จากกรณี เมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. วันที่ 7 เมษายน 2567 หน่วยกู้ภัยสว่างราษฏร์ศรัทธาธรรมบางสะพาน ได้รับแจ้งเหตุยิงกัน ที่หมู่บ้านชะม่วง ต.พงศ์ประศาสน์ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่เกิดเหตุพบร่างผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 ราย สวมเสื้อยืดสีม่วง กางเกงขาสั้นสีน้ำเงิน นอนจมกองเลือดอยู่ที่หน้าประตูทางเข้าห้องครัว โดยพบบาดแผลถูกยิงด้วยปืนลูกซองเบอร์ 12 เข้าบริเวณต้นคอและท้ายทอยเสียชีวิตอยู่ในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่กู้ภัยและเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมถึงแพทย์เวร พร้อมเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ ทราบชื่อผู้เสียชีวิตต่อมาคือ นายชัยวัฒน์ อายุ 50 ปี

 

ส่วนผู้ก่อเหตุคือ นายสามารถ อายุ 62 ปี ซึ่งเป็นพ่อเลี้ยงของผู้เสียชีวิต หลังก่อเหตุได้นำอาวุธปืนไปซ่อนไว้บริเวณสวนสัปปะรดข้างบ้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เข้าไปควบคุมตัวและนำผู้ก่อเหตุไปชี้จุดซ่อนปืน กระทั่งไปพบว่าปืนที่ใช้ก่อเหตุเป็นปืนลูกซิงยาว ยี่ห้อ STEVENS MODEL 77 E พร้อมกับเครื่องกระสุน เบอร์ 12 จำนวน 1 นัด ซุกซ่อนไว้ในสวนสัปปะรด ทางตำรวจจึงคุมตัวผู้ก่อเหตุกลับมาดำเนินคดี ที่ สภ.บางสะพาน โดยแจ้งข้อกล่าวหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต

 

ส่วนปมเหตุในเบื้องต้น เป็นเหตุการณ์ที่ผู้ก่อเหตุเมาเหล้า กลับมาทะเลาะกับภรรยาซึ่งเป็นแม่ผู้ตายอยู่ภายในบ้าน กระทั่งผู้ตายได้เข้าไปห้ามปรามไม่ให้ทั้งสองทะเลากัน ผู้ก่อเหตุจึงเกิดความไม่พอใจและได้เดินไปหยิบปืนลูกซอง บนหลังตู้เสื้อผ้า แล้วเดินออกมายิงใส่ผู้เสียชีวิตจำนวน 1 นัด ซึ่งเป็นขณะเดียวกันกับที่ผู้เสียชีวิตกำลังเดินออกมาจากห้องครัวหลังบ้าน หลังจากยิงนัดแรกผู้เสียชีวิตได้ล้มลง ตัวผู้ก่อเหตุได้เดินไปที่ร่างของผู้เสียชีวิตหวังจะยิงซ้ำ แต่กระสุนด้านยิงไม่ออก จากนั้นเมื่อผู้ก่อเหตุเห็นผู้ตายนอนแน่นิ่งไปจึงวิ่งถือปืนไปซ่อนที่สวนสัปปะรดก่อนที่ตำรวจจะไปถึง

 

ล่าสุดวันนี้(8 เม.ย.67) ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปยัง สภ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยทันทีที่ไปถึงก็พบว่า พ.ต.ท.ณัฐพล ทับทิม รอง ผกก.(สอบสวน) กำลังนั่งสอบปากคำนายสามารถ ผู้ก่อเหตุอยู่ในห้องสอบสวน ซึ่งนายสามารถ ผู้ก่อเหตุไม่ได้มีสีหน้ากังวลใจอะไร โดยอ้างกับทางรองผู้กำกับว่า ตอนก่อเหตุเมาจำอะไรไม่ได้และก็ไม่รู้ว่าลูกเลี้ยงตายไปแล้ว

 

