ความจริง! เขมรรุกล้ำชายแดนตราด 17 จุด ละเมิด MOU 43 มานานแล้ว ฝ่ายไทยประท้วงตลอดแต่ไม่ตอบสนอง จึงได้ผลักดันออกไปแล้ว ส่วนการสร้างอาคารกาสิโนที่ทมอดา จ.โพธิสัต และบ้านพักทหารกัมพูชาล้ำแดน ฝ่ายความมั่นคงไทยจึงไม่ยินยอมให้เปิดจุดผ่านแดนถาวรบ้านท่าเส้นกับบ้านทมอดา ทั้งที่สร้างถนนมาเชื่อมแล้ว

วันที่ 16 กันยายน 2568 ตามที่ปรากฏข่าวสารเกี่ยวกับการรุกล้ำอธิปไตยด้านพื้นที่จังหวัดตราด กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) ขอชี้แจงข้อมูลดังกล่าวว่า พื้นที่ตามที่ปรากฏเป็นข่าวนั้น เป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ตามมาตราส่วน 1:50,000 ล้ำเข้ามาดังนี้
จุดที่ 1 เป็นกองร้อย ตชด.825 (กัมพูชา) ซึ่งมีอาคารล้ำเข้ามาประมาณ 15 เมตร
จุดที่ 2 เป็นแนวคูเลตบริเวณสวนยาง ซึ่งมีบางส่วนของพื้นที่สวนยางล้ำเข้ามาในพื้นที่อ้างสิทธิ์ของประเทศไทย ประมาณ 125 เมตร
และ จุดที่ 3 เป็นกองร้อย ลว.ที่ 1 ของ พัน.ปชด.501ของกัมพูชา ซึ่งมีแนวคูเลตล้ำเข้ามาในพื้นที่อ้างสิทธิ์ของประเทศไทย ประมาณ 30 เมตร
ซึ่งทั้ง 3 พื้นที่ดังกล่าว กปช.จต. ดำเนินการผลักดันกำลังฝ่ายตรงข้ามออกนอกพื้นที่หมดแล้ว ไม่มีกำลังฝ่ายตรงข้ามอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว และในปัจจุบัน กปช.จต. ได้มีการดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อให้เป็นไปตามข้อตกลงระหว่างกันเรียบร้อยแล้ว

หลังจากนี้ กปช.จต. จะติดตามผลการดำเนินการอย่างใกล้ชิดต่อไป กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ขอชี้แจงข้อมูล ดังกล่าวเพื่อป้องกันการเข้าใจผิด และยังคงยืนยันเจตนารมณ์อย่างแน่วแน่ว่า จะปกป้องอธิปไตยของชาติอย่างเต็มกำลังความสามารถเหมือนในอดีตที่ผ่านมา เพื่อไม่ให้มีการรุกล้ำอธิปไตยของชาติแม้แต่ตารางนิ้วเดียว

ด้านนาวกเอกภูริศวร์ วงษ์เพ็ญศรี ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด (ผบ.ฉก.นย.ตราด) เปิดเผยว่า การรุกล้ำพื้นที่ประเทศไทย 3 จุด บริเวณบ้านชำราก ต.ชำราก อ.เมือง จ.ตราด เป็นเรื่องจริง ล้ำมาหลายสิบปีแล้ว แต่การล้ำพื้นที่มานั้น ไม่มากเหมือนบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ซึ่งที่ผ่านมา ฝ่ายทหารได้ทำเรื่องประท้วงมาตลอด เพื่อให้ฝ่ายกัมพูชาถอยออกไป แต่กลับไม่ได้รับการตอบสนองเท่าที่ควร ซึ่งหลังจากที่ปรากฏเป็นข่าวได้ตรวจสอบพบว่า เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมานานแล้วและได้เข้าไปดำเนินการผลักดันออกไปทั้งหมดแล้ว

ผบ.ฉก.นย.ตราด ยังกล่าวต่อว่า ทหารไทยยังคงรักษาอธิปไตยไทยไม่ให้มีการรุกล้ำพื้นที่เพิ่มเติม ส่วนการผลักดันนั้น ทางทหารพร้อมใช้กำลังเข้าจัดการเด็ดขาด แต่เราเป็นห่วงประชาชนชาวตราด ที่จะได้รับผลกระทบหากเกิดการปะทะขึ้นมา

อย่างไรก็ตาม ในพื้นที่จังหวัดตราดใน 2 อำเภอ คือ อ.เมืองตราด มีพื้นที่ติดชายแดนจำนวน 4 ตำบล คือ ตำบลท่ากุ่ม ต.ตะกาง ต.ชำราก และตำบลแหลมกลัด ติดกับอำเภอเวียงเวล จ.โพธิสัต ในอำเภอคลองใหญ่ มีพื้นที่ติดกับ จ.เกาะกง และมี 3 ตำบลที่ติดชายแดน คือ ต.ไม้รูด ต.คลองใหญ่ และต.หาดเล็ก ซึ่งตลอดระยะทางมีพื้นที่ที่กัมพูชารุกล้ำตาม MOU 43 จำนวน 17 จุด ซึ่งที่ผ่านมา มีคณะกรรมาธิการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา กรรมาธิการทหาร สภาผู้แทนราษฎร รวมทั้งสภาความมั่นคงเดินทางมาติดตามสถานการณ์ชายแดนตลอดระยะเวลา 3-4 ปีที่ผ่านมา และทางฝ่ายหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด ชุดควบคุมทหารพรานนาวิกโยธินที่ 3 (ชค.ทพ.นย.ที่ 3)ได้บรรยายสรุปและชี้แจงถึงปัญหาในเรื่องนี้มาตลอด หลังจากมีความพยายามในการเปิดจุดผ่านแดนถาวรบ้านท่าเส้นกับบ้านทมอดา ต.เวียงเวล อ.เวียงเวล จ.โพธิสัต แต่ฝ่ายความมั่นคงไม่ยินยอม

เนื่องจากฝ่ายกัมพูชามีการก่อสร้างอาคารกาสิโนหลังที่ 2 และบ้านพักทหารชายแดนล้ำเข้ามาในพื้นที่เขตแดนไทย และไม่ยอมรื้อถอนออกไป แม้ฝ่ายนักธุรกิจ จ.ตราด จะให้งบประมาณรื้อจำนวน 3 ล้านบาท แต่รัฐบาลกัมพูชาไม่ยินยอม ทำให้สภาความมั่นคงแห่งชาติไม่เปิดจุดผ่านแดนแห่งนี้ แม้จะมีภาคเอกชนของจังหวัดตราดและฝ่ายการเมืองของ จ.ตราด พยายามผลักดัน หลังจากมีการทุ่มงบประมาณกว่า 50 ล้านบาท สร้างถนน 4 เลนเข้ามาเชื่อมกับถนนที่ฝ่ายกัมพูชาสร้างมาเชื่อมก็ตาม

โดยจำนวนพื้นที่ 17 จุด ที่ฝ่ายกัมพูชารุกล้ำและละเมิดเขตแดนไทยตาม MOU 43 ประกอบด้วย ในพื้นที่อำเภอเมืองตราด ในตำบลชำราก มี 4 จุด ในตำบลแหลมกลัด 6 จุด อ.คลองใหญ่ ในตำบลไม้รูด 5 จุด และตำบลคลองใหญ่ 1 จุด และหาดเล็ก 1 จุด