จากกรณีคดี ผอ.ระพิน ผู้อำนวยการกองยุทธศาสตร์และงบประมาณเทศบาลเมืองกำแพงเพชร อยู่ในสภาพเปลือยกายใช้กางเกงผูกคอตนเองกับกิ่งมะยม ซึ่งพบพิรุธหลายอย่างซึ่งต่อมาทางทีมข่าวช่อง 8 ได้พบหลักฐานพลิกคดีที่คาดว่า ผอ. อาจถูกฆาตรกรรม นั่นคือ สมาร์ตวอตช์ของ ผอ. สัญญาณ GPS และข้อมูลดาต้าเบสโทรศัพท์มือถือ นั้น




ล่าสุดวันนี้ ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน พร้อมกับชุดสืบสวน ได้เข้ามาขอข้อมูลจากทีมข่าวช่อง 8 เกี่ยวกับจุดที่ครอบครัวสงสัย ที่สัญญาณมือถือของคนตายไปปรากฏ ว่ามีการขับรถเลยบ้าน แล้วอาจมีการเหยียบย่ำดินบริเวณดังกล่าวไปติดที่ศพ


ซึ่งพนักงานสอบสวนและตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ได้เดินทางไปยังจุดลานดินหลัง องค์การบริหารส่วนจังหวัดกำแพงเพชร หรือ อบจ. ซึ่งจุดดังกล่าวเป็นจุดที่ทีมขายช่องแปดไปพิสูจน์เกี่ยวกับลักษณะ และรวมถึงเม็ดต้นสักที่ติดอยู่ในล้อรถด้านหลังของคนตาย


โดยตำรวจพิสูจน์หลักฐานได้มีการวางป้ายตัวเลข 5 ป้าย ซึ่งจุดที่ 1 จะเป็นบริเวณดินใต้ ต้นสัก , จุดที่ 2 คือจุดที่ทีมข่าวมีการทดสอบ , ส่วนจุดที่ 3,4,5 เป็นการสุ่มขุดดินจากบริเวณพื้นที่กว้างของลานดินดังกล่าว โดยตำรวจได้มีการใช้พลั่วขุด ใส่ถุงใสเพื่อนำไปตรวจสอบเทียบเคียง กับดินในเล็บคนตาย และดินที่ติดติดอยู่ในรถหรือล้อรถ


และนอกจากนี้ทีมข่าวยังได้รับรายงานข้อมูลเกี่ยวกับรีพอร์ต และบันทึกภายในเครื่องสมาร์ตวอตช์ ที่ ผอ.ระพิน มีการสวมใส่เอาไว้ก่อนที่จะพบเป็นศพ โดย สมาร์ตวอตช์ มีการบันทึกเกี่ยวกับการเต้นของหัวใจในวันที่ 3 เม.ย. ซึ่งพบว่า ตั้งแต่ช่วงเย็นจนกระทั่งถึง 5 ทุ่ม พบการเต้นของหัวใจอยู่ที่ 80-90 ครั้ง แต่ช่วงเวลาหลัง 5 ทุ่ม ซึ่งตามข้อมูลจากภาพกล้องวงจรปิดปรากฏเห็นรถ ผอ. ขับเข้าบ้านเวลาประมาณ 23.41 น. โดยเวลาหลังจากนั้น จนกระทั่งถึงเวลา ตี 1 พบว่ามีการจับสัญญาณการเต้นของหัวใจที่มากขึ้นถึง 120 ครั้ง จึงมีความเป็นไปได้ว่า ในช่วงเวลาดังกล่าวอาจเป็นช่วงเวลาที่กำลังเกิดเหตุอะไรบางอย่างขึ้นเพราะเนื่องจาก การเต้นของหัวใจเพิ่ม


และการบันทึกข้อมูลของสมาร์ตวอตช์ ยังพบว่า หัวใจหยุดเต้นหรือไม่มีชีพจรซึ่งเครื่องสมาร์ตวอตช์ ไม่สามารถบันทึกได้ช่วงเวลาประมาณ 00.40 น. จากนั้นสมาร์ตวอตช์ มีลักษณะหยุดทำงานคือการถูกปิดเครื่องเวลาประมาณ 01.00 น. ของวันที่ 4 เม.ย. แต่หลังจากที่มีการนำไปประกอบเป็นวัตถุพยาน เมื่อมีการเปิดขึ้นมาปรากฏว่าแบตเตอรี่ของสมาร์ตวอตช์ อยู่ที่ 33% ซึ่งไม่ได้หมด จึงทำให้เครื่องไม่จำเป็นต้องดับ แต่มีคนตั้งใจปิด และโทรศัพท์มือถือ พบว่ามีแบตเตอรี่เหลือ 3 ใน 4 คือประมาณ 75%