จากนั้นเมื่อสอบปากคำในเบื้องต้นเสร็จ ก่อนที่ตำรวจจะนำตัวกลับไปเข้าห้องขัง ทีมข่าวช่อง 8 ได้สอบถามกับนายสามารถ ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยนายสามารถ เปิดใจกับทีมข่าวว่า เมื่อวานนี้ยอมรับว่า ก่อนจะเกิดเหตุไปกินเหล้าที่งานศพของเพื่อนมา กระทั่งประมาณ 6 โมงเย็นเมื่อเมาได้ที่แล้ว ก็ขี่รถจักรยานยนต์กลับมาที่บ้าน และพอไปถึงบ้านก็ใช้ให้เมียไปหากับข้าวให้กิน แต่ปรากฏว่าถูกเมียด่าว่าไปกินเหล้ามาแต่ทำไมไม่มีปัญญาหาข้าวกิน ก็เลยมีปากเสียงทะเลาะกับเมียอยู่ในบ้าน จนกระทั่งไม่นาน ในขณะที่นายชัยวัฒน์ ลูกเลี้ยงเดินมาเอาน้ำแข็งที่บ้าน จึงเห็นว่าตนเองทะเลาะกับแม่ของเขา นายชัยวัฒน์ก็เลยเดินเข้ามาด่าตนเองด้วยคำหยาบคาย ทำให้ตนเองฟิวส์ขาดจึงเดินไปหยิบปืนลูกซองที่หลังตู้เสื้อผ้าหน้าบ้าน จากนั้นก็เดินไปที่ห้องครัว และจังหวะที่เห็นลูกเลี้ยงกำลังเดินออกไปจากห้องครัว จึงถามก่อนว่ามึงด่ากูทำไม แต่ปรากฏว่าลูกเลี้ยงมันยังหันกลับมาด่าตนเอง เหมือนเดิมอีก ก็เลยจัดสินใจยิงขู่ไปหนึ่งนัด แต่ไม่รู้ว่ากระสุนปืนไปถูกลูกเลี้ยง และขอยืนยันว่าไม่รู้จริงๆว่าตอนนี้ลูกเลี้ยงตายไปแล้ว

 

ยอมรับว่าเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะตนเองรักลูกเลี้ยงคนนี้มาก เนื่องจากก่อนหน้านี้ไปทำงานในสวนด้วยกันเป็นประจำ ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยอมรับว่าก่อนจะเกิดเหตุก็เมาแล้วกลับมาทะเลาะกับเมียเป็นประจำ จึงทำให้ลูกเลี้ยงเกลียดตนเองมาโดยตลอด เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น และอยากจะขอโทษครอบครัวของเมียที่ตนเองไปก่อเหตุยิงลูกเลี้ยงจนเสียชีวิต ซึ่งหลังเกิดเหตุยังไม่ได้มีโอกาสได้คุยกับเมีย เพราะถูกตำรวจจับตัวมาก่อน ยืนยันหลังก่อเหตุไม่คิดหนีที่เอาปืนไปซ่อนเพราะเมาทำอะไรไม่ถูกก็เลยนอนอยู่ที่สวนสัปปะรด

 

ขณะที่ นางวิเชียร อายุ 70 ปี เป็นภรรยาของผู้ก่อเหตุและเป็นแม่ของผู้ตาย บอกกับทีมข่าวว่า ตนเองอยู่กินกับนายสามารถ ผู้ก่อเหตุมาประมาณ 35 ปี ซึ่งตนเองมีลูกติดจากสามีคนแรก 2 คน โดยนายชัยวัฒน์ ผู้ตายเป็นลูกชายคนโต และนอกจากนี้ตนเองยังมีลูกกับนายสามารถ อีก 1 คน

 

เมื่อวานนี้ก่อนจะเกิดเหตุตนเองนอนเล่นอยู่ที่เปลหลังบ้าน จากนั้นประมาณ 6 โมงเย็น จู่ๆหลังจากสามีไปเมาเหล้ามาจากที่อื่น ก็กลับมาโวยวายตนเองถึงเรื่องสมบัติที่ดินที่ตนเองอาศัยอยู่ภายในบ้าน ซึ่งพอตนไม่รับฟัง สามีก็เริ่มพลาดไปหาเรื่องหลานๆที่อยู่ในบ้าน

