จากกรณีช่วงค่ำวานนี้ (17 พ.ค.) ตำรวจ สภ.ตาพระยา จ.สระแก้ว รับแจ้งเหตุมีผู้เสียชีวิตอยู่ใกล้กับไร่มันสำปะหลัง ภายในพื้นที่หมู่ 7 ต.ตาพระยา โดยพบชายมีลักษณะถูกฟันที่ศีรษะหลายแผลเสียชีวิตอยู่ที่พื้นดินทราบชื่อ นายสมพร หรือ ลาน อายุ 34 ปี ขณะที่คนก่อเหตุ คือ นายธราธร หรือ รุจ อายุ 21 ปี กับ นายอุดมศักดิ์ หรือแต๊ก อายุ 21 ปี ร่วมกันใช้อาวุธมีดทำร้ายร่างกายคนตาย หลังก่อเหตุได้มีการมอบตัวกับตำรวจทันที นั้น






วันนี้ (18 พ.ค. 2567) ทีมข่าวช่อง 8 ลงพื้นที่ไปยังซอยกลางหมู่บ้าน ติดกับไร่มันสำปะหลัง โดยพบว่า จุดเกิดเหตุนั้นยังคงมีกองเลือดของคนตายติดอยู่บนพื้นดิน และจุดที่พบศพนั้นอยู่ห่างจากบ้านของกลุ่มก่อเหตุเพียง 500 เมตร ซึ่งตอนเกิดเหตุตัวของนายสมพร คนตาย ได้เดินจากบ้านของตัวเองซึ่งอยู่อีกหมู่บ้านหนึ่ง ระยะทาง 1 กิโลเศษ มาที่บ้านของนายธราธรเพื่อที่จะหาเรื่อง โดยทั้งคู่เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ก่อนที่ตัวของนายสมพร คนตาย ใช้อาวุธมีดไล่ทำร้ายนายธราธร ซึ่งนายธราธรได้วิ่งไปบอกเพื่อนคือ นายอุดมศักดิ์ ให้ช่วยเหลือ ก่อนที่จะพากันวิ่งหนีไปที่ร้านมันที่เกิดเหตุ และสุดท้ายมีการต่อสู้กันจนเป็นเหตุทำให้นายสมพร ถูกฟันจนตาย






โดยหลังเกิดเหตุทีมข่าวยังสังเกตว่าภายในหมู่บ้าน ทั้งหมู่ 3 และหมู่ 7 ชาวบ้านในหมู่บ้านส่วนใหญ่ ต่างได้รับความเสียหายจากการกระทำของนายสมพร คนตาย ซึ่งมีอาการคลั่งยา และกลางคืนตระเวนออกเดินทั่วหมู่บ้านเพื่อทำลายทรัพย์ทรัพย์สินของชาวบ้าน โดยจะสังเกตว่าบ้านเรือนประชาชนในหมู่บ้านจะถูกไม้และเหล็กตีกระจก ผนังบ้านที่เป็นไม้ฝาเฌอร่า ลักษณะแตกเป็นรูโบ๋ และยังพบว่ามีรถมอเตอร์ไซค์ มอเตอร์กล้องวงจรปิดในหมู่บ้าน รวมทั้งรูปพระบรมฉายาลักษณ์กลางหมู่บ้าน ซึ่งก็ได้รับความเสียหายจากการกระทำของนายสมพร ที่อยู่ในอาการคลั่งยา ออกตระเวนก่อเหตุช่วงกลางคืน ทำลายทรัพย์สินในหมู่บ้านและบ้านเรือนประชาชน


นอกจากนี้ ยังพบว่า บ้านของ นางจารุวีรรรณ แม่ของนายสมพร ซึ่งสภาพบ้านเสียหาย กระจกหน้าต่างและประตูถูกทุบแตก ฝาบ้านจากไม้ฝาเฌอร่าก็ถูกทุบจนกระทั่งเป็นรูโบ๋รอบด้าน ข้าวของเครื่องใช้รอบบ้านแตกเสียหาย อีกทั้งยังพบโอ่งใส่น้ำของแม่ก็ถูกทุบตีจนแตก แม้แต่เล้าไก่ที่แม่ใช้เลี้ยงไก่ก็ถูกรื้อเอาสังกะสีไปขาย จนเหลือแต่โครง และแคร่ไม้ที่แม่ใช้นั่งก็ถูกจุดไฟเผา ซึ่งทั้งหมดก็เกิดจากการกระทำของนายสมพร คนตาย ทั้งหมด




