กลายเป็นเรื่องโอละพ่อขึ้นมาทันที หลังตำรวจพบพิรุจ กรณี พยาบาลสาว แจ้งความ ว่าถูกคนร้ายใช้มีดคัตเตอร์กรีดแขน ปล้นทรัพย์ แต่ผลตรวจลายนิ้วมือที่รถยนต์คันเกิดเหตุ ไม่พบลายนิ้วมือแฝง สุดท้าย พยาบาลคนดังกล่าว ยอมรับว่า กุเรื่องขึ้นมา หลังมีปัญหากับครอบครัวสามี

จากกรณีที่ พยาบาลวิชาชีพ โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ที่ จังหวัดตรัง ได้โพสต์เฟซบุ๊คเตือนภัย ว่า ถูกคนร้ายเป็นชาย จำนวน 3 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ ปาดหน้ารถเก๋ง ก่อนออกอุบาย ว่า ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเมื่อลงมาจากรถ เพื่อสอบถามอาการ ว่า ก็ถูกคนร้ายดังกล่าว ล็อคคอ ใช้มีดคัตเตอร์กีดแขน ทำร้ายร่างกาย จี้ชิงทรัพย์ ได้เงินสดไป 7 พัน และ สร้อยคอทองคำหนัก 2 สลึง 1 เส้น แล้วหลบหนีไปในช่วงเย็นวันที่ 10 กรกฎาคม แต่มีคนตั้งข้อสังเหตุว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องเท็จหรือไม่ จากนั้น พยาบาลดังกล่าวได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.เมืองตรัง จนมีการสเก็ตภาพคนร้ายออกมาได้ 1 คน

คดีนี้ ตำรวจลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิด พร้อมนำผู้เสียหายมาร่วมสเก็ตภาพคนร้าย และ ดูภาพผู้ต้องหา ในคดีอาญาที่ก่อเหตุในลักษณะนี้นับร้อยคน แต่ผู้เสียหายไม่สามารถชี้ชัด และ ยืนยันได้ว่า คนร้ายมีลักษณะอย่างไร และ ตำรวจพิสูจน์หลักฐานตรัง ได้ตรวจหา ลายนิ้วมือคนร้าย ภายในและภายนอกรถยนต์ผู้เสียหาย
เพื่อเป็นพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ซึ่งผู้เสียหายแจ้งว่า คนร้ายล็อคคอเข้าไปทำร้ายในรถยนต์ดังกล่าว

ล่าสุด ผลปรากฎออกมาว่า “ไม่มีลายนิ้วมือของคนร้าย ทั้งในและนอกรถ ตามที่ผู้เสียหายยืนยัน” ตำรวจจึงตั้งข้อสันนิษฐานว่า พยาบาลคนดังกล่าว อาจสร้างเรื่องเท็จขึ้น เพื่อหลอกใครสักคน แล้วนำความเท็จมาร้องทุกข์กับตำรวจเพื่อให้สมจริง ว่ามีการทำร้ายร่างกาย และ ปล้นทรัพย์ดังกล่าวไป

พันตำรวจโทประเสริฐ สงแสง รองผู้กำกับการสอบสวน เปิดเผยว่า ได้เรียกพยาบาลคนดังกล่าว มาสอบสวนเพิ่มเติม เพราะพบพิรุจหลายอย่าง ว่า เรื่องที่เกิดขึ้น ไม่น่าจะมีมูลความจริง และ ระหว่างสอบสวน พยาบาลคนดังกล่าว ได้ยอมรับสารภาพ ว่า เรื่องดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นจริง แต่สร้างเรื่องขึ้นมา เพราะมีปัญหากับครอบครัวฝ่ายสามี

พนักงานสอบสวน จึงได้แจ้งข้อหา แจ้งความเท็จ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 173 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี ปรับไม่เกินหกพันบาท พร้อมนำตัวส่งฟ้องต่อพนักงานอัยการ เพื่อให้ศาลพิจารณาลงโทษต่อไป

พยาบาลสาวใน จ.ตรัง โดนข้อหาแจ้งความเท็จ หลัง "กุเรื่อง" ถูกโจรปล้นทรัพย์