 

จนกระทั่งผ่านไปประมาณ 10 นาที นายชัยวัฒน์ ลูกชายก็เข้ามาที่บ้าน ซึ่งเมื่อลูกเห็นพ่อเลี้ยงยืนด่าแม่อยู่ ลูกก็เลยเข้ามาห้าม ซึ่งตนเองขอยืนยันว่าลูก ไม่ได้พูดคำหยาบอะไรใส่พ่อเลี้ยงเลยแม้แต่คำเดียว ซึ่งเมื่อตนเองเห็นท่าไม่ดี ก็เลยพยายามไล่ให้ลูกชายกลับไปบ้านของเขา แต่ลูกชายบอกว่า ขอแอบฟังพ่อเลี้ยงด่าแม่ก่อน กระทั่งเมื่อสามี ด่าตนเองด้วยคำพูดที่รุนแรงขึ้น ลูกชายก็เข้ามาพูดกับพ่อเลี้ยงของเขาว่า จะด่าแม่ทำไมหนักหนา แต่ปรากฏว่าพ่อเลี้ยง ตอบลูกกลับว่า เรื่องของกูมึงอย่ามายุ่ง จากนั้นพ่อเลี้ยงก็ด่าลูกด้วยคำหยาบคาย แล้วก็เดินเข้าบ้านไปหยิบปืน ซึ่งตอนที่สามีหยิบปืนมาถือในมือ ตนเองยืนยันว่าพยายามดึงเสื้อของสามีไม่ให้ออกไปเจอกับลูกชาย โดยบอกว่าถ้ามึงยิงลูกกูมึงติดคุกนะ ซึ่งสามีมันหันมาตอบว่า กูชอบ ติดคุกกูก็ไม่กลัว จนกระทั่งพอสามี ออกไปยืนหน้าบ้านเขาเห็นจังหวะที่ลูกกำลังก้มใส่รองเท้าอยู่หน้าห้องครัวจึงลั่นไกออกไปจำนวน 1 นัด ยอมรับว่าตอนนั้นหลังสิ้นเสียงปืน ไม่ได้ยินเสียงลูก จึงคิดว่าเขาวิ่งหนีไปแล้ว

 

แต่ปรากฏว่าพอเดินไปที่หลังบ้าน เห็นสามีกำลังเอาเท้ากระทืบที่ร่างของลูกชายอยู่ และพยายามจะจ่อยิงลูกซ้ำอีกแต่ลูกปืนมันด้าน ซึ่งที่สามี อ้างกับนักข่าวว่าแค่ยิงขู่ ไม่เป็นความจริง เพราะในขณะที่ลูกนอนแน่นิ่งไปเขายังจะไปยิงซ้ำและใช้เท้ากระทืบไปที่ร่างของลูกอย่างไม่ยั้ง

 

เสียใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยอมรับตนเองทะเลาะกับสามีบ่อย แต่ลูกนานๆครั้งจะเข้ามาทะเลาะกับพ่อเลี้ยงของเขา ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยทำร้ายร่างกายกัน และที่สามี อ้างว่าฟิวส์ขาดเนื่องจากถูกลูกชายด่า ก็ไม่เป็นความจริง เพราะเรื่องจริงคนที่ด่าด้วยคำหยาบคาย มีแต่ตัวพ่อเลี้ยงคนเดียวที่ด่าลูก และที่สำคัญ คำพูดที่สามี บอกกับนักข่าวว่าเขารักลูกของตนเองมาก ส่วนตัวไม่เชื่อ เพราะในใจเขาไม่เคยรักลูกของตนเลย ยืนยันไม่อโหสิกรรมให้

พ่อเลี้ยงไม่พอใจลูก ห้ามทะเลาะเมีย คว้าลูกซองจ่อยิงดับ!