เมื่อเวลา 17.30 น. ของวันที่ 5 พฤษภาคม 2567 พ.ต.ท.มานพ เกลียววานิชย์ สว.(สอบสวน) สภ.จังหาร ได้รับแจ้งเหตุพบศพผู้เสียชีวิตคาดว่าถูกฆาตกรรมในพื้นที่ป่าละเมาะริมแม่น้ำชี บ้านเลิงคา ตำบลดินดำ อำเภอจังหาร จังหวัดร้อยเอ็ด เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุตรวจสอบพบศพผู้เสียชีวิตเป็นเพศหญิงไม่ทราบชื่อ นอนเสียชีวิตอยู่ใต้ต้นยูคาลิปตัส ในสภาพนอนหงาย ลักษณะผมยาวถักเปีย สวมเสื้อคอกลมแขนยาวสีกรมแถบสีเหลือ กางเกงขาสามส่วนลายสก๊อตสีกรม นอกจากนี้พบว่าที่ข้อมือถูกกุญแจล็อกเอาไว้ในสภาพไขว้หลัง

 

ล่าสุดวันนี้ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปที่ สภ.จังหาร พบว่ามีญาติได้เข้ามายืนยันตัวตนของศพดังกล่าว จึงทราบชื่อผู้เสียชีวิต คือ นางสาวสุภัทรา หรือนิว อายุ 24 ปี โดยทีมข่าวก็ได้พูดคุยกับ นางสาวบุษกร อายุ 43 ปี ซึ่งเป็นแม่ของผู้เสียชีวิตเปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้า 06.00 น. ของวันที่ 26 เมษายน 2567 นางสาวสุภัทราได้บอกว่าจะนั่งรถไฟกลับไปหาสามีที่จังหวัดปทุมธานี แต่ก่อนจะไปก็จะออกไปซื้อข้าวมาไว้ให้ลูกสาววัย 2 ขวบก่อน จากนั้นนางสาวสุภัทราก็ได้เดินออกจากบ้านไป จนกระทั่งเวลาเกือบจะ 09.00 น. ตนก็เริ่มเอะใจว่าทำไมนางสาวสุภัทรายังไม่กลับบ้าน ตนก็เดินออกตามหาไปถามร้านค้าใกล้บ้านว่าเจอนางสาวสุภัทรามาซื้อของบ้างหรือเปล่า แต่ก็ไม่มีใครพบเห็นนางสาวสุภัทราเลย ตนก็ชวนญาติ ๆ ออกตามหาแล้วก็ไม่พบ ติดต่อโทรศัพท์ไปหาสามีของนางสาวสุภัทราที่จังหวัดปทุมธานีก็บอกว่านางสาวสุภัทรายังไม่ได้เดินทางมาหา เมื่อเวลาล่วงเลยไป 3 วัน ตนจึงได้เข้าแจ้งความคนหายที่ สภ.จังหาร แล้วหลังจากนั้นตนก็ได้ไปหาหมอดูเพื่อตามหาลูกสาว หมอดูก็บอกว่ายังมีชีวิตอยู่ในป่า ตนก็ไม่รู้ว่าจะไปหาที่ป่าแห่งไหนเพราะมันกว้างเหลือเกิน บางครั้งตนก็ได้ถามกับหลานสาววัย 2 ขวบว่า “แม่หายไปไหน เห็นแม่ไหม” หลานสาววัย 2 ขวบก็ตอบว่า “เป็นผี ตายแล้ว”

 

