นายกรัฐมนตรี เผย สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยพสกนิกร ที่ได้รับผลกระทบน้ำท่วม ขอบคุณทุกภาคส่วนช่วยกัน ระบุ กฏหมายเป็นสิ่งสำคัญที่สุดปฏิรูปประเทศ ขอให้คนไทยทุกคนเคารพกฎหมาย

 

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงห่วงใยพสกนิกร ที่ประสบปัญหาน้ำท่วม

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน เมื่อวานที่ผ่านมา (4 ส.ค.) ว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณบดินทรเทพยวรางกูร, สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พร้อมทั้ง พระบรมวงศานุวงษ์ทุกพระองค์ ทรงห่วงใยราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ซึ่งกินวงกว้างถึง 44 จังหวัด ทั้งในการดำรงชีวิต และการประกอบอาชีพ โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้จัดตั้งศูนย์อำนวยการ "เราทำความดีด้วยหัวใจ หน่วยพระราชทาน และประชาชนจิตอาสา" เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนเป็นการด่วน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ผู้แทนพระองค์ อัญเชิญชุดธารน้ำใจ, ถุงยังชีพ และสิ่งของพระราชทานมอบแก่ประชาชนผู้ประสบภัย อย่างต่อเนื่อง ยังความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ และ ความปลื้มปิติแก่ราษฎรเป็นล้นพ้น

นอกจากนี้ ได้ทรงเน้นเรื่องการนำ โครงการพระราชดำริ ของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาสู่การปฏิบัติให้สมบูรณ์ในทุกพื้นที่ เช่น การปลูกหญ้าแฝก  การตรวจสอบอ่างเก็บน้ำ  เขื่อนกั้นน้ำให้แข็งแรงซ่อมแซมเสริมสร้างให้รวดเร็ว ตลอดจนให้ประชาชนได้มีโอกาสร่วมกันดูแล  ซึ่ง รัฐบาล ได้อัญเชิญพระกระแสรับสั่งฯ ของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เมื่อครั้งเกิดอุทกภัยภาคใต้ ที่ผ่านมา นับเป็น "ศาสตร์พระราชา" ใส่เกล้าใส่กระหม่อม เพื่อเป็นแนวทางพระราชทาน สำหรับดำเนินการอย่างต่อเนื่องในครั้งนี้ด้วย

ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้พยายาม กระจายความช่วยเหลืออย่างทั่วถึง ดำเนินการอย่างเป็นระบบ มีการบูรณาการกันของทุกหน่วยงาน  รวมทั้ง เตรียมความพร้อมเฝ้าติดตามสถานการณ์, มีระบบการแจ้งเตือนภัย ล่วงหน้า และ มีแผนเชิญเหตุ ที่สมบูรณ์ในทุกสถานการณ์ โดยให้มี "แผนการฟื้นฟู" หลังวิกฤติ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชนด้วย

 

นายกฯ หวังทุกฝ่ายร่วมมือแก้ทุกปัญหาเหมือนช่วยน้ำท่วม

พลเอกประยุทธ์ ยังกล่าวถึง การลงพื้นที่น้ำท่วมให้กำลังใจผู้ประสบภัย และ เจ้าหน้าที่ ที่จังหวัดสกลนคร ว่า รู้สึกดีใจที่ได้เห็นรอยยิ้ม ของประชาชน ขอชื่นชมเจ้าหน้าที่ จิตอาสา และ ทุกภาคส่วน ที่ได้ร่วมกันทำงาน เพื่อ "บำบัดทุกข์ บำรุงสุข" ให้ประชาชน ขอให้ทุกคนร่วมมือร่วมใจกันในการแก้ไขปัญหาทุกๆ เรื่อง ให้ประสบผลสำเร็จ ผ่านพ้นไปด้วยดี เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไป

ขณะที่ อยากทำโครงการบริหารจัดการน้ำของรัฐบาล ที่เป็นโครงการขนาดใหญ่ ระยะยาว เกิดขึ้นเป็นรูปธรรม เพราะจะเป็นการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน แก้ปัญหาทั้งฝนแล้ง น้ำท่วมได้ แต่หลายโครงการ เดินหน้าไปไม่ได้ เพราะติดที่ดินเอกชน - ประชาชน - เกษตรกร ซึ่งอาจจะไม่เข้าใจ ทำให้ดำเนินการได้ไม่ต่อเนื่อง จึงต้องร่วมกันพิจารณา ว่า จะหาทางออกกันอย่างไร เช่น การผันน้ำฝั่งตะวันตก, ตะวันออก ลงสู่ทะเล, เพื่อลดระยะทางการระบายน้ำ