อีกทั้งเมื่อมีการตรวจสอบ เกี่ยวกับความผิดปกติ เข้าใจว่าช่วงเวลา 23.41-00.44นััน อาจเป็นช่วงเวลาที่กำลังเกิดเหตุอะไรขึ้นกับตัวของผอ. โดย พบว่าช่วงเวลาดังกล่าว มีช่วงเวลาประมาณ 10 นาที คือ 23.42-23.52 น. มีการนับก้าวเดินในเครื่องสมาร์ทวอ เดินทั้งสิ้น 961 ก้าว คิดเป็นอัตราเมตร อยู่ที่ 274 เมตร ฉะนั้นลูกชายจึงนำไปเทียบ เป็นไปได้หรือไม่ว่าพ่อเดินมาจากลานดินกลับมาบ้าน เพราะระยะทางใกล้ เนื่องจากจุดดังกล่าวห่างจากบ้านประมาณ 300 เมตร


ขณะเดียวกัน ระหว่างที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานกำลังมีการขุดดินที่ลานดินของ อบจ. ไปทำการตรวจนั้น ปรากฏว่าทางด้านของลูกชายและภรรยาได้เดินทางมาพร้อมกับ อาหารและธูป โดยได้มีการมาไหว้บริเวณจุดดังกล่าว เนื่องจากภายในรถตอนที่เดินทางออกจากบ้านที่เกิดเหตุเพื่อที่จะกลับไปวัด ได้ยินเสียงกระซิบให้มาบอกกล่าวเจ้าที่ และให้มาจุดธูปบริเวณจุดนี้เพื่อให้ความจริงกระจ่าง ทางครอบครัวจึงได้มาทำเพื่อทำให้เกิดความสบายใจ และเป็นอีกหนึ่งความเชื่อ


และนอกจากนี้ ชุดสืบสวนยังได้มีการเปิดสัญญาณมือถือของคนตาย ซึ่งตรวจสอบความเคลื่อนไหวสุดท้ายก่อนที่จะกลับไปบ้านแล้วพบเป็นศพ โดยเป็นข้อมูลจุดสัญญาณคนละชุดกัน ซึ่งสัญญาณที่ไปปรากฏอยู่ที่ลานดินหลัง อบจ. เป็นสัญญาณจากสมาร์ตวอตช์ แต่สัญญาณชุดใหม่ที่ชุดสืบสวนเปิดสัญญาณเจอ เป็นสัญญาณจากเครือข่ายมือถือ ซึ่งไปปรากฏขึ้นอยู่ที่ข้างรั้วของอบจ. ห่างจากจุดลานดินประมาณอีก 200 เมตร และจุดดังกล่าวห่างจากบ้าน 500 เมตร


โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าไปทำการตรวจสอบดิน ซึ่งมีการวางป้ายตัวเลข 4 จุด โดยมีการตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าว ที่พบว่าเป็นลักษณะดินที่ถูกพวนไถเตรียมปลูกข้าวโพด แต่จุดดังกล่าวสังเกตว่าเป็นลักษณะดินร่วน สีน้ำ ซึ่งไม่มีดินดำ ตำรวจพิสูจน์หลักฐานจึงได้มีการเก็บเพื่อคลายประเด็นข้อสงสัยว่าจุดดังกล่าวเกี่ยวข้องมากน้อยเพียงใด




และสำหรับการทำคดีในครั้งนี้ ชุดสืบสวนและสอบสวน กำลังตั้งข้อสงสัยว่าสัญญาณของสมาร์ตวอตช์และ GPS มือถืออาจจะไม่ หรือไม่อัปเดตเรียลไทม์ จึงทำให้สัญญาณไม่มีความแม่นยำ ซึ่งกำลังรอผลความแม่นยำจากชุดทำงานอีกชุด โดยเป็นการเช็คจากสัญญาณเบสมือถือ ซึ่งจะมีความละเอียดและแม่นยำกว่า เพื่อที่จะนำมาคลี่คลายประเด็นข้อสงสัย ว่า GPS Error หรือเป็นเพราะ มีการเคลื่อนที่ออกนอกเส้นทางของ ผอ. จริงหรือไม่


ขณะที่วัดบาง อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร ซึ่งเป็นที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพของ ผอ.ระพิน บรรยากาศยังคงเป็นไปด้วยความโศกเศร้า ซึ่งคืนนี้ยังคงมีงานสวดอภิธรรมต่อเนื่อง และยังไม่ได้มีกำหนดการจะฌาปนกิจศพ เนื่องจากทางครอบครัวยังรอผลตรวจอย่างละเอียดจนคลี่คลายในประเด็นข้อสงสัยทั้งหมดก่อน


ด้านนางรัตติกร ภรรยาคนตาย เผยว่า แม้ว่าในวันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีการลงพื้นที่ไปยังบ้านที่เกิดเหตุ และยังพาตนเองไปเก็บดินตามประเด็นข้อสงสัยที่มีการตั้งประเด็นเอาไว้ ทุกอย่างเกิดขึ้นจากข้อสงสัยของคนในครอบครัว ซึ่งถ้าหากครอบครัวไม่สงสัย หรือสื่อไม่สงสัย ตำรวจจะทำงานลักษณะแบบนี้หรือไม่ และที่สำคัญตัวเองได้มีโอกาสสอบถามเกี่ยวกับวุฒิภาวะและการทำงานของพนักงานสอบสวน ในขณะที่เจอกันหน้างาน