จนกระทั่งเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ผู้เป็นย่าของนางสาวสุภัทราก็ได้โทรศัพท์มาหาตนพร้อมกับบอกว่า “ลองเปิดดูข่าวช่อง 8 เขาลงข่าวเจอศพผู้หญิง รีบไปดูที่โรงพักว่าใช่นางสาวสุภัทราไหม” ตนก็ได้รีบเดินทางมาที่ สภ.จังหาร เมื่อได้ดูรูปภาพผู้เสียชีวิตในเบื้องต้นก็สามารถยืนยันได้ทันทีว่าเป็นนางสาวสุภัทราลูกสาวของตน เนื่องจากเสื้อผ้าที่ลูกสาวได้สวมใส่ก่อนออกจากบ้านเป็นชุดเดียวกันกับศพที่พบ ซึ่งนอกจากนั้นก็ยังมีการถูกใส่กุญแจมือไขว้หลังเอาไว้ ตนก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสาเหตุใดและใครเป็นคนทำลูกสาวตนแบบนี้ เพราะลูกสาวตนก็ไม่ได้มีเรื่องมีราวกับใครที่ไหน หนี้สินก็ไม่ได้ไปติดใคร ส่วนปัญหาส่วนตัวกับสามีที่อยู่จังหวัดปทุมธานี ตนก็ได้ยินผ่าน ๆ เวลาลูกเขยดุด่าลูกสาวผ่านโทรศัพท์ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นเรื่องการใช้เงินสิ้นเปลืองเพราะลูกเขยนั้นจะโอนเงินมาให้นางสาวสุภัทรา 3 วันครั้ง ครั้งละ 200-300 บาท แต่ก็ไม่เคยมีปัญหาถึงขนาดลงไม้ลงมือกัน ในตอนนี้ตนก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนฆ่าลูกสาวตนอย่างโหดเหี้ยมแบบนี้ หากเจอคนร้ายก็อยากถามว่าทำไมถึงทำกับลูกสาวตนแบบนี้ ลูกตนก็เป็นเพียงแค่ผู้หญิงธรรมดาไม่คิดร้ายกับใคร ทำไมถึงใจร้ายฆ่ากันได้ลงคอ ที่ผ่านมาก็เห็นข่าวของจังหวัดอื่น ไม่นึกว่าวันนี้จะเกิดขึ้นกับครอบครัวของตัวเอง

 

ต่อมาทีมข่าวได้พูดคุยกับ นางเยี่ยม อายุ 53 ปี ซึ่งเป็นชาวบ้านที่อยู่ห่างกับบ้านของผู้ตายเพียง 500 เมตร โดยนางเยี่ยมเปิดเผยว่า ตนก็เพิ่งเห็นนางสาวสุภัทรามาอยู่ละแวกบ้านได้ประมาณ 1-2 เดือน ซึ่งก่อนที่นางสาวสุภัทราจะหายไป 1 วัน ตนก็เห็นว่านางสาวสุภัทราเดินจูงรถจักรยานมาพร้อมกับลูกหรือหลานไม่แน่ใจ ซึ่งรถจักรยานก็โซ่หลุดทำให้นางสาวสุภัทราแวะใส่โซ่รถจักรยานอยู่หน้าบ้านตน จากนั้นเมื่อนางสาวสุภัทราลุกขึ้นยืน จู่ ๆ เธอก็ทำท่าสะบัดเท้าและถอดกางเกงของตัวเองออกพร้อมกับโยนทิ้งไว้หน้าบ้านตน แล้วก็เดินกลับบ้านในสภาพที่สวมกางเกงใน ตนเห็นอย่างนั้นก็ได้ตะโกนด่าไปเพราะมองว่าผู้หญิงคนดังกล่าวแปลก ทำไมถึงมาถอดกางเกงทิ้งไว้หน้าบ้านคนอื่นแบบนี้ แต่นางสาวสุภัทราก็ดูไม่ได้สะทกสะท้านและเดินกลับบ้านไปหน้าตาเฉย จากนั้นวันต่อมา (วันที่หายตัวไป) ระหว่างที่ตนกำลังเตรียมของใส่บาตรก็เห็นว่านางสาวสุภัทราเดินวนไปวนมาอยู่บริเวณแถวบ้าน เท่าที่สังเกตนางสาวสุภัทราก็ได้ทำหน้าบูดหน้าบึ้งเหมือนไม่พอใจอะไรสักอย่าง ตนก็คิดในใจว่าทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงทำหน้าทำตาแบบนั้นแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร กระทั่งช่วงสาย แม่ของนางสาวสุภัทราก็มาถามหาลูกสาว ตนก็บอกไปว่าเห็นเดินอยู่ตอนเช้ามืดแต่ไม่รู้เดินไปไหน และในช่วงเช้าวันนี้ก็ได้ทราบเรื่องว่านางสาวสุภัทราได้เสียชีวิตแล้ว ตนก็รู้สึกตกใจและเห็นใจเป็นอย่างมาก ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงโดนฆ่าอย่างโหดร้ายแบบนั้น

 