 

นายกฯ ชี้กฎหมาย สำคัญสุดปฏิรูปประเทศ สร้างรากฐานประชาธิปไตย

ส่วน เส้นทางการเดินหน้าประเทศตามโรดแมป ของ คสช. ในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น มีความคืบหน้า พ.ร.บ. การจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ.2560 และ พ.ร.บ.แผนและขั้นตอนการดำเนินการปฏิรูปประเทศ พ.ศ. 2560 มีผลบังคับใช้แล้ว ซึ่งเป็นการสร้างความมั่นใจให้ชาวไทยทั้งชาติ และ ชาวโลก ได้เห็นพัฒนาการที่ดี สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ ก็คือ การตั้ง "คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ" และ "คณะกรรมการปฏิรูป" เพื่อเข้ามาดำเนินการจัดทำร่างแผนการปฏิรูปประเทศ และ ปฏิบัติหน้าที่อื่นตามที่คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ มอบหมาย

ทั้งนี้ สิ่งที่มีส่วนสำคัญอย่างมาก ในการปฏิรูป มีอยู่ 2 ประการ คือ การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ทุกสาขาอาชีพ ในฐานะที่เป็นเจ้าของประเทศ เพื่อสร้างความปรองดองของคนในชาติ หากทุกคนมาอยู่ภายใต้กฎหมายอันเดียวกัน เคารพกฎหมายบังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียม เป็นธรรมไม่ละเมิดสิทธิผู้อื่น ก็จะนำปรเทศไปสู่ความเป็น ประชาธิปไตย ได้

 

นายกฯย้ำมุ่งมั่นช่วยเกษตรกรมีรายได้มั่นคงยั่งยืน

ขณะที่ การช่วยเหลือและสนับสนุนเกษตรกรให้มีรายได้ที่มั่นคง ยั่งยืน เป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วนในทุกยุคทุกสมัย รัฐบาล และ คสช. เชื่อว่า การกระจายรายได้อย่างทั่วถึง การลดความเหลื่อมล้ำ จะทำให้ประเทศสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน มีความสงบสุข มั่นคง  แต่เมื่อพูดถึงภาคเกษตร หมายถึง เกษตรกร ที่มีถึง 25.07 ล้านคน ซึ่งต้องเผชิญกับปัญหาต่างๆ มากมาย ทั้งเรื่อง ดิน ฟ้า อากาศ และ ความผันผวนของราคาพืชผลต่างๆ ทำให้เศรษฐกิจของประเทศมีรายได้ที่ยังไม่มั่นคง ซึ่งคงไม่สามารถแก้ไขปัญหาในระยะสั้นได้ ต้องคำนึงถึงการสร้างภูมิคุ้มกันระยะยาว เพื่อให้เกษตรกรสามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลง พัฒนาคนในภาคเกษตร ให้เข้มแข็ง ให้มีคุณภาพ สร้างค่านิยม เห็นคุณค่าของอาชีพเกษตรกรรม โดยรัฐเสริมในเรื่องการสนับสนุนองค์ความรู้ การใช้เทคโนโลยี และ นวัตกรรมในการผลิต สร้างเกษตรกรยุคใหม่ อย่างครบวงจร ให้สอดคล้องกับทิศทางของประเทศไทย 4.0

 

นายกฯชวนปลูกต้นไม้ให้แผ่นดินทำความดีให้ประเทศชาติ

สุดท้าย นายกรัฐมนตรี ได้เชิญชวน ประชาชนชาวไทยร่วมโครงการประชารัฐร่วมใจปลูกต้นไม้ให้แผ่นดิน พร้อมกันทั่วประเทศ ในวันที่ 7 สิงหาคม ถึง 30 กันยายน 2560 นี้ เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในโอกาสมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 85 พรรษา 12 สิงหาคม 2560

โดย มูลนิธิสวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ร่วมกับ 25 องค์กร จะจัดงาน สีสันพรรณไม้ เทิดไท้บรมราชินีนาถ ครั้งที่ 11 ขึ้นภายใต้แนวคิด "ด้วยพระเมตตาดั่งสายธาร" ระหว่างวันที่ 9 - 14 สิงหาคมนี้ ณ สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ

รายการศาสตร์พระราชา