ตำรวจกองปราบปราม นำหมายศาลเข้าตรวจค้น 3 วัดเป้าหมาย หลังพบพัวพันเกี่ยวกับการทุจริตเงินทอนวัด จับพระชั้นผู้ใหญ่ 5 รูป ก่อนนำตัวฝากขัง และ จับสึกทันที หลังศาลไม่ให้ประกันตัว แต่ในการเข้าตรวจค้นที่วัดสระเกศ ไม่พบพระพรหมสิทธิ (เจ้าคุณธงชัย) คาดหลบหนีออกทางประตูลับของวัดที่เพิ่งสร้างขึ้นมาใหม่

ตำรวจค้นวัดดัง 3 แห่งเอี่ยวคดีเงินทอนวัด ไม่พบ"พระพรหมสิทธิ"เจ้าอาวาสวัดสระเกศ 

ช่วงเช้า วานนี้ (24พ.ค.) พลตำรวจตรี ไมตรี ฉิมเฉิด ผู้บังคับการกองปราบปราม นำกำลังตำรวจกองปราบปราม บุกเข้าตรวจค้นวัดดัง ในกรุงเทพฯ 3 แห่ง ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีเงินทอนวัด ได้แก่ วัดสระเกศราชวรวิหาร วัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร และ วัดสามพระยาวรวิหาร

จุดแรก ตำรวจกองปราบปราม นำหมายจับศาลอาญา เข้าตรวจค้นที่วัดสระเกศ เพื่อจับกุมพระพรหมสิทธิ (เจ้าคุณธงชัย สุขญาโณ) เจ้าอาวาสวัดสระเกศ กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) และ เจ้าคณะภาค 10

แต่จากการตรวจค้น ไม่พบ พระพรหมสิทธิ และ พระวิจิตรธรรมาภรณ์ หรือ เจ้าคุณเทอด ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ อยู่ภายในวัด  พบเพียง พระศรีคุณาภรณ์ และพระครูสิริวิหารการสมจิตร จันทร์ศรี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาร่วมกันกระทำความผิดคดีทุจริตเงินอุดหนุนการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรม ในข้อหา ร่วมกันฟอกเงิน และ นายทวิช สังข์อยู่ อายุ 42 ปี เจ้าหน้าที่ของวัด ในข้อหาร่วมกันฟอกเงิน

ต่อมา ตำรวจทราบว่า พระวิจิตรธรรมาภรณ์ (เจ้าคุณเทอด) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ ไปรักษาตัวอยู่ที่ โรงพยาบาลสมิติเวช ซอยสุขุมวิท 39 กทม. จึงนำกำลังไปอายัดตัว ก่อนนำตัวมาสอบสวนที่กองปราบปรามในช่วงบ่าย

เจ้าหน้าที่ สอบถามลูกศิษย์วัด ทราบว่า พบเห็นพระพรหมสิทธิครั้งสุดท้ายเมื่อช่วงเวลา 16.00 น. วันที่ 23 พฤษภาคม ที่ผ่านมา โดยบอกกับลูกศิษย์ว่า จะออกไปตรวจงานก่อสร้างภายในวัด ก่อนจะหายไปไม่กลับมาอีก

แต่จากการตรวจสอบ พบประตูเล็กๆ ข้างวัด มีลักษณะคล้ายประตูลับ ซึ่งจะออกไปสู่ถนนบำรุงเมืองได้ คาดว่า อาจใช้เป็นเส้นทางหลบหนี ทั้งที่ ก่อนหน้านี้ ตำรวจไม่พบประตูลับดังกล่าวแต่อย่างใด

ตรวจค้นวัดสามพระยา จับ"พระพรหมดิลก"เจ้าอาวาส แจ้งข้อหาฟอกเงิน 

ส่วนจุดที่ 2 ตำรวจนำกำลัง พร้อมหมายจับศาลอาญาเข้าตรวจค้นที่วัดสามพระยา เพื่อจับกุม พระพรหมดิลก เจ้าอาวาสวัดสามพระยา กรรมการ มส. และ เจ้าคณะกรุงเทพมหานคร และ พระอรรถกิจโสภณ เลขาเจ้าคณะกรุงเทพ ในข้อหาร่วมกันฟอกเงิน