ด้านนางจารุวีรรรณ อายุ 60 ปี แม่ของคนตาย เผยว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนเองไม่ได้ถือโทษโกรธหลาน เพราะเนื่องจากเข้าใจว่าเป็นการป้องกันตัวเอง โดยเมื่อวานนี้ตัวของลูกชายมีอาการคุ้มคลั่ง และมีการบ่นและพูดตลอดว่า “กูจะฆ่าหลาน กูจะฆ่ามันให้ตาย” ซึ่งตนเองก็เข้าใจว่าหลานวิ่งหนีไปแล้ว แต่ตัวของลูกชายยังตามไปก่อเหตุ จึงเป็นเหตุทำให้หลานต้องป้องกันตัวแล้วฆ่าลูกของตัวเองตาย


ส่วนตัวยอมรับว่า เสียใจแต่ก็ไม่สามารถร้องไห้ได้ เพราะเนื่องจาก 2 ปีที่ผ่านมา ตนเองร้องไห้จนไม่มีน้ำตาแล้ว เนื่องจากลูกชายคลั่งยา ทำร้ายทุบตีพ่อแม่ ทำลายข้าวของในบ้าน จนทำให้ตนเองอยู่บ้านไม่ได้ ต้องหนีไปนอนบ้านญาติ เปลี่ยนที่นอนไปเรื่อย ๆ เนื่องจากลูกชายตามไล่ทำร้าย จึงต้องหนีหัวซุกหัวซุนไปนอนที่อื่น และการตายของลูกวันนี้ ตนเองจึงไม่ได้เสียใจและร้องไห้ เพราะลูกชายทำกับชาวบ้านและทำกับญาติพี่น้องมาหนักพอสมควรแล้ว แต่ในทางกลับกันตนเองสงสารหลานมากกว่า ที่จะต้องกลายเป็นผู้ต้องหา และช่วงหลังที่ลูกมีอาการหนัก เวลาขอเงินไม่ได้ก็พาลจะทำร้ายพ่อแม่ ถึงขั้นขู่จะฆ่าตัดคอตนเอง ซึ่งทุกครั้งที่ตัวเองเห็นว่าลูกไม่ปกติ ก็พยายามเดินหนีและไปอยู่ที่อื่น เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกทำร้ายตนเองและสามีตาย


อย่างไรก็ตาม สำหรับเหตุการณ์เมื่อคืน ตนเองก็นั่งอยู่ในบ้านหลังเดียวกันกับหลานคือ นายธราธร คนก่อเหตุ ซึ่งลูกชายก็เดินเข้ามาหาเรื่อง ตนเองยังบอกให้หลานวิ่งหนี อย่าไปสู้ อย่าไปมีเรื่องกับมัน แต่ไม่คิดว่ามันจะเอามีดไล่ฟันหลาน จนเป็นเหตุทำให้หลานต้องไปตามเพื่อนมาช่วย และสุดท้ายตัวของลูกชายก็ถูกหลานฆ่าตาย




และวันเดียวกันนี้เมื่อเวลา 15.00 น. ที่ผ่านมา ภายหลังชาวบ้านหมู่ 3 และหมู่ 7 กว่าครึ่งหมู่บ้าน เดินทางไปเพื่อรับรองพฤติกรรมของนายธราธร และนายอุดมศักดิ์ หลังจากมีการมอบตัว ว่าเป็นคนก่อเหตุทำร้ายนายสมพรคนตาย ซึ่งชาวบ้านเห็นใจเด็กทั้งคู่ จึงพากันไปรับรองพฤติกรรมและเพื่อขอประกันตัวชั่วคราว หลังจากถูกแจ้งข้อกล่าวหา “ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นให้เป็นเหตุถึงแก่ความตาย” ซึ่งชาวบ้านเห็นใจเด็กสองคนที่ต้องกลายเป็นผู้ต้องหาจากพฤติกรรมของคนตาย


