คืบหน้าเหตุเพลิงไหม้โรงงาน จ.สมุทรสาคร ตรวจสอบเบื้องต้นเกิดจากไฟไหม้ท่อส่งน้ำมันเดินเครื่องจักรผลิตยาง ใช้เวลาร่วม 2 ชั่วโมงจึงควบคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัด แต่ยังไม่ดับสนิท มีผู้บาดเจ็บเล็กน้อย 2 คน

วันที่ 7 กรกฎาคม 2568 จากกรณีเมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. ศูนย์วิทยุสถานีตำรวจภูธรเมืองสมุทรสาครได้รับแจ้งมีเหตุเพลิงไหม้เกิดขึ้นที่ภายในโรงงานแห่งหนึ่ง หมู่ที่ 1 ตำบลบ้านเกาะ อำเภอเมือง จ.สมุทรสาคร ซึ่งประกอบกิจการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ทำจากยาง ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสมุทรสาคร นำรถดับเพลิงของ อบต.บ้านเกาะอบจ.สมุทรสาคร ทต.บางปลา และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่กว่า 20 คัน เข้าระงับเหตุ พร้อมกันแจ้งให้ ร.ต.ท.หญิง อิมสุธินันท์ พงศสุรทร รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองสมุทรสาคร เข้าตรวจสอบร่วมกับ นายอนุตร ปางพุฒิพงษ์ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสมุทรสาคร นายคนึง ทองเที่ยง ปลัดอาวุโสอำเภอเมืองสมุทรสาคร พ.ต.ท.สุขุม เพาะไธสง รอง ผกก.ป.สภ.เมืองสมุทรสาคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า อาคารที่เกิดเหตุมีขนาดใหญ่เนื้อที่ราวๆ 3 – 4 ไร่ ส่วนจุดต้นเพลิงเกิดขึ้นบริเวณท่อส่งน้ำมันที่ใช้ในกระบวนการผลิตภายในโรงงานดังกล่าว โดยลักษณะของเชื้อเพลิงเป็นเชื้อเพลิงไวไฟ ประกอบกับภายในมีสินค้าประเภทยางที่ผลิตแล้วเป็นจำนวนมาก จึงส่งผลให้เพลิงลุกลามได้อย่างรวดเร็ว และจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ก็มีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 2 คน โดยเป็นเจ้าหน้าที่ของโรงงาน 1 คน และ เจ้าหน้าที่ดับเพลิง 1 คน ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ขณะที่ การควบคุมเพลิงนั้น ทางเจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลานานเกือบ 2 ชั่วโมง จึงควบคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดได้ แต่ก็ยังไม่ดับสนิท เนื่องจากภายในมีทั้งเครื่องจักรที่ใช้ในกระบวนการผลิต วัตถุดิบไวไฟ และสินค้ายางยืดที่ผลิตเสร็จแล้วจำนวนมาก ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงอย่างดีนั่นเอง ดังนั้นจึงต้องมีการฉีดน้ำหล่อเลี้ยงไปเรื่อยๆ พร้อมกับให้เจ้าหน้าที่ชุดผจญเพลิงนำอุปกรณ์เข้าไปดับไฟด้านใน แต่ทั้งนี้ก็ต้องเฝ้าระวังความปลอดภัยจากตัวอาคารที่อาจจะพังถล่มลงมาได้ เนื่องจากถูกไฟลุกไหม้อย่างรุนแรง จนเสียหายเกือบทั้งหมด

ส่วนสาเหตุนั้น จากการสอบถามคนงานบอกว่า มีเพลิงลุกไหม้ขึ้นที่ท่อส่งน้ำมันที่ส่งไปยังเครื่องจักรซึ่งใช้ในกระบวนการผลิตสินค้าประเภทยาง แต่ไม่รู้ว่าเกิดจากอะไร เพราะเครื่องจักรก็ไม่ได้มีการชำรุดเสียหายแต่อย่างใดทั้งสิ้น ทั้งนี้จะต้องรอวิศวกรโรงงานผู้เชี่ยวชาญด้านเครื่องจักรกล และเจ้าหน้าที่วิทยาการ กองพิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบหาสาเหตุที่ชัดเจน ส่วนตัวโครงสร้างอาคารนั้น จะยังสามารถใช้งานได้หรือไม่ ก็ต้องให้ทางเจ้าหน้าที่โยธาฯ เข้ามาประเมิน

เบื้องต้นหลังจากที่เพลิงสงบลงแล้ว ทางผู้บัญชาการเหตุการณ์จะสั่งปิดล้อมกั้นพื้นที่เกิดเหตุไว้ ห้ามผู้ใดเข้าใกล้จนกว่าการพิสูจน์จะแล้วเสร็จ ด้านมูลค่าความเสียหายยังอยู่ระหว่างการประเมิน