กรณีเมื่อเวลา 13.20 น.วันที่ 16 เม.ย. ตำรวจ สน.ตลาดพลู รับแจ้งเหตุฆาตกรรมห้อง 210 โรงแรมแห่งนึ่ง ซ.วุฒากาศ 14 แขวงตลาดพลู เขตธนบุรี กรุงเทพฯ ที่เกิดเหตุเป็นโรงแรมสูง 5 ชั้น จุดเกิดเหตุอยู่ที่ห้อง 210 ชั้น 2 ภายในห้อง ปลายเตียง ริมกำแพง ใต้โต๊ะกินข้าว พบศพ น.ส.สุกัญญา อายุ51 ปี สภาพศพนอนหงายจมกองเลือดในชุดเสื้อยืด แขนสั้นสีแดง กางเกงยีน มีบาดแผลถูกแทงด้วยอาวุธมีดเข้าที่ลำตัวทั้งหน้า หลัง รวม 31 แผล เสียชีวิตมาแล้วประมาณ1 ชั่วโมง จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดของโรงแรมพบว่า มี นายยาเดฟ อายุ 32 ปี ชาวอินเดีย ซึ่งถูกผลักดันให้ออกนอกประเทศไปเมื่อวันที่ 27 มี.ค. ที่ผ่านมา มีการเข้าออกห้องผู้ตาย ก่อนไปตรวจสอบและพบเจอว่า กำลังจะหลบหนีออกจากประเทศ ผ่านช่องทางธรรมชาติแถวท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี และถูกควบคุมตัวนั้น

 

ทีมข่าวช่องแปดยังตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในซอยโรงแรมที่เกิดเหตุ โดยมีภาพวงจรปิดเมื่อวานนี้ 16 เม.ย. เวลาประมาณ 12:58 น. จับพฤติกรรมของนายยาเดฟ ผู้ต้องหา ซึ่งหลังจากมีการก่อเหตุแทนนางสาวสุกัญญาเสียชีวิตภายในโรงแรมแล้ว เจ้าตัวได้เดินออกจากซอยเพื่อที่จะไปขึ้นรถ เพื่อหลบหนี ซึ่งภาพจากกล้องวงจรปิดหลายตัวจับภาพได้ตั้งแต่ออกหน้าโรงแรมจนกระทั่งเกือบถึงปากซอย โดยจะเห็นท่าทีของนายยาเดฟ เดินด้วยท่าทีเรียบเฉย ในมือเดินก้มหน้าเล่นโทรศัพท์

 

วันนี้ (17 เม.ย.) ภายหลังตำรวจ ได้มีการจับกุมตัวนายยาเดฟ คนก่อเหตุได้ ในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี เมื่อคืนนี้เวลาตี 3 ได้มีการส่งตัวนายยาเดฟ มาถึงโรงพักสน. ตลาดพลู เพื่อดำเนินการสอบปากคำ แต่ปรากฏว่านับแต่ที่มีการนำตัวมาถึงเมื่อคืนนี้ จนกระทั่งถึงเช้าวันนี้ เจ้าตัวยังไม่มีการให้การใดเพิ่มเติม โดยอ้างว่าสื่อสารภาษาไทยไม่ได้ และต้องการล่าม เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงยังมีการสอบ มีการฝากคุมขังชั่วคราวเอาไว้ภายในห้องขังของสน. ตลาดพลู

 

ช่วงหนึ่งทีมข่าวสังเกตว่า ตัวของนายยาเดฟ ที่ถูกคุมขังอยู่ภายในห้องขัง นั้น เจ้าตัวมีลักษณะนั่งคอตก บางช่วงนอน บางช่วงเอาหน้าโผล่ออกมาจากลูกกรง มองมาที่กล้องของช่องแปด และ ยังมีบางช่วงเจ้าตัวถึงกับร้องไห้ออกมา ซึ่งสังเกตว่าอาการค่อนข้างเครียดและมีหลายอารมณ์

 

ขณะเดียวกัน ช่วงสายสายที่ผ่านมา พบว่า นายเพชร ลูกชายคนเล็กของนางสาวสุกัญญาคนตาย ได้เดินทางมาที่โรง เพื่อรับเอกสารเตรียมไปรับศพของแม่ออกจากนิติเวชเพื่อไปประกอบพิธีทางศาสนา และระหว่างนั้นลูกชายทราบว่าตัวของผู้ต้องหาถูกนำตัวมาที่สน. ตลาดพลูแล้ว จึงได้เดินตรงไปที่ห้องขังบริเวณด้านหลังของโรงพัก ระหว่างที่ลูกชายกำลังเดินทางไปที่ห้องขัง เพื่อที่จะไปขอดูหน้านายยาเดฟ และต้องการเข้าไปถามว่าทำไมต้องทำกับแม่ตัวเองแบบนั้น แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่อนุญาตเพราะเนื่องจากกลัวจะเกิดความรุนแรงและการกระทบกระทั่งกันเกิดขึ้น

 

