ดร.ธนกฤต เผยผลตรวจมลพิษไฟไหม้โกดังย่านฉลองกรุง 55 พบค่าเกินมาตรฐาน เตือนประชาชนรัศมี 300 เมตรต้องระวัง ด้าน ผอ.สปภ.กทม. เผยเหลือไฟเป็นหย่อมๆ คาดคืนนี้คุมเพลิงได้ ส่วนควันยังต้องรอดับเถ้าถ่าน
วันที่ 12 พ.ค. 2568 เมื่อเวลาประมาณ 17:00 น. นายสุริยชัย รวิวรรณ ผู้อํานวยการสํานักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้เปิดผนังชั้นใต้ดินด้านข้างของโกดังที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ ย่านฉลองกรุง 55 เพื่อจะฉีดน้ำเข้าไปถึงตัวแสงไฟที่ชั้นใต้ดิน โดยฝนที่ตกตกลงมาเมื่อช่วงบ่ายนั้นสามารถช่วยดับไฟได้อีกหนึ่งแรง ทำให้แสงเพลิงที่อยู่บนชั้นหนึ่งและชั้นลอยได้ดับลง
ส่วนชั้นใต้ดินตอนนี้ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ชุดดับเพลิงในอาคารลงไป มีการใช้หน้ากากช่วยหายใจเพื่อป้องกันสารพิษ พร้อมกับสายน้ำที่มีหัวฉีดเข้าไปดับไฟ ตอนนี้ยืนยันว่าเหลือกลุ่มไฟเป็นหย่อมๆ ซึ่งคาดการณ์ไว้ว่า หากดำเนินการในการดับเพลิงได้รวดเร็วก็จะดับไฟทุกจุดได้ภายในวันนี้หรือคืนนี้ ส่วนหลังจากนั้นก็จะเร่งดับเถ้าถ่านที่เป็นเม็ดพลาสติก ซึ่งจะใช้เวลาไม่นาน เนื่องจากว่าเม็ดพลาสติกสามารถดับได้ง่ายกว่าวัตถุชนิดอื่น เช่น ไม้
สำหรับการทำงานภายในตัวอาคารโกดังโรงงานดังกล่าว จะทำการแบ่งโซนคล้ายกันกับที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน เพื่อจะได้ครอบคลุมให้ครบทุกที่พร้อมกัน ซึ่งจากการดำเนินการในวันนี้ก็สามารถควบคุมกลุ่มควันได้บางส่วนแล้ว บางครั้งรอบในการเจาะบริเวณผนังอาคารทำให้ระบายกลุ่มควันออกไปได้มาก และในขณะนี้ยังยืนยันว่า ยังใช้น้ำในการดับไฟดังกล่าว ประกอบกับฝนที่ตกตกลงมาจึงยังไม่มีมีการใช้โฟมเข้าไปฉีด ซึ่งจะต้องมีการพิจารณาอีกครั้งหากมีการเปลี่ยนรูปแบบปฎิบัติการ
ในส่วนของการทรุดตัวของอาคารหลังจากที่ฝนตกลงมานั้น ยืนยันว่า ตอนนี้ตัวอาคารมีความแข็งแรงมากพอที่รองรับปริมาณน้ำฝนไม่ให้เกิดการพังถล่มลงมา รวมถึงบันไดชั้นใต้ดินได้มีการเข้าไปตรวจสอบแล้ว พบว่ามีความแข็งแรง ยังไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ส่วนจุดที่ยังไม่สามารถเข้าไปดำเนินการได้ นั่นคือจุดถนนที่อยู่ภายในโรงงานบริเวณฝั่งซ้ายมือข้างตัวโกดัง เนื่องจากว่าจุดนี้มีการทรุดตัวลงมาแล้ว จึงต้องระมัดระวังในการเข้าไปปฏิบัติการ
ขณะที่ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 16.30 น. ที่ศูนย์บัญชาการเหตุบริเวณโรงเรียนลำพะอง ดร.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้เปิดเผยว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ให้กรมควบคุมโรคและกรมอนามัยมาดูในพื้นที่ ซึ่งจะต้องมีการวัดค่าอากาศว่ามีมลพิษสูงมากน้อยแค่ไหน โดยเมื่อสักครู่ ได้วัดบริเวณด้านหน้าโรงงาน พบว่า ตัวเลขขึ้นมากกว่า 0.5 ถือว่า อากาศบริเวณนี้ เป็นมลพิษแล้ว ขนาดตรวจบริเวณด้านหน้าโรงงานยังมีค่าที่สูงขนาดนี้ คาดว่าในพื้นที่ด้านในน่าจะมีค่าที่อันตรายมากกว่านี้
ดังนั้น ต้องบอกพี่น้องประชาชนที่อยู่บริเวณรัศมี 300 เมตร ให้ระมัดระวังในเรื่องนี้ด้วย ขณะเดียวกันกรมควบคุมโรคก็กำลังนำเครื่องที่ละเอียดมากกว่านี้มาตรวจสอบ
ขณะเดียวกัน หากพี่น้องประชาชนมีอาการเวียนหัว ปวดหัว คลื่นไส้ อาเจียน ควรรีบไปพบแพทย์ทันที ส่วนการป้องกันนั้นเราจะต้องใช้แมสก์อย่างน้อย คือ N95 จึงจะช่วยป้องกันได้ดีที่สุด อย่างไรก็ตาม โชคดีที่วันนี้มีฝนตกจะทำให้มลพิษในอากาศเบาลง แต่หลังจากที่ฝนหยุดตกแล้วจะเกิดลม เชื่อว่า มลพิษตรงนี้อันตราย ใครที่อยู่แถวนี้ก็ขอให้ไปหาที่อยู่พักพิงชั่วคราวไปก่อน
ในวันพรุ่งนี้ กรมอนามัยจะให้ทีมงานมาตรวจแหล่งน้ำบริเวณโดยรอบ ว่าเป็นอันตรายต่อพี่น้องประชาชนหรือไม่