พร้อมตรวจค้นหาเอกสารและหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับคดี เบื้องต้นพบพระพรหมดิลก กำลังจำวัดอยู่ภายในกุฏิ จึงแสดงหมายจับ เข้าตรวจค้นหาหลักฐานเพิ่มเติมภายในกุฏิ พร้อมขอเชิญตัวมาดำเนินคดีทันที

และจุดที่ 3 คือ วัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร ตำรวจนำหมายจับศาลอาญา เข้าตรวจค้นเพื่อจับกุมพระพรหมเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม ในข้อหาร่วมกันฟอกเงิน แต่ไม่พบตัว จึงได้ตรวจค้นหาเอกสารหลักฐานต่างๆ เกี่ยวกับการฟอกเงินเพื่อดำเนินคดีต่อไป

อายัดเงิน"พระพรหมสิทธิ"132 ล้านบาท หลังพบโยงทุจริตเงินทอนวัด

พลตำรวจตรี ไมตรี เปิดเผยว่า การเข้าตรวจค้นทั้ง 3 วัด เนื่องจากพบว่าไม่ได้นำงบประมาณ ที่ได้รับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) ไปใช้จ่ายตามวัตถุประสงค์ โดยทั้ง 3 วัด ใช้มีวิธียักย้ายเส้นทางการเงินแตกต่างกัน แต่ส่วนใหญ่จะโอนเงินเข้าบัญชีบุคคลอื่นแทบทั้งสิ้น

จากการเข้าตรวจค้นพบหลักฐานบางส่วน ที่เชื่อมโยงกับการทุจริต โดยเฉพาะวัดสระเกศ พบว่า มีการทุจริต 2 โครงการเป็นเงิน 69 ล้านบาท และ ยังพบเส้นทางการเงินมีการโอนให้กับบุคคลภายนอก พบว่ามีการโอนเงิน 25 ล้านบาทไปให้แก่ นางสาว นุชรา สิทธินอก อายุ 32 ปี แม่บ้านของ ร้อยโท ฐิติทัศน์ นิพนธ์พิทยา

นอกจากนี้ ยังพบบัญชีธนาคารบัญชีส่วนตัวที่มีชื่อเจ้าอาวาสวัดสระเกศ เป็นเจ้าของถึง 10 บัญชี พบเงินหมุนเวียนกว่า 132 ล้านบาท ซึ่งเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปรามปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. ได้อายัดเงินทั้งหมดไว้แล้ว

สตม.ยังไม่พบ"พระพรหมสิทธิ"หลบหนีออกนอกประเทศ สั่งด่านตรวจขึ้นแบล็กลิสต์  

ด้าน พลตำรวจโท สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ ทางเจ้าหน้าที่ สตม. ได้รับแจ้งว่า พระพรหมสิทธิ เจ้าอาวาสวัดสระเกศ เป็น บุคคลตามหมายจับ จึงประสานให้เจ้าหน้าที่ สตม.ขึ้นสถานะเป็นบุคคลต้องห้าม หรือแบล็กลิสต์ พร้อมกำชับให้ทุกด่านตรวจ คนเข้าเมืองตามแนวชายแดนเข้มงวดในการตรวจสอบบุคคลเข้าออกในช่วงนี้ ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้รับรายงานการหลบหนีออกนอกราชอาณาจักร แต่อย่างใด

มีรายงานข่าวจากลูกศิษย์ของพระพรหมสิทธิ ได้ออกมาระบุว่า พระพรหมสิทธิ อยู่ในระหว่างการปฏิบัติศาสนกิจที่ประเทศสิงคโปร์ และ ยังไม่มีกำหนดเดินทางกลับประเทศไทย แต่อย่างใด

คุมตัวพระชั้นผู้ใหญ่ 5 รูปฝากขังศาลอาญาคดีทุจริต คัดค้านประกันตัว

จากนั้นช่วงบ่าย ตำรวจกองปราบปราบ นำตัว พระชั้นผู้ใหญ่ 5 รูป ได้แก่ 1.พระศรีคุณาภรณ์ 2.พระครูสิริวิหารการสมจิตร จันทร์ศรี 3.พระวิจิตรธรรมาภรณ์ ทั้ง 3 รูปเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศ

4.พระพรหมดิลก เจ้าอาวาสวัดสามพระยา 5.พระอรรถกิจโสภณ เลขาฯ เจ้าคณะกรุงเทพฯ วัดสามพระยา

