หญิงอายุ 23 ปี ชาว จ.ยะลา ร้องขอความช่วยเหลือ ถูกสามี นายทหารยศ "จ่าสิบเอก" หลอกคบหาจนต้องท้อง ก่อนทอดทิ้ง ไม่ดูแล สุดท้ายกลับฟ้องหย่า ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิด

หญิงอายุ 23 ปี ชาว จ.ยะลา เดินทางมาที่ ศูนย์คลินิกกฎหมาย และศูนย์สิทธิมนุษยชน มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา เพื่อปรึกษาข้อกฎหมาย และ ร้องเรียนสื่อมวลชน หลังถูก นายทหารยศ "จ่าสิบเอก" หน่วยหนึ่ง ในจังหวัดเพชรบูรณ์ หลอกคบหา จนตั้งท้อง และ ทอดทิ้ง กว่า 1 ปี สุดท้ายมา ฟ้องหย่าอย่างไม่เป็นธรรม 

ผู้เสียหาย เล่าว่า รู้จักกับทหารนายนี้ เมื่อ 2 ปีก่อน ขณะลงมาทำงานเป็นชุดคุ้มครองชาวบ้าน ในเขตเมืองยะลา ก่อนมาจีบตนเอง จนเกิดความชอบพอกัน และ มีความสัมพันธ์กัน จนตนเองตั้งท้องได้ 2 เดือน เป็นจังหวะที่ นายทหารคนนี้ เสร็จสิ้นภารกิจ ต้องเดินทางกลับไปปฏิบัติงานที่ต้นสังกัด จังหวัดเพชรบูรณ์ และ ไม่เคยมาดูแล หรือ เจออีกเลย 

กระทั่งตนเอง บอกแม่ให้ทราบเรื่อง แม่จึงโทรศัพท์ไปหา ฝ่ายชาย ให้มารับผิดชอบ และ ญาติบังคับให้จดทะเบียนสมรส หลังจดทะเบียนเสร็จ ฝ่ายชายก็เดินทางกลับเพชรบูรณ์ ทันที ไม่ได้สนใจใดๆ และเงียบหายไปอีก 

ตนเอง ต้องทำเรื่องร้องเรียน ผู้บังคับบัญชา ของฝ่ายชาย เพื่อสั่งให้มาเจรจาเรื่องค่าเลี้ยงดูลูกสาว 

ผู้เสียหาย บอกต่อว่า ระหว่างที่ฝ่ายชาย โดนบังคับหักเงินเดือน เป็นค่าใช้จ่ายมา เดือนละ 2,000 บาท เป็นเวลา 1 ปี 9 เดือน และ ฝ่ายชายก็เงียบหายเหมือนเดิม 

บางครั้งได้โทรศัพท์มาหาตนเอง สั่งให้โอนเงินคืน จนมีปากเสียงกันบ่อย จนล่าสุด มีคนแจ้งเบาะแสมาว่า ฝ่ายชาย ไปมีหญิงคนอื่น ตนเองจึงทักเฟซบุ๊ก ไปหาหญิงคนนั้น เมื่อพูดคุยกัน จึงทราบว่า หญิงคนนั้น ก็ถูกสามีตนเองไปหลอกว่า โสด 

เมื่อสามีทราบเรื่อง ก็โทรศัพท์มาต่อว่า ตนเอง จากนั้นต้นเดือนกุมภาพันธ์ ก็มีหนังสือมาฟ้องหย่า ทั้งที่ตนเองไม่ได้ทำอะไรผิด เวลานี้ รู้สึกเสียใจและสับสนมาก จึงอยากฝากเตือนใจสาวๆ ในชายแดนใต้ ว่า อย่าหลงใหลในเครื่องแบบทหาร อย่าด่วนสรุปว่า ทุกคนเป็นคนดี ควรคิดไตร่ตรองให้ดี มิฉะนั้นจะเสียใจและเดือดร้อนแบบตนเอง 

ด้าน พันเอก ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า ปกติทหาร มีมาตรการในการปฏิบัติภารกิจ ภาคสนามนอกพื้นที่ มีระเบียบห้ามทหารที่มีลูก มีภรรยาแล้ว ไปทำเรื่องชู้สาวกับผู้หญิงในพื้นที่ หากฝ่าฝืน จะมีความผิดตามระเบียบ ถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวน หากมีความผิดวินัยร้ายแรง จะต้องโดนลงโทษตามขั้นตอน 

ทั้งนี้ หากอยู่ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ภาคสนาม จะถูกส่งตัวกลับต้นสังกัดทันที แต่กรณีนี้ เป็นเรื่องที่ผ่านมา2 ปีแล้ว และ ตัวทหารที่ก่อเหตุ ได้กลับพื้นที่ไปแล้ว กอ.รมน.ภาค 4 จึงจะแจ้งเรื่องกลับไปยังหน่วยงานต้นสังกัด ให้ตั้งคณะกรรมการสอบตามขั้นตอน หากผิดจริง จะถูกลงโทษ 

ขณะเดียวกัน ต้นสังกัดต้องเรียกทั้ง 2 ฝ่ายมาเจรจาตกลงกัน เพื่อที่จะหาทางรับผิดชอบ เพราะถือเป็นเรื่องส่วนตัวด้วยเช่นกัน