แม่ทัพภาคที่ 1 และ ผวจ.สระแก้ว ทยอยมอบพื้นที่ปลอดภัยให้ชาวบ้านหนองหญ้าแก้ว 2 ราย คนละ 14 ไร่ ชาวบ้านปลื้มรอมานานกว่า 30 ปี
วันที่ 20 ต.ค. 2568 พลโทวรยส เหลืองสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 1 พร้อมด้วยนายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว และคณะฯ ลงพื้นที่บ้านหนองจาน-บ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง จ.สระแก้ว
จุดแรก แม่ทัพภาคที่ 1 ลงพื้นที่บ้านหนองจาน เพื่อติดตามความคืบหน้าการเก็บกู้ทุ่นระเบิด เพื่อเร่งคืนพื้นที่ปลอดภัยให้ประชาชน โดยทหารจากกรมทหารช่าง ได้อธิบายแผนปฏิบัติการในการเคลียร์พื้นที่ทุ่นระเบิดบ้านหนองจาน โดยมีพันเอกชัยณรงค์ กาสี ผบ.ฉก.12 อธิบายถึงยุทธวิธี แผนในการรับมือสถานการณ์ต่างๆ หากมีการปฏิบัติการเก็บกู้
สำหรับจุดที่มีการกั้นพื้นที่เพื่อเก็บกู้ อยู่บริเวณพื้นที่ 60 ไร่ หรือที่รู้จักในนามบ้านกำนันลี บริเวณที่มีฐานทหารกัมพูชา ซึ่งขณะที่มีการสู้รบฝ่ายความมั่นคงได้เข้าเคลียร์พื้นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนพื้นที่อีก 64 ไร่ ที่มีชาวกัมพูชารุกล้ำ จำนวน 135 ครัวเรือน หลังแนวสแลนดำกั้นเป็นแผนดำเนินการทวงพื้นที่คืนต่อไป
นอกจากนี้ แม่ทัพภาคที่ 1 ผบ.ศปก.ทภ.1 และคณะ ได้เดินทางไปยังบ้านหนองหญ้าแก้ว เพื่อติดตามการเคลียร์พื้นที่ปลอดภัย ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว และได้ส่งมอบพื้นที่ทำกินปลอดภัยให้กับนางสมปอง เพ็ชรจิตต์ ที่ดินทำกินแปลงที่ 55 จำนวน 14 ไร่ และมอบให้นายสมพงษ์ วงชมภู ที่ดินทำกินแปลงที่ 56 จำนวน 14 ไร่
ขณะที่นายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว เผยต่อสื่อมวลชนว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ของ ปชด. ไม่มีเอกสารสิทธิ์ และตนต้องขอชื่นชมทหาร เพราะตนมีหน้าที่แค่ชี้เป้าให้เท่านั้น เพราะสุดท้ายแล้วทางกองทัพก็เป็นผู้ดำเนินการเก็บกู้ทุนระเบิดและเคลียร์เป็นพื้นที่ปลอดภัยให้กับประชาชน เมื่อถามว่า ในวันนี้สามารถลบคำสบประมาทได้หรือยัง นายปริญญา บอกว่า วันนี้สามารถทวงคืนพื้นที่มาให้ชาวบ้านทำกินได้ ทำให้ชาวบ้านได้ ทุกคนก็จะทราบเรื่องนี้เอง