หลังจากที่ทั้งคู่ได้รับการประกันตัวและปล่อยตัวชั่วคราว ปรากฏว่าทั้งคู่ได้เดินทางกลับมาที่บ้าน โดยนั่งรถมอเตอร์ไซค์กลับมาพร้อมกับญาติ ซึ่งทันทีที่เดินทางมาถึงได้มีการเดินไปหา นางจารุวีรรรณ แม่ของคนตาย เพื่อที่จะขอขมาและขอโทษต่อการกระทำที่เกิดขึ้น โดยตัวของนายธราธร ได้มีการพนมมือก้มกราบเท้าแม่ของคนตาย พร้อมกับขอโทษ ซึ่งแม่ของคนตายพูดเป็นภาษาถิ่นอโหสิกรรมและให้อภัย




จากนั้นผู้เฒ่าผู้แก่ ซึ่งเป็นปู่กับย่าของนายธนาธร กับนายอุดมศักดิ์ ได้มีการผูกข้อไม้ข้อมือรับขวัญหลังได้รับการปล่อยตัว จากนั้นได้มีการอาบน้ำมนต์ พร้อมทั้งเอาน้ำมนต์ให้กิน เพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์ตามความเชื่อ หลังเจอเหตุร้าย ซึ่งมีปู่กับย่าเป็นคนนำประกอบพิธี ก่อนจะมีญาติพี่น้องร่วมพิธีผูกข้อไม้ข้อมือ และอาบน้ำมนต์ให้กับคนก่อเหตุทั้งสอง




ขณะเดียวกันทีมข่าวตรวจสอบกล้องวงจรปิด ก่อนถึงบ้านที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นกล้องของปั๊มกลางชุมชน โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดวันที่ 17 พ.ค. ช่วงเวลาประมาณ 18.00 น. จับภาพนายสมพร คนตาย ปั่นจักรยานใส่เสื้อสีขาว มีการตะโกนทักทายกับชาวบ้านที่ปั๊ม ก่อนจะปั่นจักรยานเข้าไปในชุมชน




และเวลาประมาณ 20.29 น. ของวันเดียวกัน ภาพจากกล้องวงจรปิดจับแสงไฟรถมอเตอร์ไซค์ของ นายธราธร คนก่อเหตุ ขี่รถมอเตอร์ไซค์ขับเข้ามาในชุมชน หลังจากไปรับญาติ ก่อนจะไปมีเรื่องกับนายสมพร คนตาย และกล้องวงจรปิดตัวเดียวกัน จับภาพต่อเวลาประมาณ 23.51 น. จะเห็นว่ามีรถตำรวจสายตรวจ และรวมถึงรถกู้ภัยทยอยเข้ามาที่เกิดเหตุ รับแจ้งเหตุว่ามีการฆ่ากันตาย


ด้านนายธราธร คนก่อเหตุ เปิดใจกับทีมข่าวช่อง 8 หลังได้รับการประกันตัว และปล่อยตัวชั่วคราว นายธราธร เผยว่า เหตุการณ์เมื่อวานนี้ ตนเองก็อยู่ในบ้านตามปกติ แต่เป็นช่วงเวลาประมาณสามทุ่มเศษตัวของนายสมพร ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้อง โดยเป็นพี่เข้ามาที่บ้านของตนเองพร้อมกับมีลักษณะโวยวาย และพูดทำนองว่า “กูจะฆ่ามึงให้ตาย วันนี้กูจะเอามึงให้ตายให้ได้” ซึ่งหลังจากที่ตัวเองเห็นว่าตัวของนายสมพรมีอาการคลั่ง ประกอบกับมีอาวุธมีดในมือ จึงเดินหนีและไม่อยากมีเรื่อง แต่ตัวของนายสมพรก็พยามตามและหาเรื่อง ประกอบกับมีการใช้ของแข็งทุบตีรถซาเล้ง ที่จอดอยู่ในโรงจอดรถเสียหาย ทำให้ตนเองต้องหาอาวุธซึ่งเป็นมีดมาป้องกันตัว แต่ตัวของนายสมพรก็ยังพยามเข้ามาจะทำร้ายตนเองต่อเนื่องด้วยอาวุธมีดที่เตรียมมา




