นายอำเภอภูพานตอบกลับปมดรามา "ห้ามเข้ามาเก็บเห็ดในเขตอุทยานภูพาน จนกว่าโรคระบาดโควิด-19 จะเข้าสู่สภาวะปกติ" ขณะที่ชาวบ้านโอดครวญทำเพื่อปากท้อง แย้งในป่าไม่น่าจะติดโควิดถ้ากลัวทำไมไม่ปิดห้างฯ

จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก “จุฬารัตน์ เผ่าผม” ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านแห่งหนึ่งใน อ.ภูพาน จ.สกลนครโพสต์รูปภาพการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติภูพานและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองพร้อมข้อความ “ขอแจ้งเพื่อทราบนะคะ พ่อแม่พี่น้องจากต่างท้องที่ ต่างท้องถิ่น ให้งด..มาเก็บเห็ดในเขตอุทยานภูพาน จนกว่าโรคระบาดโควิด-19 จะเข้าสู่สภาวะปกติ ขอความร่วมมือกันด้วยนะคะครั้งแรกที่พบเห็นคือการแจ้งเตือน ..แต่ถ้าครั้งต่อไปอาจต้องปรับตามคำสั่ง นะคะ”

ซึ่งหลังจากโพสต์ดังกล่าวปรากฏออกไปก็มีผู้ที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นและแชร์ต่อๆกันจำนวนมาก ซึ่งความคิดเห็นก็มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ฝ่ายที่เห็นด้วยส่วนมากก็เป็นคนในพื้นที่ที่ให้เหตุผลว่า เป็นการป้องกันการแพร่ระบาดในช่วงที่ตัวเลขการแพร่ระบาดรุนแรง ส่วนฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยก็ให้เหตุผลว่า ไปเก็บเห็ดมากินประทังชีวิตก็ยังผิดกฎหมาย บ้างก็ว่าไปเก็บเห็ดอยู่ในป่าไม่น่าจะติดโควิดได้ ทำไมถึงไม่ไปปิดห้างสรรพสินค้า เป็นต้น

ล่าสุดนายวิวัฒน์ เตชจินดาวงศ์ นายอำเภอภูพาน ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงกับผู้สื่อข่าวว่า พื้นที่ส่วนหนึ่งของ อ.ภูพานนั้นอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติภูพาน ทุกปีจะมีคนจากต่างพื้นที่จำนวนมากเดินทางเข้ามาเก็บเห็ดหรือหาของป่าอื่นๆอยู่เป็นประจำ รวมทั้งในปีนี้ซึ่งเป็นช่วงที่เห็ดนานาชนิดออกตามฤดูกาล โดยในความเป็นจริงแล้วจังหวัดสกลนครได้ประกาศให้ผู้ที่เดินทางมาจากต่างจังหวัด เข้ารายงานตัวกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เพื่อเข้าสู่ระบบติดตามตัวเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโควิด-19

ทั้งนี้กลุ่มชาวบ้านจากจังหวัดใกล้เคียงที่เดินทางเข้ามาเก็บเห็ดหาของป่า มักจะเดินทางมาตอนเช้ามืด และไม่ได้เดินทางเข้าในหมู่บ้าน จึงถือเป็นการเข้าพื้นที่โดยไม่มีการรายงานตัวและไม่ผ่านการคัดกรอง อำเภอภูพานในฐานะฝ่ายปกครองก็มองเห็นว่าอาจจะเกิดปัญหาการแพร่ระบาดได้ จากกลุ่มชาวบ้านที่มาหาเห็ดจากหลายจังหวัด รวมทั้งการติดต่อซื้อขายจากพ่อค้าแม่ค้าคนกลางและคนซื้อที่สัญจรไปมา จึงขอความร่วมมืองดให้คนนอกพื้นที่เข้ามาเก็บหรือหาของป่าในช่วงนี้เป็นการชั่วคราว ในระยะสั้นๆเท่านั้นเพื่อให้ผ่านในช่วงสถานการณ์ระบาดรุนแรงไป

ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวเป็นความร่วมมือระหว่างฝ่ายปกครองกับอุทยานแห่งชาติภูพานและกำนันผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ที่ร่วมกันออกประชาสัมพันธ์ชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนที่เดินทางเข้ามา ทั้งหมดก็รับทราบและเข้าใจเป็นอย่างดีในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและความจำเป็นที่ต้องมีมาตรการดังกล่าว และพร้อมให้ความร่วมมือด้วยดี อย่างไรก็ตามในโซเชียลก็มีบางคนไม่เข้าใจและไปขยายความโดยใช้ข้อความบิดเบือนจนดูเหมือนมีการจับปรับชาวบ้านที่ฝ่าฝืน ซึ่งทางอำเภอขอยืนยันว่าไม่เป็นจริง