ส่วนเรื่องของการประชุมเจบีซีนั้น ตนต้องรอดูว่า ผลจากจังหวัดจันทบุรีจะออกมาเป็นอย่างไร เพราะส่วนของตนนั้นไม่ได้อยู่ในวงของการประชุมดังกล่าว ซึ่งฝั่งกัมพูชาได้ปฏิเสธแผนมาทุกการประชุมที่ไทยได้ส่งไป ซึ่งในส่วนของตนนั้นก็จะทยอยนำพื้นที่คืนกลับมาให้ชาวบ้านได้ทำกินต่อไป ซึ่งเป็นการดำเนินการร่วมกับทางทหาร โดยตามความจริงแล้วจะต้องได้เร็วกว่านี้แต่ติดตรงที่มีฝนตกลงมาอยู่ตลอด ส่วนการผลักดันชาวกัมพูชาให้ออกไปจากพื้นที่นั้น ตอนนี้ทางการไทยก็ได้ขอให้กัมพูชาได้ส่งแผนการอพยพออกไปเช่นเดิม
ต่อมาแม่ทัพภาคที่ 1 และผู้ว่าฯ จังหวัดสระแก้ว ได้เดินทางมายังจุด ชรบ.หมู่บ้านบ้านหนองหญ้าแก้ว เพื่อพบปะประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ รวมทั้งมวลชนที่มาให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทหาร และผู้แทนมูลนิธิช่วยเหลือสังคมต่างๆ และยังได้ร่วมรับประทานอาหารกับชาวบ้าน เสร็จแล้ว แม่ทัพภาคที่ 1 ก็เดินไปยังร้านขายผลไม้และร้านขายน้ำ ที่จอดอยู่ด้านข้าง พร้อมเหมาสินค้าทั้งหมดแจกจ่ายประชาชนและสื่อมวลชน โดยแม่ทัพภาคที่ 1 ได้มอบเงินให้ร้านละ 2,000 บาท ก่อนจะเดินทางกลับจากบ้านหนองหญ้าแก้วโดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใดๆ กับสื่อมวลชน
ขณะเดียวกัน ทีมข่าวได้พูดคุยกับนางสมปอง เพชรจิตต์ เจ้าของที่ดินแปลงเลขที่ 55 และนายสมพงษ์ วงชมภู เจ้าของที่ดินแปลงเลขที่ 56 บ้านหนองหญ้าแก้ว ภายหลังได้รับที่ดินอย่างเป็นทางการ โดยนายสมพงษ์ กล่าวด้วยความตื้นตันใจว่า รู้สึกดีใจมากที่สุดหลังเฝ้ารอคอยมันนานกว่า 30 ปี ยืนยันว่าตอนนี้ไม่มีความกังวลอะไรแล้ว แต่หลังจากที่ได้ที่ดินกลับคืนมา ส่วนตัวก็อยากได้รั้ว-กำแพงแบบคอนกรีตกั้นกัมพูชา กันชายแดนตลอดแนวไปเลย
นายสมพงษ์ บอกอีกว่า หลังจากได้ที่ดิน จากนี้ก็คงตายตาหลับแล้ว ยืนยันว่าจะไม่ขายที่ จะเก็บไว้ให้ลูกหลานต่อไป ซึ่งตนจะบอกลูกหลานไปด้วย “อย่าไปทำอะไรที่ไม่ดี ที่ดินของเราตรงนี้กว่าจะได้มาเลือดตาแทบกระเด็น” แล้วในอนาคตก็หวังเช่นกันว่าอยากได้โฉนดที่ตรงนี้
ขณะที่ นางสมปอง กล่าวด้วยความตื้นตันใจเช่นกันว่า รู้สึกดีใจที่สุด ถือว่าได้ที่ดินได้เร็วมากกว่าที่คิด จนพูดอะไรไม่ออก แทบอยากจะร้องไห้ ก่อนหน้านี้ยอมรับว่าเป็นกังวลเรื่องทุ่นระเบิดอาจหลงเหลืออยู่ แต่ว่าตอนนี้ได้ความเชื่อมั่นจากเจ้าหน้าที่แล้วว่าจะมีการเข้ามาเคลียร์ให้อีกครั้ง
นางสมปอง กล่าวว่า จากนี้คงไม่มีปัญหาอะไรแล้ว แต่ส่วนตัวยังยืนยันว่าอยากได้กำแพงกั้นไทย-กัมพูชา ก่อนจะย้ำชัดเช่นกันว่า หลังจากได้ที่ดินกลับมาจะไม่มีการขายหรือให้เช่าอย่างแน่นอน