เมื่อเวลา 21.10 น.วันที่ 17 เมษายน 2567 พ.ต.ท.มนตรี วรรณคง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองนครศรีธรรมราช พร้อมด้วย ร.ต.ท.(หญิง)พิมพ์ประภัทร ขุนสวัสดิ์ รอง สว.(สอบสวน) รับแจ้งว่ามีเหตุแทงกันด้วยอาวุธมีดปลายแหลม มีผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นผู้หญิง เหตุเกิดเหตุริมถนนสายบางใหญ่ จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.กิตติชัย ไกรนรา ผกก.พ.ต.ท.วรเศรษฐ์ ศรีใหม่ รอง ผกก.สส.พ.ต.ท.ณัฐภัทร พุทธังกุโร สว.สส.พ.ต.ท.มนัส พิทักษ์บูรพา สวป.พร้อมด้วยกำลังตำรวจสายตรวจ ต.บางจากร.ต.อ.มงคล ภูริวัฒนกุล รอง สวป.ทำหน้าที่ร้อยเวร 20 ตำรวจชุดสืบสวนแพทย์เวร รพ.มหาราชนครศรีธรรมราชจนท.มูลนิธิคุณธรรมสงเคราะห์เต็กก่าจีคุงเกาะ (กู้ภัยนคร) รีบรุดไปยังที่เกิดเหตทันที

 

เมื่อถึงที่เกิดเหตุบริเวณริมถนน พบศพผู้เสียชีวิตทราบชื่อ น.ส.ศันสนีย์ หรือ อ้อย อายุ 46 ปี สภาพนอนหงายเสียชีวิตริมถนนในชุดสวมเสื้อยืดสีม่วง นุ่งกางเกงขาสั้นสีดำ ศพมีบาดแผลถูกแทงด้วยอาวุธมีดปลายแหลมเข้าหน้าอกซ้าย 1 แผล และกลางแผ่นหลัง 1 แผล เป็นแผลฉกรรจ์ รวม 2 แผล เลือดไหลนองเต็มพื้น มีญาติๆและลูกสาวยืนร่ำไห้ด้วยความเศร้าโศกเสียใจตลอดเวลา

 

ตำรวจสอบสวนทราบว่า คนก่อเหตุทราบเพียงชื่อเล่นว่า นายชีพ อายุประมาณ 60 - 65 ปี เป็นชาว จ.สุราษฎร์ธานี หลังก่อเหตุพร้อมกับนางสาวเมียขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไปก่อนหน้านี้แล้วโดยยังไม่ทราบเส้นทางหลบหนี

 

จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่านางสาวศันสนีย์ หรือ อ้อย ผู้เสียชีวิต มีอาชีพขายไก่ทอดหน้าบ้านที่เกิดเหตุ ก่อนเกิดเหตุ น.ส.ศันสนีย์ หรือ อ้อย มีปากเสียงทะเลาะกับนางสาว อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่นางสาวจะกลับที่ขนำที่พัก ซึ่งอยู่ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 100 เมตร ก่อนที่นายชีพ จะกลับจากดื่มเหล้าจนเมามายพอดี ก่อนที่นายชีพ จะมาที่หน้าบ้านเกิดเหตุแล้วมีปากเสียงทะเลาะกับผู้ตายแล้วนายชีพ ชักอาวุธมีดปลายแหลม จ้วงหน้าอก น.ส.ศันสนีย์ หรือ อ้อย 1 แผล โดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ก่อนที่ผู้ตาย จะวิ่งหนีไปขอความช่วยเหลือญาติที่บ้านอยู่ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 50 เมตร ส่วนนายชีพ วิ่งไล่ตามหลังผู้ตาย แล้วใช้มีดแทงแผ่นหลังผู้ตายซ้ำอีก 1 แผล จนผู้ตายล้มฟุบตายคาที หลังเกิดเหตุนายชีพ และนางสาว ภรรยา พากันขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีออกจากขนำที่พัก

 

จากการสอบสวนปากคำญาติผู้ตาย ทราบว่า นายชีพและนางสาว ผัวเมีย เป็นชาว จ.สุราษฎร์ธานี มาขออาศัยปลูกขนำที่พักในที่ดินของแม่ของ น.ส.ศันสนีย์ ผู้ตาย นานหลายปีแล้ว แต่ระยะหลังๆนายชีพและนางสาว กลับทำตัวเป็นคนเนรคุณเจ้าของที่ดิน พยายามหาเรื่องทะเลาะกับเจ้าของที่ดินที่ให้ที่ซุกหัวนอนมาโดยตลอด ล่าสุดมาก่อเหตุแทง น.ส.ศันสนีย์ เจ้าของที่ดินเสียชีวิตคาที่

 

หลังเกิดเหตุ พ.ต.อ.กิตติชัย ไกรนรา ผกก.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช สั่งระดมกำลังตำรวจชุดสืบสวนเร่งไล่ล่าตัว 2 ผัวเมียเนรคุณโหดรายนี้ และจะเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อเสนอขออนุมัติศาลออกหมายจับนายชีพ มือแทงมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 

ล่าสุดช่วงเย็นที่ผ่านมานางปราณี หรือนางสาว อายุ 50 ปี ภรรยาของผู้ต้องหา ติดต่อขอให้ปากคำกับตำรวจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยืนยันว่าไม่ได้หนีพร้อมกับสามีหลังจากที่สามีก่อเหตุ โดยเจ้าตัวให้ปากคำกับตำรวจที่สภ. เมืองนครศรีธรรมราช มีสีหน้าเครียดและหลบทีมข่าวเพราะไม่อยากให้ข้อมูลกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

