล้องวงจรปิดที่ทีมข่าวได้มา แม่ของน้องบิ๊กไบร์ทได้ขี่มอเตอร์ไซค์มารับลูกชาย ซึ่งเรียนอยู่ชั้น อนุบาล 3 เพียงคนเดียว แต่ต่อมาจะเห็น ด.ต.สุรกิจ ผู้เป็นพ่อเลี้ยงได้เดินเท้าตามมาทีหลัง โดย ด.ต.สุรกิจ มีท่าทีฟึดฟัด ขึงขัง เดินตามลูกชาย

ขณะนั้นผู้เป็นแม่ได้บอกให้น้องบิ๊กไบร์ทขึ้นรถ แต่ระหว่างที่น้องบิ๊กไบร์ทกำลังจะนั่งซ้อนท้ายแม่ ด.ต.สุรกิจ ได้ดึงกระเป๋านักเรียนที่น้องบิ๊กไบร์ทสะพานอยู่ดึงมาไว้ที่ตัวเอง ก่อนที่ทั้งคู่จะมีปากเสียงกันเล็กน้อย

จากนั้นจะเห็นแม่ของน้อง ได้พาลูกชายขี่รถออกไป และก่อนไปเธอส่วน ด.ต.สุรกิจ ได้ถือกระเป๋าของลูกชาย เดินเท้าออกจากโรงเรียนไป

ด้านคุณครูให้ข้อมูลกับทีมข่าวต่อว่า น้องบิ๊กไบทร์ทได้ย้ายมาเรียนที่โรงเรียนได้เกือบ 2 เดือนแล้ว โดยทุกวัน ทั้งนางสาวจันทร์ทราผู้ตาย กับ ด.ต.สุรกิจ จะผลัดกันมารับมาส่งน้องตลอด ซึ่งครูทุกคนก็จะเห็น ด.ต.สุรกิจ รักน้องบิ๊กไบทร์ทดี ขนาดวันประชุมผู้ปกครอง ด.ต.สุรกิจยังมานั่งประชุมเข้าร่วมด้วยเลย ไม่คิดเลยว่า ด.ต.สุรกิจจะทำแบบนี้ ซึ่งคนที่น่าสงสารที่สุด ก็คือ น้องบิ๊กไบทร์ซึ่งน้องยังไร้เดียงสามาก

นอกจากนี้ทีมข่าวได้เข้าไปดูในเฟซบุ๊กของนางสาวจันทร์ทรา ผู้เสียชีวิต พบว่า เมื่อวานนี้ก่อนที่เธอจะถูกสามียิงเสียชีวิต ได้โพสต์ข้อความระบุไว้ว่า “ระหว่างมีผัวตำรวจกับมีคนสวนทุเรียน 200 ไร่มาจีบ กูจะเอาใครดีวะ” และระบุใต้โพสต์อีกว่า “ตำรวจอะผัว ส่วนคนสวนทุเรียนพึ่งมาจีบ” ซึ่งเป็นโพสต์สุดท้ายก่อนที่เธอจะเสียชีวิต

และอีกโพสต์วันเดียวกัน เธอได้เช็กอินโรงพักนาหินลาด และระบุข้อความว่า “เบื่อโว้ย ทั้งโรงพัก ไม่มีตำรวจหนุ่มๆ ให้มองเลยเหรอ!!” และพิมพ์ต่อใต้โพสต์ว่า “มีแต่ผู้เฒ่า คือ ผัวหนู”

และช่วงที่เธอต้องย้ายมาอยู่กับสามีที่ สภ.นาหินลาดใหม่ๆ 25 มีนาคม เธอยังได้โพสต์อีกว่า “ นครนายก ตามผัวมา บรรยากาศดี กับข้าวอร่อย งานไม่ค่อยมี อดทนเอาอีก 7 ปีเกษียณ มีเงินล้าน ใช้หนี้อีก 2 ล้าน พร้อมกับโพสต์รูปเงินในบัญชีของ ด.ต.สุรกิจ ซึ่งหากเกษียณ จะมีเงินที่จะได้ทั้งหมด 1.17 ล้านบาท

คำถามทำสื่อร้องไห้ "แม่ผมจะฟื้นไหม"