พื้นที่อำเภอพนมดงรัก จ.สุรินทร์ พบชายต้องสงสัยเป็นสายลับ เจ้าหน้าที่วิ่งวุ่นไล่จับกลางป่าอ้อย เจ้าตัวโวยวายปฏิเสธ
วันที่ 12 ธ.ค. 2568 เจ้าหน้าที่อาสาอำเภอพนมดงรัก ผู้นำชุมชน และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของหมู่บ้าน วิ่งเข้าไปในป่าอ้อยใกล้กับหมู่บ้านแห่งหนึ่งในพื้นที่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เพื่อวิ่งไล่จับชายต้องสงสัย หลังเจ้าหน้าที่ได้รับรายงานว่า พบบุคคลต้องสงสัยส่งพิกัดให้กับฝั่งกัมพูชา โดยจุดที่มีการแชร์โลเคชั่นปักพิกัดนั้นคือใกล้เคียงกับป่าอ้อยที่เจ้าหน้าที่ได้วิ่งเข้าไป

ทันทีที่เจ้าหน้าที่วิ่งไปถึง ชายต้องสงสัยคนดังกล่าวก็ได้วิ่งหลบหนีเข้าในป่าอ้อยทันที จึงทำให้เจ้าหน้าที่เองต้องรีบวิ่งเข้าไปจับกุม โดยใช้เวลาไม่ถึง 5 นาที จนจับกุมชายคนดังกล่าวเอาไว้ได้
ระหว่างที่คุมตัวชายดังกล่าวออกมาจากป่าอ้อยคุมตัวขึ้นไปบนรถ เจ้าตัวก็แสดงอาการหงุดหงิด อารมณ์เสียใส่เจ้าหน้าที่ พร้อมกล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่ทำเกินกว่าเหตุ เนื่องจากตัวเขาเองไม่ใช่สายลับของกัมพูชา พร้อมชี้แจงว่าเป็นคนที่มีภูมิลำเนาอยู่บริเวณใกล้เคียง เพียงแค่มาอาศัยอยู่ที่บ้านของเพื่อนที่ชื่อว่า นายแบงค์ แต่พอเจ้าหน้าที่บุกเข้ามาแล้วหันปืนเข้าใส่ จึงทำให้เกิดอาการตกใจจึงรีบวิ่งหนีเข้าไปในป่าอ้อย

และก่อนที่จะคุมตัวชายต้องสงสัยรายนี้ขึ้นไปบนรถของเจ้าหน้าที่ ชายคนดังกล่าวก็ได้ชี้หน้าด่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองส่วนท้องถิ่นว่า มาทำแบบนี้ได้ยังไง ทั้งที่ตนเองเป็นคนไทยไม่ใช่คนกัมพูชา ซึ่งในระหว่างนั้น เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและผู้นำชุมชนจะชี้แจงว่าเป็นการปฏิบัติตามหน้าที่ เนื่องจากชายต้องสงสัยรายนี้แม้จะเคยเห็นหน้าคร่าตากัน แต่ก็ไม่ใช่คนในหมู่บ้านที่เจ้าตัวมาหลบอยู่ในนั้น พร้อมถามกลับว่า ตอนที่เจ้าหน้าที่วิ่งบุกเข้าไป จะหนีทำไมในหากบริสุทธิ์ใจจริง
บางช่วงบางตอน ผู้สื่อข่าวยังได้สอบถามชายต้องสงสัยรายนี้อีกว่า พื้นที่ดังกล่าวอยู่ใกล้กับจุดปะทะกันเพียงแค่ไม่กี่กิโลเมตร และในพื้นที่มีการประกาศกฎอัยการศึก ทำไมถึงต้องมาอยู่ตรงนี้ด้วย ทั้งที่ไม่ได้มีบังเกอร์อะไรให้หลบ เจ้าตัวก็ตอบเพียงว่า เข้ามาอยู่บ้านเพื่อน ส่วนก่อนหน้านี้ได้เข้าไปอยู่ในอำเภอเมืองสุรินทร์ แต่พอวันนี้อยากกลับไปอยู่ที่บ้านเลยมาอยู่ของบ้านของเพื่อน ที่ชื่อว่า นายแบงค์

หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่จึงได้มีการคุมตัวชายต้องสงสัยรายนี้ขึ้นไปยังรถกระบะ ทีมข่าวจะได้ถามปิดท้ายด้วยว่า เขาเป็นคนไทยหรือไม่ เจ้าตัวก็ยังยืนยันว่าเป็นคนไทย แต่เอกสารยืนยันตัวตนอยู่ในกระเป๋า แต่ตอนนี้กระเป๋าไม่รู้ว่าตกหายไปตอนไหน
ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ได้เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ทุกคนไม่มีใครทำเกินกว่าเหตุ เนื่องจากก่อนหน้าที่จะเข้าไปตรวจสอบ ได้รับรายงานมาว่าพิกัดดังกล่าวมีการส่งข่าวให้กับฝ่ายกัมพูชา เจ้าหน้าที่จึงจำเป็นต้องเข้ามาตรวจสอบ แต่พอเข้ามาถึงปรากฏว่าชายต้องสงสัยคนดังกล่าวได้วิ่งหนีเข้าไปในป่าอ้อย ซึ่งมันผิดวิสัย หากคนบริสุทธิ์ใจจริงก็คงต้องให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ ที่สำคัญพื้นที่ตรงนี้มีการประกาศกฎอัยการศึก ไม่ใช่พื้นที่ที่จะเข้ามาอยู่เนื่องจากเป็นแนวกระสุนตก เพราะฉะนั้นจึงมีความน่าสงสัยหลายอย่าง

สำหรับชายคนดังกล่าวทางผู้นำชุมชนยอมรับว่าเคยเห็นหน้า เพราะเป็นคนในหมู่บ้านใกล้เคียง แต่ก็ไม่ได้อยู่ในหมู่บ้านนี้ นอกจากนี้ ชายคนดังกล่าวก็เป็นคนไทย เนื่องจากเคยเจอกันมาแล้วหลายครั้ง แต่ก็เป็นคนไทยที่สามารถสื่อสารภาษากัมพูชาได้ ทางเจ้าหน้าที่เองขอยืนยันว่า ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ เมื่อมีการรายงานเข้ามาก็ต้องเข้าตรวจสอบ ส่วนนายแบงค์ ชายที่ถูกอ้างถึงก็เป็นคนในหมู่บ้านจริง แต่เขาไม่ได้อยู่ที่บ้านตอนที่มีการปะทะกัน

















