จากกรณี เมื่อ 06.00 น. เช้าวันนี้ (8 พ.ค.) มีชาวบ้านไปพบศพนายมาโนช หรือ เจมส์ อายุ 29 ปี ถูกยิงเสียชีวิตอยู่ในทุ่งนาของชาวบ้านในพื้นที่ ต.ทรายขาว ม.10 อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช สภาพศพพบรูกระสุนเจาะเข้าศีรษะ 3 รู นอนหงายจมกองเลือดอยู่ ใกล้กันยังพบถุงปุ๋ยของผู้ตาย และไฟส่องกบของผู้ตายที่คาดหัวอยู่ โดยจุดพบศพอยู่ห่างจากบ้านของผู้ตายประมาณ 500 เมตร

 

ล่าสุดทีมข่าวยังได้ภาพจากกล้องวงจรปิดบ้านของชาวบ้านซึ่งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 600 เมตร ช่วงเวลาประมาณ 00.19 น. คืนเกิดเหตุ (8 พ.ค.) โดยจะได้ยินเสียงปืนดังประมาณ 5 นัด ซึ่งคาดว่าเป็นนาทีที่ผู้ตายถูกยิงเสียชีวิต

 

ล่าสุดวันนี้ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปที่จุดเกิดเหตุพบว่าอยู่บริเวณกลางทุ่งนาห่างจากบ้านของผู้ตายประมาณ 500 เมตร โดยจุดที่ตายถูกยิงเป็นที่โล่งกลางทุ่งนาอยู่ติดกับสวนปาล์มของชาวบ้าน ใกล้กับจุดพบศพประมาณ 50 เมตร ทีมข่าวยังไปพบขวดเหล้าขาว 1 ขวดตกอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ

 

ต่อมาทีมข่าวได้เดินทางไปบ้านของผู้ตาย เราได้พูดคุยกับนางสาวรุ่งฤดี อายุ 29 ปี เมียของผู้ตายเล่าให้ฟังว่า ก่อนเกิดเหตุเวลาประมาณ 3 ทุ่ม สามีของตนเองบอกว่าจะออกไปหากบในทุ่งนาหลังบ้าน ตอนนั้นลูกสาววัย 4 ขวบได้ร้องงอแงจะขอไปด้วย ทำให้สามีต้องอุ้มพาลูกน้อยทั้ง 4 คนเพื่อเข้านอนก่อน โดยได้จับลูกนอนบนที่นอนพร้อมกับหอมแก้มลูกทุกคน และบอกกับลูกว่า “ไม่ต้องออกไปนะ เดี๋ยวพาไปหากบแป๊บเดียว เดี๋ยวก็กลับ”

 

จากนั้นสามีได้มายืนอยู่บริเวณหน้าบ้านกับตนเอง ก่อนจะเห็นนายรุตซึ่งเป็นเพื่อนบ้านติดกันยืนอยู่ข้างบ้านของตนเอง คล้ายกำลังมองหาวัวของเจ้าตัว โดยนายรุตได้ตะโกนพูดว่า “วัวมันไปไหนแล้ว” ตอนนั้นตนเองและสามีก็ไม่ได้พูดตอบอะไรกลับ เพราะปกติไม่ค่อยถูกกันเท่าไหร่นัก

 

จากนั้น สามีจึงได้ถือกระสอบปุ๋ย เดินออกไปทางหลังบ้านเพื่อไปหากบขาย ส่วนตนเองได้กลับขึ้นไปบนบ้านเพื่อไปดูแลลูกน้อยต่อ

 

กระทั่งเวลาประมาณเที่ยงคืนเศษ จู่ๆ ตนเองได้ยินเสียงปืนดังขึ้นบริเวณทุ่งนาหลังบ้าน ดังประมาณ 4-5 นัดติดกัน แต่ตอนนั้นตนเองไม่ได้เอะใจ เนื่องจาก ที่ผ่านมา คนในหมู่บ้านมักจะยิงปืนอยู่บ่อยๆ

 

จากนั้นตนเองจึงเผลอหลับไปอีกครั้ง จนเวลาประมาณตี 4 ได้สะดุ้งตื่นและพบว่า สามียังไม่ได้กลับบ้าน จึงได้โทรศัพท์ไปหาพ่อของสามี ว่า สามีหายไปนาน จนพ่อของสามีซึ่งอยู่บ้านอีกหลัง ได้มาเดินออกตามหา จนไปพบสามีนอนกลายเป็นศพกลางทุ่งนาเวลาประมาณ ตี 5 เศษ โดยสามีนอนเป็นศพในสภาพถูกยิงเข้าหัวทั้งหมดตายคาที่

 

ส่วนที่ผ่านมา ยอมรับว่าสามีเป็นคนพูดจาแรงและเป็นคนพูดตรงอาจมีบ้างที่มีชาวบ้านบางคนอาจไม่ชอบนิสัยของสามี

 

ส่วนความขัดแย้งกับคนในพื้นที่ ที่ผ่านมาสามีไม่เคยมีศัตรูกับใครที่ไหน ยกเว้น เพื่อนบ้านที่มีที่ดินอยู่ติดกัน

 