พร้อมด้วย นางสาว ฑัมม์พร นิพนธ์พิทยา มารดาของ ร้อยโท ฐิติทัศน์ และ นางสาว นุชรา สิทธินอก แม่บ้าน ไปฝากขังที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พร้อมคัดค้านการประกันตัว

จับสึก 5 พระเถระเอี่ยวคดีเงินทอนวัด คุมตัวนอนคุก หลังศาลไม่ให้ประกัน 

ต่อมา ศาลศาลพิจารณาคำร้องแล้ว อนุญาตให้ฝากขังได้ จากนั้นทนายความของพระทั้ง 5 รูป ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสด เพื่อขอปล่อยตัวชั่วคราว แต่ศาลพิจารณาคำร้องแล้วเห็นว่า เป็นคดีที่มีอัตราโทษสูง และเกรงว่า จะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน

จึงไม่อนุญาตให้ประกันตัว หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ได้นิมนต์พระชั้นผู้ใหญ่ มาทำพิธีลาสิกขาให้กับพระทั้ง 5 รูป ก่อนเปลี่ยนใส่ชุดสีขาว และ ให้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ควบคุมตัวไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร

ส่วน นางสาว นุชรา (แม่บ้าน) นางสาว ฑัมม์พร แม่ของร้อยโทฐิติทัศน์ นายธีระพงษ์ พันธุ์ศรี และ นายทวิช สังข์อยู่ ที่เกี่ยวกับบริษัทที่รับผลิตสื่อให้กับวัดสระเกศ และตกเป็นผู้ต้องหาในคดีเดียวกัน

ศาลมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ประตัวเช่นกัน จึงถูกนำตัวไปควบคุมที่ทัณฑสถานหญิงกลาง และ เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร

"สมเด็จพระสังฆราช" ทรงมีพระบัญชาปลด 3 พระชั้นผู้ใหญ่เอี่ยวคดีเงินทอนวัด

ขณะที่ พระพรหมมุนี เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช เปิดเผยว่า สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงมีพระบัญชาให้กรรมการ มส. พ้นจากตำแหน่ง 3 รูป ดังนี้

1.พระพรหมดิลก เจ้าอาวาสวัดสามพระยา 2.พระพรหมเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ และ 3.พระพรหมสิทธิ เจ้าอาวาสวัดสระเกศ ตามที่ พศ. ประมวลผลเสนอมา

ทั้งนี้ คำสั่งดังกล่าวเป็นการให้พ้นตำแหน่งไปก่อน หากทั้ง 3 รูป สามารถพิสูจน์ตนเองตามกระบวนการทางกฎหมาย และไม่มีความผิด ก็สามารถที่จะกลับมาดำรงตำแหน่งกรรมการ มส. ได้อีกครั้ง

"พลเอก ฉัตรชัย" ยืนยันจับกุมพระชั้นผู้ใหญ่ดำเนินคดีตรงไปตรงมา

ด้าน พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีดังกล่าว ว่า เป็นกระบวนการที่เจ้าหน้าที่ ได้เดินหน้ามาระยะหนึ่งแล้ว ที่ผ่านมาตำรวจ ได้รายงานให้ทราบแล้วว่า ทั้ง 3 วัด จะต้องถูกดำเนินการ คาดว่า หลังจากนี้ นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) จะมารายงานรายละเอียดให้ทราบ และทุกคนคงทราบดีว่า ทั้ง 3 วัดดังกล่าว จะต้องมีการขยายผลต่อ

ส่วนที่มีการจับกุม พระชั้นผู้ใหญ่นั้น ก็เป็นเพราะดูจากฐานความผิด ตนรู้สึกเป็นห่วงความรู้สึกของพุทธศาสนิกชน แต่ทุกคนต้องแยกแยะให้ออก และชาวไทยพุทธ ก็ยังต้องกราบไหว้พระกันอยู่

จึงเชื่อว่า หากเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย ทุกอย่างก็จะจบลง คนไทยก็จะไหว้พระตามปกติ ส่วนการดำเนินการ เกี่ยวกับการทุจริตเงินทอนวัด ก่อนหน้านี้ ตนได้ให้เจ้าหน้าที่ ดำเนินการตามขั้นตอนปกติอย่างตรงไปตรงมา พร้อมประสานงานกับคณะสงฆ์ด้วย

จับสึก 5 พระเถระปมเงินทอนวัด คุมตัวนอนคุก หลังศาลไม่ให้ประกัน