กรุงเทพมหานครยืนยัน การปรับขึ้นค่าโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอส เป็นการขึ้นตามสัญญาสัมปทาน ระยะทาง 23.5 กิโลเมตร ไม่รวมส่วนต่อขยาย หลังไม่ได้ปรับขึ้นราคามา 4 ปีแล้ว

นายสุธน อาณากุล ผู้อำนวยการสำนักการจราจรและขนส่ง กรุงเทพมหานคร ออกมาชี้แจงถึงประเด็นการปรับขึ้นค่าโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอส หลังจากตัวแทนภาคีเครือข่ายภาคประชาชน ได้มีการแถลงข่าวคัดค้านการปรับขึ้นราคาที่จะเริ่มในวันที่ 1 ตุลาคมที่จะถึงนี้ว่า

การขึ้นราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอส สายสุขุมวิทและสายสีลมนั้น เป็นการปรับราคาค่าโดยสาร ที่เรียกเก็บสำหรับรถไฟฟ้าบีทีเอส เฉพาะในส่วนของเส้นทางสัมปทาน ระยะทาง 23.5 กิโลเมตร ไม่รวมส่วนต่อขยาย ที่อยู่ในความรับผิดชอบโดยตรงของกรุงเทพมหานคร

โดยการปรับราคาค่าโดยสาร เป็นไปตามสัญญาสัมปทาน ระหว่างกรุงเทพมหานคร กับบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด ซึ่งระบุว่า บริษัทฯ อาจปรับค่าโดยสารที่เรียกเก็บเป็นคราวๆ ไป และบริษัทสามารถปรับค่าโดยสารได้ทุก 18 เดือน แต่ต้องไม่เกินเพดานอัตราค่าโดยสารขั้นสูงสุด

อย่างไรก็ตาม การปรับราคาค่าโดยสารครั้งล่าสุดนั้น เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2556 หรือเมื่อประมาณ 4 ปีที่แล้ว ซึ่งตนจะนำเรื่องดังกล่าว เข้าหารือในที่ประชุมคณะกรรมการบริหารระบบขนส่งมวลชนอีกครั้ง ในเดือนกันยายนนี้ เพื่อหาข้อสรุป และนำเรียนผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครต่อไป

ส่วนกรณีที่มีการ ระบุว่า ภาครัฐควรจะกำหนดในสัญญาสัมปทานว่า หากมีจำนวนผู้โดยสาร หรือจำนวนคนที่ใช้เกินกว่าเป้าที่ตั้งแล้ว ไม่ควรต้องปรับราคาเพิ่มขึ้นอีกนั้น เนื่องจากในการดำเนินการ รวมทั้งการบริหารจัดการทั้งหมด

เริ่มตั้งแต่การก่อสร้าง การจัดการเดินรถ การบริหารงาน และการจัดการอื่นๆ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ลงทุนเองทั้งหมด ภาครัฐจึงไม่ได้กำหนดรายละเอียดดังกล่าว ในสัญญาสัมปทานได้

กทม. แจงจำเป็นต้องขึ้นค่าโดยสารบีทีเอส ตามสัญญาสัมปทาน