ต่อมาในเวลา 18.00 น. ทางด้านรถหน่วยกู้ภัยอโสกก็ได้ขับเข้ามาภายในวัดศรีอาราม ตำบลดินดำ อำเภอจังหาร จังหวัดร้อยเอ็ด แล้วก็ได้ทำการขับรถที่บรรทุกศพของนางสาวสุภัทรา (ผู้ตาย) วนรอบเมรุจำนวน 3 รอบ ก่อนที่จะหยุดอยู่หน้าเมรุแล้วทำการยกโลงศพเข้าเตาเผาทันที โดยทางครอบครัวได้ตัดสินใจที่จะไม่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพของนางสาวสุภัทรา เพียงแต่มีการนิมนต์พระสงฆ์จำนวน 6 รูปมาทำการฌาปนกิจในทันที ซึ่งบรรยากาศก็เป็นไปอย่างเงียบสงบท่ามกลางความโศกเศร้าของคนในครอบครัวและคนรู้จักไม่กี่คน

 

จากนั้นทีมข่าวได้พูดคุยกับ นางสาวบุษกร (แม่ของผู้เสียชีวิต) อีกครั้งเพื่อสอบถามถึงพฤติกรรมของนางสาวสุภัทรา โดยนางสาวบุษกรก็ยืนยันว่าลูกสาวของตนไม่มีพฤติกรรมติดสุราหรือยาเสพติดแต่อย่างใด ไม่มีอาการผิดปกติอะไร ส่วนเรื่องที่ชาวบ้านแจ้งว่านางสาวสุภัทราถอดกางเกงทิ้งข้างทาง ตนก็รับรู้แล้วและเคยถามลูกสาว ได้ความว่า กางเกงตัวดังกล่าวนั้นยางที่เอวค่อนข้างหลวม ซึ่งระหว่างเดินก็มีการหลุดรุ่ย ด้วยความรำคาญนางสาวสุภัทราจึงถอดทิ้งไว้ข้างถนน แต่ยืนยันว่าลูกสาวตนไม่ได้เดินนุ่งกางเกงในกลับบ้าน แต่ลูกสาวของตนนั้นสวมกางเกงขาสั้นไว้ด้านใน จึงได้ถอดกางเกงตัวนอกทิ้งเหลือเพียงกางเกงขาสั้น

 

ด้าน พ.ต.อ. ศักดิ์สิทธิ์ ศรีผ่องงาม ผกก.สภ.จังหาร เปิดเผยว่า ประเด็นกุญแจมือที่ใช้พัฒนาการผู้เสียชีวิตนั้นตรวจสอบพบว่าไม่มีหมายเลขครุภัณฑ์ อีกทั้งก็พบว่าเป็นกุญแจมือที่ไม่ได้มีคุณภาพดีเทียบเท่ากับของทางตำรวจ จึงยืนยันได้ว่าไม่ใช่ของหลวง ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าเป็นกุญแจมือที่ขายตามท้องตลาดทั่วไป แม้กระทั่งบริษัทที่มียาม, เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ก็มีการซื้อใช้เพื่อปฏิบัติหน้าที่หรือระงับเหตุต่าง ๆ

 

นอกเหนือจากกุญแจมือที่ถูกพบว่ามีการพันธนาการข้อมือของผู้เสียชีวิตแล้ว บริเวณลำคอของผู้เสียชีวิตยังตรวจสอบพบยางรถยนต์รัดอยู่ ส่วนบาดแผลอื่นนั้นไม่ตรวจสอบพบตามร่างกาย ซึ่งเบื้องต้นตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง ไม่ว่าจะเป็น ปมโกรธเคือง, ปมหนี้สิน, ปมชู้สาว โดยเมื่อวานนี้ก็เพิ่งจะทำการพบศพของผู้เสียชีวิต จึงยังไม่สามารถตีกรอบให้แคบลงได้ในตอนนี้ จึงขอเวลาในการสืบสวนหาพยานหลักฐานต่าง ๆ เพิ่มเติมและในส่วนของการตรวจสอบหลักฐานทางกล้องวงจรปิด ตอนนี้เปิดเผยว่ายังไม่มีความคืบหน้าอะไรมากนัก เนื่องจากบริเวณที่เกิดเหตุนั้นเป็นสุสานของคนจีนจึงไม่มีกล้องวงจรปิดบริเวณดังกล่าว อีกทั้งไทม์ไลน์ของผู้เสียชีวิตก็ยังไม่แน่ชัด จึงอยู่ระหว่างการเรียกญาติมาสอบปากคำเพิ่มเติม

ฆ่าโหดสาวผมเปีย ล็อกกุญแจมือไพล่หลังโยนศพทิ้งแม่น้ำ