จากกรณีหนุ่มบุรีรัมย์เพิ่งกลับจากไต้หวัน นอนจมกองเลือดหลังบ้านคอมีรอยถูกปาดหลอดลมหวิดขาดอาการโคม่า ในมือมีมีดทำครัว และพบคัตเตอร์เปื้อนเลือดวางบนตู้ แม่ไม่เชื่อทำร้ายตัวเองเพราะไม่มีเหตุจูงใจ น่าจะหวังฆ่าชิงทรัพย์ เพราะสร้อยทองที่ใส่ประจำเกือบ 2 แสนหายไป วอน ตร.เร่งหาตัวผู้ก่อเหตุ

 

ล่าสุดนางสาวี อายุ 53 ปี แม่ผู้บาดเจ็บได้เดินทางจากประเทศไต้หวัน เพื่อมาดูอาการของลูกชาย พร้อมกับเผยว่า ตามที่ตำรวจลงความเป็นเบื้องต้นว่าลูกชายอาจจะทำร้ายตัวเองนั้น ส่วนตัวไม่เชื่อเพราะเลี้ยงลูกชายมารู้ดี พูดคุยกันปกติ

 

เชื่อว่าคนร้ายที่มาทำร้ายลูกชายน่าจะมาด้วยกันไม่น้อยกว่า 3 คน เพราะดูจากบาดแผลแล้วสาหัสรุนแรงมาก หมอแจ้งว่าให้ทำใจแล้ว จึงอยากจะขอความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ด้วย และอยากให้เร่งติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีโดยเร็ว

 

ต่อมาทีมข่าวช่อง 8 ได้พูดคุยกับนายจักร อายุ 44 ปี คนพบร่างคนเจ็บคนแรก เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า ตนเองเดินมาหานายสุเดชที่บ้านประมาณหกโมงเช้าเกือบเจ็ดโมง แต่ไม่เห็นนายสุเดช คนเจ็บ ออกไปนั่งที่เตียงหน้าบ้านช่วงตี 5 เหมือนทุกวัน ตนก็คิดว่าทำไมเขาตื่นสายจัง จึงเดินมาปลุก จึงตะโกนเรียกแต่ไม่มีเสียงตอบกลับจึงเดินไปดูหลังบ้านก็พบนายสุเดชนอนคว่ำหน้าอยู่

 

ซึ่งก่อนที่เขาจะเข้ามาที่บ้านนี้ ตนเองกับเพื่อนบ้านได้ยินเสียงคนเจ็บร้องเหมือนคนกำลังอาเจียน ตนก็คิดว่าสงสัยเขายังไม่ได้ถอนตอนเช้ารึเปล่า ก็เลยไม่ได้มาดู แต่พอเข้ามาดูก็พบเขานอนจมกองเลือดแล้ว

 

ต่อมาทีมข่าวได้พูดคุยกับนายพงษ์มนัส อายุ 32 ปี ลูกพี่ลูกน้องคนเจ็บ เผยกับทีมข่าวว่า ตนเองกำลังสงสัยชายที่อยู่กับนายสุเดช ผู้บาดเจ็บเป็นคนสุดท้าย ก่อนเกิดเหตุ ในตอนกลางคืน ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่าเป็นใคร ก็ตำรวจกำลังไล่กล้องอยู่

 

น้องชายตนก็ไปทำงานที่ไต้หวันมา 3 ปี พึ่งเดินทางกลับมาที่ไทยในวันที่ 17 เมษาที่ผ่านมา โดยพักอยู่ที่บ้านนี้เพียงคนเดียว ไฟในบ้านยังไม่มีใช้เลย เพราะเขาพึ่งมา ซึ่งหลังจากกลับมาก็มีเพื่อนๆแวะเวียนเข้ามาหาบ่อยครั้ง เพราะเขาเป็นคนชอบสังสรรค์เฮฮาอยู่แล้ว

 

ซึ่งส่วนตัวตนเองไม่เชื่อว่าน้องชายจะฆ่าตัวเองได้ เพราะเขาไม่เคยป่วยเป็นโรคซึมเศร้าหรือมีอาการทางจิตใดๆเลย อีกอย่างที่น่าสงสัยคือสร้อยทองของน้องชายเส้นที่ใส่มาจากไต้หวันนั้นหายไป หาไม่เจอ คิดว่าอาจจะเป็นการทำร้ายชิงทรัพย์หรือไม่

หนุ่มกลับจากไต้หวัน 9 วัน ถูกปาดคอโคม่า ทอง 2 แสนหาย วงจรปิดจับภาพร้องสุดเสียง