โควิดเดือด แม่บ้านซึ่งทำงานในบ้านที่มีผู้ติดเชื้อ อำเภออาจสามารถ จังหวัดร้อยเอ็ด แจ้งความ เรียกเงินค่าเสียหาย 5,000 บาท จาก อสม.หลังพูดพาดพิงบุตรสาว ว่าอาจติดเชื้อโควิด-19 ขอชาวบ้านระวังอย่าอยู่ใกล้

โควิดเดือด แม่บ้านซึ่งทำงานในบ้านที่มีผู้ติดเชื้อ อำเภออาจสามารถ จังหวัดร้อยเอ็ด แจ้งความ เรียกเงินค่าเสียหาย 5,000 บาท จาก อสม.หลังพูดพาดพิงบุตรสาว ว่าอาจติดเชื้อโควิด-19 ขอชาวบ้านระวังอย่าอยู่ใกล้

ด้านประธานอสม.อำเภอ ประกาศยืนยันไม่ผิด จะสู้ถึงที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดบรรทัดฐานว่า ทำหน้าที่บริสุทธิ์ใจแล้วถูกดำเนินคดี ซึ่งต่อไปจะทำให้คนทำงานท้อใจ

นายไชยา โชตะกะ นายกสมาคม อสม. อำเภออาจสามารถ, นายขวัญชัย สุดเฉลียว ประธาน อสม.หมู่ที่ 8 บ้านจ้อก้อ ต.หน่อม และ อสม. 15 เขตของบ้านจ้อก้อ ประชุมร่วมกันเพื่อหาทางออกสืบเนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ อสม.ด้วยการเดินแจ้งเตือนชาวบ้าน ในเขตรับผิดชอบ 

ตามการแจ้งเตือนของผู้ใหญ่บ้าน เมื่อวันที่ 21 เม.ย.64 ได้มีการประกาศเฝ้าระวังคัดกรองกลุ่มเสี่ยงเพราะมีคนในพื้นที่ติดเชื้อโควิด19 โดยพบผู้ป่วยติดเชื้อเป็นนักศึกษา อายุ 20 ปี จากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง โดยเพิ่งเดินทางกลับจาก จ.มหาสารคาม มาอยู่บ้าน 7 วัน ถึงจะตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด-19 

โดยก่อนที่จะทราบว่าป่วย คนป่วยรายดังกล่าวไม่ได้กักตัวเอง และได้มีปฏิสัมพันธ์กับชาวบ้านจำนวนมาก ทั้งในครอบครัว แม่บ้าน และชาวบ้าน ทาง อสม.จึงเกรงว่าจะแพร่กระจายเชื้อ จึงทำการตรวจคัดกรองกลุ่มเสี่ยงที่ใกล้ชิดกับคนไข้รายดังกล่าว 

ทาง อสม. พบความผิดปกติคือมีไข้สูง ในตัวลูกสาวของแม่บ้าน บ้านหลังที่มีผู้ป่วยยืนยัน ทราบชื่อคือ นางสาวโชติยา สาระพุทธ หรือน้องเนย อายุ 20 ปี ทาง อสม.จึงสั่งให้กักตัวเพื่อรอดูอาการ และเตือนชาวบ้านว่า อย่าคลุกคลีเข้าใกล้ น้องเนย จนกว่าจะมีผลตรวจคัดกรอง และกักตัวครบ 14 วันก่อน เพื่อป้องกันการระบาดในหมู่บ้านตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข

แต่แม่ของน้องเนยกลับไม่พอใจไปแจ้งกับผู้ใหญ่บ้านว่าจะเอาเรื่องกับ อสม.พูดพาดพิงถึงลูกสาวให้เสียหายว่าติดโควิด จะขอค่าเสียหาย 5,000 บาท เพราะอาการดังกล่าวยังไม่สามารถพิสูจน์ชัดว่าลูกสาวป่วยโควิด-19 

โดยนางรัตนภรณ์ คำด้วง แม่น้องเนย เข้าแจ้งความ กับ ร.ต.อ.คำผง สุนะไตร พนักงานมอบสวน สภ.หน่อม ในวันที่ 23 เมษายน 64 เพื่อยืนยันเรียกค่าเสียหาย 5,000 บาท พนักงานสอบสวนจึงเรียกทั้ง 2 ฝ่ายเพื่อเจรจา 

ทาง อสม.ยืนยันว่าทุกอย่างเป็นการทำตามหน้าที่ ในการแจ้งเตือนเฝ้าระวังชาวบ้าน ไม่ให้ใกล้ชิดกับกลุ่มสุ่มเสี่ยงที่ใกล้ชิดกับบ้านที่กำลังที่มีผู้ป่วย จนกว่าจะคัดกรองชัดเจนก่อน 

ยอมรับว่ามีการเอ่ยพาดพิง และเอ่ยถึงน้องเนยจริง โดยพูดเพียงแค่ว่า ให้ระวังอย่าเข้าใกล้น้องเนย เพื่อความปลอดภัย จนกว่าทุกอย่างจะชัดเจน  ซึ่งถือเป็นการทำตามหน้าที่ด้วยความบริสุทธิ์ใจเพื่อส่วนรวม โดยไม่มีเจตนาที่จะให้ร้ายใครให้เกิดความเสียหาย จึงขอให้พนักงานสอบสวนทบทวน พร้อมเวลาปรึกษากับประธาน อสม.ระดับอำเภอ และ จังหวัดก่อน ว่าจะดำเนินการอย่างไร 

นายไชยา โชตะกะ นายกสมาคม อสม.อำเภออาจสามารถ กล่าวว่า ตนเองได้ศึกษาข้อเท็จจริง และรายละเอียดทุกอย่างของเหตุที่เกิดขึ้น ตั้งแต่การเจรจากัน ผู้ใหญ่บ้าน ในวันที่ 23 เมษายน ตกลงกันไม่ได้ 

โดยผู้ใหญ่บ้าน ขอให้ขอโทษและเลิกแล้วต่อกัน แต่แม่น้องเนยไม่ยอมยืนยันเรียกร้องค่าเสียหาย 5,000 บาท 

การประชุม อสม.ล่าสุดสรุปว่า จะไม่จ่ายเงินให้ตามที่ถูกแจ้งความ เพราะไม่ถือเป็นความผิดและจะสู้คดีให้ถึงที่สุด เพราะหากยอมจ่ายเงิน ก็จะกลายเป็นบรรทัดฐาน ที่จะส่งผลกระทบต่อภาพการทำงานของ อสม.ที่เสียสละ เสี่ยงทำงานเพื่อสาธารณะ และคุ้มครองประชาชนในชุมชนของตนเอง ด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่กลับถูกดำเนินคดี ซึ่งหากมีการจ่ายเงินค่าเสียหายให้ เพียงเพราะตักเตือนให้เฝ้าระวังประชาชนแต่กลับแจ้งความถูกดำเนินคดี