จากกรณีวานนี้ (24 เมษายน) เวลา 18.30 น. วันที่ 24 เม.ย. ร.ต.อ.ทรรศน์พงศ์ เพ็ชรสุทธิ์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองกระบี่ รับแจ้งมีเหตุคนผูกคอตาย ใกล้กันพบศพเด็กอีก 1 ศพ ภายในสวนปาล์ม ซอยถ้ำเสือ 1 หมู่ 11 ต.กระบี่น้อย อ.เมือง จ.กระบี่ หลังรับแจ้งจึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ แล้วเดินทางไปตรวจสอบ

ในสวนปาล์มที่เกิดเหตุ จนท.พบร่างผู้หญิง ผูกคออยู่กับต้นยอ ด้วยผ้าพันคอสีเหลือง ที่โคนต้นไม้พบโทรศัพท์มือถือตั้งอยู่ 1 เครื่อง คาดว่าเป็นของผู้ตาย ห่างไปประมาณ 12 เมตร พบร่างเด็กผู้ชายอายุประมาณ 2 ปี นอนเสียชีวิตอยู่ใต้ต้นปาล์ม ในสภาพนอนหงาย มีเสื้อกีฬาสีแดงปิดใบหน้าไว้ ทั้ง 2 ศพ คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 1-2 วัน ตรวจสอบตามตัวไม่พบบาดแผล นอกจากนี้ใกล้กับศพเด็ก ยังพบรองเท้าแตะสีชมพู 1 คู่ คาดว่าเป็นของผู้ตาย ขวดน้ำขนาด 1 ลิตร 1 ขวด ถุงใส่ขนม 2 ถุง ซองขนมกินไปแล้วอีกจำนวนหนึ่ง เงินสด 20 บาทเศษ กระเป๋าสะพายแบบหนังสีน้ำตาล ตรวจสอบในกระเป๋าพบเอกสารสำคัญระบุชื่อหญิงสาวคาดว่าเป็นของคนตายคือ นางมา เด เด จิ อายุ 30 ปี สัญชาติเมียนมา พร้อมกับภาพถ่ายของผู้ตาย ส่วนศพเด็กทราบชื่อคือ ด.ช.ฮู ปี เฮา อายุ 2 ปี

ทั้งนี้ระหว่างตำรวจกำลังตรวจสอบที่เกิดเหตุ ปรากฏว่าโทรศัพท์ผู้ตายมีสายเรียกเข้า ตำรวจจึงรับสาย สอบถามทราบว่า เป็นสามีของผู้ตาย โทรเข้ามาถามหาผู้ตาย ตำรวจจึงแจ้งให้ทราบว่าผู้ตายเสียชีวิตพร้อมกับลูก ทางฝ่ายสามีถึงกับร้องโฮออกมา ก่อนจะส่งโทรศัพท์ให้กับเพื่อนชาวไทยคุยกับตำรวจแทน สอบถามเบื้องต้น ทราบว่า ผู้ตายทำงานก่อสร้างอยู่กับสามีที่ จ.ภูเก็ต เมื่อประมาณ 3 วันที่ผ่านมา มีปากเสียงทะเลาะกับสามี จึงพาลูกหนีออกจากแคมป์คนงานที่ภูเก็ต เพื่อเดินทางมาแคมป์คนงานที่เคยทำงานอยู่กระบี่ และยังบอกกับเพื่อนคนงานว่าจะติดต่อกลับไป จนสุดท้ายมาทราบว่าเสียชีวิตดังกล่าว

วันนี้ทีมข่าวช่อง 8 เดินทางไปยังจุดที่พบศพนางมา เด เด จิ อายุ 30 ปี สัญชาติเมียนมา ในซอยถ้ำเสือ 1 หมู่ 11 ต.กระบี่น้อย อ.เมือง จ.กระบี่ ซึ่งเจ้าตัวใช้เชือกสีขาวผูกคอตนเองกับตนยอที่ขึ้นเป็นต้นกาฝากกับต้นปาล์ม มีขนาดความสูง 3 -4 เมตร ห่างจากจุดที่พบศพประมาณ 7-8 เมตร พบศพเด็กชายอายุประมาณ 2 ปี อยู่ใต้ต้นปาล์มเล็ก สภาพในที่เกิดเหตุเป็นสวนปาล์มของนักธุรกิจไทยจีนซึ่งมีพื้นที่สวนปาล์มกว่า 100 ไร่