โดยย้อนกลับไปในวันที่มีการเก็บหลักฐาน ตนเองได้มีการร้องขอให้มีการเก็บเก็บถุงเท้า กางเกงใน และวัตถุพยานอื่น แต่ทางร้อยเวรไม่ได้มีการเก็บเอาไป อ้างว่าเพียงพอแล้ว แต่พอวันนี้ครอบครัวสงสัย จึงกลับมาเก็บ ส่วนตัวจึงค่อนข้างแปลกใจเกี่ยวกับระบบการการทำงาน ฉะนั้นก็ยังไม่สามารถที่จะไว้วางใจในกระบวนการการทำงานของตำรวจได้ ก็ต้องรอผลการชันสูตรศพอย่างละเอียดปรากฏ และต้องเป็นที่น่าพอใจ ซึ่งถ้าหากยังไม่มีความคืบหน้าหรือไม่มีความกระจ่าง ก็ยังคงยืนยันคำเดิมว่าจะไม่มีการเผาร่างของ ผอ.


สำหรับการลงพื้นที่ไปตรวจลานดินในวันนี้ ตอนแรกตนเองเข้าใจว่าเป็นลานดินบริเวณพื้นที่ ที่ทีมช่อง 8 ไปสำรวจ เพราะตรงกับจุดที่สัญญาณหรือ GPS ของสมาร์ตวอตช์ จับสัญญาณได้ แต่ตำรวจพาลงพื้นที่วันนี้ กลับบอกว่า GPS มีการคลาดเคลื่อน ลักษณะสัญญาณสวิง แล้วอ้างว่าสัญญาณไปขึ้นที่ข้างรั้ว อบจ. ตนเองก็ไปยืนดูการเก็บดินบริเวณจุดดังกล่าว แต่ไม่ได้ให้ความความสำคัญ เพราะข้อมูลจุดแรกที่ตนเองเห็นน่าจะเป็นลานดินบริเวณ อบจ. มากกว่า แต่ทั้งนี้การนำไปตรวจก็เป็นเรื่องที่ดีเพราะอย่างน้อยก็เป็นการเร่งคลี่คลายคดี


ขณะเดียวกันในวันนี้ ในช่วงที่มีการตรวจบ้านที่เกิดเหตุพร้อมกับตำรวจพิสูจน์ และหัวหน้าชุดอย่างรองผู้การ ได้มีการตั้งปมประเด็นข้อสงสัยเกี่ยวกับไฟข้างบ้านที่ถูกเปิดทิ้งเอาไว้ ซึ่งในวันนั้นทราบว่าคนตายยังไม่ได้เปิดประตูเข้าไป แต่ทำไมไฟดวงดังกล่าวถึงเปิดทิ้ง ทั้งที่สวิตช์อยู่ในบ้าน ส่วนตัวยังไม่ขอตั้งปมดังกล่าวว่ามีใครไปเปิดหรือปิด หรือเข้าไปในบ้านก่อนหลัง แต่ขอพูดถึงพฤติกรรมของสามี ที่เป็นคนบางครั้งอาจจะขี้ลืมที่ลืมปิดไฟก็ได้ แต่ถ้าหากตำรวจตรวจพบว่ามีคนเข้าออกแล้วมีการปิดล็อคบ้าน ก็ว่าไปตามหลักฐานที่พบ


สำหรับประเด็นเรื่องของกล้องวงจรปิดที่พบรถปริศนาทั้งรถกระบะและรถมอเตอร์ไซค์มอเตอร์ ตนเองยังไม่ได้มีการดูข่าวหรือดูกล้องวงจรปิดเหล่านั้น แต่รับฟังข้อมูลมาจากคนในครอบครัว ซึ่งหากมีส่วนเกี่ยวข้องหรือใช่ ตนเองก็อยากให้ตำรวจเร่งคลี่คลายคดีโดยการตามหาให้เจอว่าเป็นใคร


อย่างไรตาม ภรรยาของผอ เผยนอกรอบว่า กรณีกรณีสายสุดท้ายในคืนวันเกิด เวลา 21.04 น. ที่ตนเองมีการโทรพูดคุยกับสามี ในคืนดังกล่าวตนเองเป็นกิจวัตรประจำวันที่มักมักจะโทรหาหา และสอบถามเกี่ยวกับงานรวมถึงการใช้ชีวิตในแต่ละวัน และทราบว่าในวันนั้นตัวของสามีออกไปสังสรรค์ หลังจากทราบก็วางวางสาย เพราะเนื่องจากเป็นการพูดคุยกันแบบกิจวัตรประจำวันทั่วไปไม่ได้มีอะไรผิดแปลก

 

หลักฐานพลิกคดี ฆ่า ผอ.ระพิน พบพิรุธ สัญญาณมือถือ-สมาร์ตวอตช์ โผล่จุดใหม่