ตนเองจึงได้ไปขอความช่วยเหลือจากนายอุดมศักดิ์ ซึ่งเป็นเพื่อน โดยให้ถืออาวุธมาเพื่อช่วยกันปกป้องทรัพย์สินและชีวิต เนื่องจากในบ้านมีคนแก่ แต่ตัวของนายสมพรก็ยังพยายามไล่ทำร้ายตนเอง สุดท้ายก็ถูกตนเองและนายอุดมศักดิ์ทำร้ายจนตาย แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยอมรับว่าเป็นเรื่องของการป้องกันตัว ไม่ได้มีเจตนาจะเอาเขาถึงตาย


สำหรับชนวนเหตุ ตนเองเชื่อว่าน่าจะเกิดจากอาการหลอนยาเสพติด ประกอบกับคิดไปเอง เพราะเนื่องจากตนเองเพิ่งจะลาออกจากงานที่กรุงเทพฯ และกลับมาอยู่บ้านได้ไม่ถึง 2 เดือน เพราะกลับมาเพื่อเกณฑ์ทหาร และกำลังจะไปรับราชการทหารทหารผลัด 2 แต่ดันมาเกิดเหตุขึ้นก่อน และการที่ตัวเองกลับมาอยู่บ้านตัวของนายสมพรก็คิดไปเองและเข้าใจผิด กล่าวหาว่าตนเองจะมาแย่งสมบัติ


อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนเองก็รู้สึกผิดที่ทำพี่ตาย แต่อีกมุมก็เพื่อป้องกันคนแก่และรวมถึงทรัพย์สินของตัวเอง และส่วนตัวก็อยากจะขอบคุณชาวบ้านที่เข้าใจ แต่สิ่งที่ทำลงไป มันก็เป็นเรื่องที่ไม่สมควร ทั้งนี้ก็จะรับผิดตามกระบวนการของกฎหมาย และฝากขอบคุณชาวบ้านที่ร่วมรับรองและประกันตัวตนเองกับเพื่อนออกมา




ขณะเดียวกัน ทีมข่าวช่อง 8 ได้คุยกับนายอุดมศักดิ์ หนึ่งในผู้ต้องหา เปิดใจว่า เหตุการณ์เมื่อวานนี้ตนเองนั่งอยู่ภายในบ้าน แต่ตัวของนายธราธรเพื่อนของตัวเองได้มาตะโกนขอความช่วยเหลือ ว่ากำลังถูกนายสมพร คนตาย หาเรื่องและทำร้าย ตนเองจึงได้เอามีดตัดต้นกล้วยออกไปเพื่อป้องกันตัว และไม่ได้คิดว่าจะเอามีดดังกล่าวไปทำร้ายนายสมพร ซึ่งหลังจากที่ตัวเองออกไปช่วยนายธนาธรก็พยายามพากันหนี จนกระทั่งไปที่ลานดินตรงสวนมันสำปะหลัง แต่ก็ไม่คิดว่าตัวของนายสมพรจะตามมาหาเรื่องและไล่ฟันตนเอง สุดท้ายแล้วต้องมีการป้องกันตัวด้วยอาวุธมีดที่เตรียมไป


ส่วนตัวยอมรับผิดกับสิ่งที่ทำลงไปเพราะเป็นเรื่องที่ไม่ควร เนื่องจากมีการทำร้ายร่างกายคนอื่นถึงแก่ความตาย แต่ก็ยืนยันว่าเป็นเรื่องของการป้องกันตัวเพราะหากถ้าไม่ทำ ตัวของนายสมพรก็จะเข้ามาทำร้ายคนแก่และรวมถึงทรัพย์สินในบ้าน และตนเองอยากจะฝากขอโทษครอบครัวคนตาย รวมถึงอยากจะขอบคุณชาวบ้านที่เข้าใจ พร้อมทั้งช่วยประกันตัวให้กับพวกของตนเอง ซึ่งหลังจากนี้ก็จะรับผิดตามกระบวนการของกฎหมายและตามขั้นตอนต่อไป

 

ลูกพี่ลูกน้องร่วมกันฆ่าพี่ชายคลั่งยา คนทั้งหมู่บ้านช่วยประกันตัว