ในบริเวณจุดเกิดเหตุพบถุงขนมปังและขนมประมาณ 3-4 ถุงวางอยู่ที่พื้น คาดเป็นถุงขนมปังที่นางมา เด เด จิ ผู้เสียชีวิต ได้มาจากเจ้าหน้าที่วัดถ้ำเสือ น้ำที่ถูกแกะดื่ม อีกทั้งพบธูปที่ทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยจุดไว้เพื่อขอขมาศพก่อนนำศพลงมาจากจุดผูกคอ จากข้อมูลตำรวจเบื้องต้นไม่พบร่องรอยการต่อสู้ ชี้ชัดเป็นการฆ่าตัวตาย โดยฆ่าลูกก่อนก่อนที่จะปลิดชีพตน

เราสำรวจภาพมุมสูงพบว่าบริเวณเกิดเหตุมีแต่สวนปาล์มไม่มีบ้านเรือนของชาวบ้าน ไม่มีบ้านเรือนชาวบ้าน ซึ่งเจ้าของสวนได้จ้างคนงานมาทำงาน แต่จะเข้ามาทำงานประมาณ 3-4 วันต่อครั้ง จึงสะดวกต่อการก่อเหตุ ทำให้ไม่มีใครได้ยินเสียงขณะเกิดเหตุ

ทีมข่าวได้พูดคุยกับนายอุดม อายุ 65 ปี อดีตกำนันในท้องถิ่น ซึ่งได้มาดูศพในที่เกิดเหตุด้วยเล่าว่า ตนเป็นเพื่อนบ้านของเจ้าของสวนปาล์มแห่งนี้ โดยบางครั้งจะใช้เส้นทางนี้สัญจรตัดไปถนนเส้นใหญ่ ซึ่งคนงานสวนปาล์มเป็นคนพบศพ โดยศพหญิงชาวเมียนมาผูกคอแขวนต้นยอที่เป็นต้นกาฝากต้นปาล์ม และได้วางโทรศัพท์ของตัวเองไว้ที่ต้นไม้ คาดวางโทรศัพท์เพื่อให้คนมาเจอศพและเพื่อให้ติดต่อญาติได้ ก่อนปีนขึ้นต้นยอ ผู้เชือก แล้วกระโดดห้อยตนเองดับชีวิต

ห่างไม่ไกลจากจุดพบศพหญิงชาวเมียนมา พบศพเด็กชายวัยประมาณ 2-4 ปี ลักษณะนอนเสียชีวิตอยู่ใต้ต้นปาล์มเล็ก ลักษณะมีผ้าปิดจมูกทับอยู่ มีรอยถูกบีบที่คอ และบริเวณข้างศพเด็กชายพบถุงขนมและถุงขนมปังอยู่ โดยมีบางถุงถูกแกะกินแล้ว

โดยตอนที่ตำรวจมาในที่เกิดเหตุ ปรากฏว่าสามีผู้ตายโทรมา เป็นสามีชาวเมียนมาพูดภาษาไทยได้ บอกว่าก่อนเกิดเหตุทะเลาะกันกับภรรยา ภรรยาก็เลยหอบลูกหนีออกมาจากบ้านโดยบอกเพี้ยนว่าจะมาหาผู้ชายรูปหล่อที่อยู่ในแถววัดถ้ำเสือ จังหวัดกระบี่ รู้จักกันจากการเล่นเฟซบุ๊กและไลน์ พอมาหาผู้ชายคนดังกล่าวน่าจะมีอะไรกระทบกระเทือนจิตใจจึงมาก่อเหตุปลิดชีพลูก ก่อนปลิดชีพตัวเอง

ในส่วนขนมปังที่พบในที่เกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่ของวัดถ้ำเสือให้สองแม่ลูกชาวเมียนมาพกติดตัวไว้กินเมื่อวันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน ก็คาดว่าน่าจะกินขนมปังกันก่อนเกิดเรื่องสลดดังกล่าว ส่วนตัวก็มองว่าไม่น่าฆ่าลูก เพราะเอ็นดูเด็ก