โดยก่อนหน้านี้ยอมรับว่า สามีเคยมีปากเสียงกับ นายรุต , นายชาติ และนายแอด ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านใกล้กันโดย 3 บุคคลนี้ เลี้ยงวัว ส่วนบ้านของตนเองปลูกผัก ซึ่งบ่อยครั้งที่วัวของทั้ง 3 คน มักจะเดินมากินหญ้า และพืชผักของนาที่พวกตนเองปลูกไว้อยู่ตลอด และสามีก็เคยพูดกลับไปว่า “ถ้ามีวัวแล้วไม่มีปัญญาดูแล ก็ไม่ต้องเลี้ยง” ซึ่งอาจทำให้เพื่อนบ้านบางคนไม่พอใจหรือไม่ แต่หากเป็นเรื่องนั้นจริงๆ ตนเองก็อยากรู้ว่า ทำไมถึงต้องขั้นลงมือยิงหัวฆ่าสามีโหดเหี้ยมขนาดนี้

 

ตอนนี้ตนเองและลูกน้อย ทั้ง 4 คน ลำบากมาก ไม่รู้จะไปพึงพาใครแล้ว เพราะที่ผ่านมา สามีถือเป็นเสาหลักในการหาเลี้ยงครอบครัว ส่วนตนเอง มีหน้าที่เลี้ยงลูก เพราะลูกยังเล็กอยู่ทั้งหมด ซึ่งตนเองอยากขอความเป็นธรรมให้กับสามีตนเองด้วย

 

ล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมาตำรวจชุดสืบสวนจังหวัดนครศรีธรรมราชได้คุมตัวนายชาติ 1 ในผู้ต้องสงสัย ที่บ้านติดกับผู้ชายไปที่บ้านพักเพื่อขอค้นบ้าน เพื่อหาพยานหลักฐานเชื่อมโยง

 

จากการตรวจค้นเจ้าหน้าที่ไปพบกระสุนปืนขนาด 9 มม. อยู่ภายในกระเป๋าสตางค์สีชมพูจำนวนหนึ่ง แต่ไม่พบปืนและสิ่งของผิดกฎหมายอย่างอื่น โดยนายชาติอ้างว่า อาวุธปืนได้นำไปส่งซ่อมยังไม่ได้กลับคืน และอาวุธปืนที่มี มีเพียงปืนลูกซองยาว

 

จากนั้นตำรวจได้นำนายชาติกลับมาที่ห้องสอบสวนของโรงพักเพื่อเค้นสอบต่ออีกครั้ง โดยให้ผู้ต้องสงสัยทั้งหมด คือ นายชาติ นายแอด นายเอก และนายรุต นั่งรอสอบปากคำทีละคน

 

นอกจากนี้ทีมข่าวยังได้พูดคุยกับนายแมน เพื่อนสนิทของผู้ตายที่ตำรวจได้เชิญตัวมาสอบปากคำด้วยในวันนี้ โดยนายแมน ได้บอกกับทีมข่าวว่า เมื่อคืนเกิดเหตุตนเองอยู่ภายในบ้านและนอนหลับตั้งแต่ช่วงหัวค่ำ มีเมียเป็นพยาน ยืนยันช่วงกลางดึกไม่ได้เดินออกไปไหน และไม่ได้ยินเสียงปืนด้วยซ้ำ ถึงแม้บ้านจะอยู่ห่างกันประมาณครึ่งกิโล มารู้เรื่องอีกทีตอนเช้าตำรวจเดินทางมาที่บ้านและนำตัวมาสอบปากคำที่โรงพัก

 

ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างตนเองและผู้ตาย ส่วนใหญ่มักจะเจอกันเวลาไปหากบตอนกลางคืน และตนเองมักจะไปนั่งเล่นที่บ้านของผู้ตายอยู่บ่อยครั้ง แต่ในคืนเกิดเหตุไม่ได้ไป และไม่รู้ว่าผู้ตายไปมีปัญหากับใครไว้ไปบ้าง

 

ต่อมาทีมข่าวได้เดินทางไปที่บ้านของผู้ต้องสงสัย โดยบ้านหลังแรกซึ่งอยู่ติดกับบ้านของผู้ตายมากที่สุดคือบ้าน นายรุต และ นายชาติ ทีมข่าวได้พูดคุยกับ สุเชษฐ์ เมียของนายรุต และเป็นน้องสาวของนายชาติ บอกกับทีมข่าว เมื่อคืนที่เกิดเหตุตนเองและสามีได้นอนหลับอยู่ภายในบ้าน ส่วนพี่ชายนอนอยู่บ้านติดกันอีกหลัง ยืนยันไม่ได้ยินเสียงปืนเมื่อคืนนี้

 

ส่วนที่ผ่านมายอมรับว่า สามีและพี่ชายเคยมีปัญหากับผู้ตายจริง เนื่องจากวัวของตนเองที่เลี้ยงไว้ได้แอบข้ามไปกินพืชผักภายในไร่ของผู้ตาย สามีและพี่ชายเคยมีปากเสียงกับผู้ตายบ่อยครั้ง

 

และที่ผ่านมาพวกตนเองพยายามล้อมคอกให้ลูกวัวไม่ข้ามไปกินพืชผักของผู้ตายแล้ว แต่ก็ต้องยอมรับว่า มีหลุดออกไปบ้าง ส่วนเวลามีปัญหากัน ก็จะทะเลาะมีปากเสียงกันเท่านั้น ไม่ถึงขั้นทำร้ายร่างกาย หรือ ขู่จะฆ่ากันแต่อย่างใด ตนเองจึงมั่นใจว่า สามีและพี่ชายตนเองไม่น่าจะใช่มือปืนที่ยิงผู้ตาย และยืนยันว่า สามีของตนเองไม่ได้มีปืน จะไปยิงใครเป็นไปไม่ได้

รัว 5 นัด! ฆ่าหนุ่มส่องกบตายกลางทุ่งนา