โดยนายเพชร (นามสมมติ) ลูกชายคนตายตอบสั้นๆว่า “ผมยังทำใจไม่ได้ที่แม่โดนแทงตายถึง 31 แผล จิตใจมันทำด้วยอะไร มีอะไรทำไมถึงโกรธแค้นแม่ขนาดนั้น แล้วตัวเองไม่รู้ว่าทำไมตำรวจต้องกีดกันขนาดนี้”

 

ด้านนายเพชร เผยว่าครอบครัวทราบว่าชายคนดังกล่าวเข้ามาเกี่ยวข้องกับแม่เมื่อวันที่ 11 ก.พ. โดยพบว่า Facebook ของแม่มีความผิดปกติ มีการโพสต์ภาพคู่และสตอรี่ โดยแม่มีการถ่ายกับนายยาเดฟ แต่หลังจากมีการถามและเค้นความจริงจากแม่ ปรากฏว่าแม่บอกกับทางครอบครัวว่า Facebook ถูกแฮ็ก ซึ่งไม่รู้ว่ามีการโพสต์อย่างไร แม่จึงได้เดินทางเข้าแจ้งความดังกล่าว จากนั้นตำรวจได้มีการเรียกนายยาเดฟ ไปทำการสอบสวน ก่อนพบความกระทำผิดอื่น และเกี่ยวข้องกับเรื่องของการแฮ็ก Facebook จึงได้มีการผลักดันออกนอกประเทศ ตั้งแต่วันที่ 27 มี.ค. จากนั้นทางครอบครัวก็เข้าใจว่าแม่เลิกยุ่งกับชายคนดังกล่าวไปแล้ว ไม่คิดว่าวันนี้จะกลับมาเจอกันอีก และมาทราบจากตำรวจภายหลังว่า นายยาเดฟ ได้หลบหนีเข้าประเทศโดยช่องทางธรรมชาติเพื่อมาเจอกับแม่ที่โรงแรมที่เกิดเหตุ ซึ่งเข้าใจว่าอาจจะมีการนัดหมายเจอกัน

 

แต่สำหรับชนวนเหตุ เบื้องต้นครอบครัวพุ่งเป้าไปที่ประเด็นการหยิบยืมเงิน เพราะโดยปกติแล้วแม่เป็นคนทำงานเกี่ยวกับอาชีพแม่บ้าน แต่หมุนเงินไม่พอ และอาจมีการหยิบยืมเงินกู้นอกระบบ จึงได้มีการขอเงินจากลูกสัปดาห์ละ 2,000-3,000 บาท แต่เชื่อว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับนำไปเล่นการพนัน และแม่อาจจะมีการหยิบยืมเงินจากนายยาเดฟ หรือไม่ เพราะโดยส่วนใหญ่แม่เจอกับใครหรือรู้จักกับใครก็มักจะมีการขอหรือหยิบยืมเงินตลอด และที่สำคัญ ด้วยนิสัยของแม่อาจจะเป็นคนที่ไม่ค่อยพูดความจริง แม้แต่คนในครอบครัวก็ยังมีการปกปิดข้อมูล จึงเป็นไปได้หรือไม่ที่นายยาเดฟถูกหลอก ก็เลยทำให้เกิดความไม่พอใจ และมีการก่อเหตุแทงแม่ถึงแก่ชีวิตในห้องพักโรงแรม

 

และอีกประเด็นหนึ่ง แม้ว่าแม่จะไปรู้จักและสนิทสนมเกินเลยกับนายยาเดฟ แต่ตัวของแม่ก็ยังคบหากับพ่อ ซึ่งไม่ได้มีการเลิก แต่อาจมีการคบซ้อน แล้วทำให้นายนายยาเดฟ อาจรู้ความจริงหรือไม่พอใจ และมีการก่อเหตุหรือหรือไม่

 

อย่างไรก็ตาม สำหรับการเข้ามาของนายยาเดฟ ที่เข้ามาในชีวิตของแม่ ยอมรับว่าลูกและคนในครอบครัวรู้กันภายหลัง เข้าใจว่าแม่ไปคบหาและสนิทเกินเลยกับนายยาเดฟ และแม่ก็เคยยอมรับว่าชายคนดังกล่าวถูกขับไล่ออกนอกประเทศไปแล้ว และครอบครัวก็เตือนให้เลิกยุ่ง แต่เข้าใจว่าด้วยโซเชียลจึงทำให้ทั้งคู่ยังติดต่อกันได้แล้วมาเจอกันอีกครั้ง จนเป็นเหตุถูกแทงตาย 31 แผล และส่วนตัวไม่คิดว่าเรื่องประเด็นเงิน หรือเรื่องที่แม่ชอบพูดความจริง เป็นเหตุทำให้เจ้าตัวถูกแทงตายในสภาพแบบนี้ ส่วนตัวก็รับสภาพไม่ได้ และหากวันนี้ตำรวจท่ามะกามีการส่งตัวมาที่สน. ตลาดพลู ตนเองก็อยากจะถามว่าทำไมทำไมถึงทำกับแม่ตัวเองแบบนี้ ทำไมแม่ตายแล้วคิดว่าจะได้เงินหรือได้ความจริงหรอ

เลือดเย็น! อินเดียโหดฆ่าสาวไทยเดินชิลหลบหนี เครียดหนักปล่อยโฮคาคุก