กรณีรวบชายต้องสงสัยเป็นสายลับที่สุรินทร์ เจ้าตัวสารภาพวิ่งหนีเจ้าหน้าที่เข้าป่าอ้อย เพราะแอบกลับจากศูนย์อพยพ มาเสพยา สุดท้ายถูกจับนอนห้องขัง
วันที่ 12 ธ.ค. 2568 หลังจากที่เจ้าหน้าที่ได้คุมตัวผู้ต้องสงสัยในพื้นที่ อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ที่คาดว่าเป็นสายลับของกัมพูชา ไปสอบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริง สุดท้ายได้รับการยืนยันและแสดงเอกสารประจำตัวว่าเป็นคนไทย แต่สาเหตุที่มาอยู่ตรงจุดนั้นเนื่องจากว่าได้เข้ามาเสพยากับเพื่อน พอเจอเจ้าหน้าที่บุกเข้าไปจึงตกใจ แล้ววิ่งหนีเข้าป่าอ้อย
ต่อมา เจ้าหน้าที่ก็ได้คุมตัวชายต้องสงสัยซึ่งสามารถคุมตัวไว้ได้ทั้งหมด 2 ราย คือ นายมนตรี อายุ 33 ปี และนายวิชัย อายุ 43 ปี มาสอบสวน ตรวจสารเสพติดในร่างกาย และแจ้งข้อกล่าวหาต่อไป

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ค้นดูในกระเป๋าของชายทั้งสองราย มีอุปกรณ์เสพยาเสพติด เบียร์ และกระเป๋าเงิน เบื้องต้นทั้งสองให้การยอมรับว่าเพิ่งเสพยามาในช่วงเช้า โดยนายมนตรีที่เพิ่งเดินทางกลับจากอำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ เดินทางมากว่า 60 กิโลเมตร เข้ามาหาเพื่อนที่บ้าน ก่อนจะมีการตั้งวงเสพยาเสพติดกันทั้งหมด 4 คน จากนั้นมี 2 คน ได้อ้างว่าจะออกไปเก็บขี้ยางพารา จึงทำให้ในบ้านเหลือเพียงแค่ 2 คน คือ นายมนตรี และนายวิชัย ต่อมาพอเจ้าหน้าที่เข้ามาที่บ้าน จึงเกิดอาการตกใจรีบวิ่งหนีเข้าไปในป่าอ้อย
นายมนตรี ยอมรับว่า ก็รู้สึกกลัวที่เสพยาท่ามกลางเสียงปืนใหญ่ แต่หากเสพที่ศูนย์อพยพก็ไม่สามารถเสพได้ โดยหลังจากที่เสพยา ตนก็กินข้าว และตั้งใจว่าจะกลับไปศูนย์อพยพ แต่บังเอิญว่าเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปแล้วชี้ปืนใส่ตน ซึ่งตอนนั้นตนก็เสพไปนานแล้ว
เมื่อถามว่า นำสารเสพติดนี้มาจากไหน นายมนตรี ตอบว่า ได้มาจากวัยรุ่นในหมู่บ้าน ขายเม็ดละ 100 บาท ซึ่งเมื่อเช้าเสพไป 1 เม็ดสีแดง โดยยืนยันว่าหลังจากนี้จะหยุดเสพ
หลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะตรวจปัสสาวะของชายทั้งสองราย โดยหลังจากนี้หากพบความผิดก็จะมีการแจ้งข้อกล่าวหาต่อไป

