 

ซึ่งทางตำรวจได้ออกหมายจับนายช่วยชีพ อายุ 65 ปี ในข้อหาฆ่าผู้อื่น และพกพาอาวุธมีดไปในเมืองหมู่บ้านโดยไม่มีเหตุอันควรแล้ว

 

ระหว่างที่นางปราณีออกมาจากห้องสอบสวน เจ้าตัวหลบเราและปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีการหยิบหมวกปิดบังใบหน้าของตนเองไว้ระหว่างที่ทีมข่าวพยายามที่จะจี้ถามถึงเรื่องต่างๆ เราพยายามสอบถามว่าได้ติดต่อกับสามีหรือไม่และทราบหรือไม่ว่าสามีหนีไปอยู่ที่ไหน เจ้าตัวก็ปิดปากเงียบไม่ตอบคำถามใดๆ เราพยายามจี้ถามไปเรื่อยๆแล้วปรากฏว่าเจ้าตัวคงอึดอัดที่ถูกกดดันให้ตอบคำถาม ตอบเพียงว่าไม่รู้ ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร

 

ทั้งนี้ทางตำรวจได้มีการลงพื้นที่ไปตรวจสอบเพิ่มเติมที่ขนำของผู้ต้องหาซึ่งอยู่ห่างจากบ้านพักผู้เสียชีวิตประมาณ 50 เมตร โดยพบว่าผู้ต้องหาหนีทางธรรมชาติโดยหลังก่อเหตุได้เดินกลับมาที่ขนำและอ้อมไปด้านหลังซึ่งอยู่ติดกับสระน้ำที่เป็นบ่อกุ้งและเดินเลาะริมน้ำเป็นเส้นทางในการหลบหนี

 

แต่ในส่วนภรรยาของผู้ต้องหาไม่ได้หนีไปด้วยแต่ตกใจที่ทางสามีไปก่อเหตุแทงเจ้าของที่ดินจนเสียชีวิตประกอบกับสามีได้เดินหลบหนีออกจากขนำที่พักอยู่ด้วยกันไปแล้ว จึงกลัวว่าจะถูกเกี่ยวข้องในคดีจึงหยิบกุญแจรถจักรยานยนต์ก่อนสตาร์ทเครื่องและขี่ออกจากพื้นที่มุ่งหน้ากลับบ้านที่จังหวัดสตูล แต่ปรากฏว่าหลักสามีถูกออกหมายจับจึงยอมแสดงตัวและให้ข้อมูลกับตำรวจว่าตนเองไม่เกี่ยวข้อง ตอนนี้อยู่ระหว่างเร่งล่าผู้ต้องหาที่กำลังหลบหนี

 

ทางครอบครัวผู้เสียชีวิตรับร่างนางสาวศันสนีย์มาประกอบพิธีทางศาสนาที่บ้านพัก โดยมีพิธีรดน้ำศพ บรรยากาศเป็นไปอย่างโศกเศร้าอย่างมาก ญาติกอดกันร้องไห้ด้วยความเสียใจเนื่องจากเป็นเหตุการณ์กะทันหัน และลูกของผู้เสียชีวิตก็ได้เดินทางมาจากต่างจังหวัดต่างร้องไห้และกราบที่เท้าศพแม่เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะนำร่างของแม่บรรจุในโลงศพเพื่อประกอบพิธีทางศาสนา ซึ่งญาติบางส่วนก็มีการจุดธูปเพื่อบอกลาดวงวิญญาณของนางสาวศันสนีย์เป็นครั้งสุดท้าย โดยทางครอบครัวจะประกอบพิธีฌาปนกิจศพ ในวันที่ 21 เมษายนนี้

 

เราได้พูดคุยกับนายพัชรินทร์ อายุ 52 ปี พี่เขยผู้เสียชีวิต ซึ่งได้โชว์แชตสำคัญให้เราดูเป็นนาทีช่วง 20.46 น. ของเมื่อวานนี้ (17 เมษายน) โดยนางสาวศันสนีย์วิดีโอคอลช่วงที่เกิดเหตุมาหานายพัชรินทร์ พี่เขย มีการวิดีโอคอลพูดคุยกันประมาณ 5 นาทีก่อนสายตัดไป

 

นายพัชรินทร์ยังพาทีมข่าวไปดูขนำบนที่ดินของน้องสาว ซึ่งครอบครัวน้องสาว ให้นายชีพและภรรยาพักอาศัยที่นี่ฟรีมาประมาณ 7 ปีแล้ว ภายในขนำไม่มีไฟแล้วน้ำ นายชีพและภรรยาต้องไปอาศัยบ้านน้องสาวเพื่ออาบน้ำและอาศัยไฟที่ห้องครัวเพื่อหุงหาอาหารแต่ละวัน บรรยากาศในขนำยังพบว่ามีเสื้อผ้าของคนก่อเหตุและภรรยาคนก่อเหตุอยู่ และมีข้าวของของทั้งคู่อยู่ตามปกติ โดยหลังก่อเหตุคาดว่านายชีพเก็บข้าวของหนีไม่ทัน แต่รีบหนีออกจากที่เกิดเหตุให้เร็วที่สุดเนื่องจากกลัวถูกจับ

ลูกจ้างเนรคุณ! ฆ่าโหดเจ้าของที่ดินให้บ้านซุกหัวนอน